วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
สะสมบุญเพื่อใช้ในภพหน้า อรัญญา มาลีนนท์
สะสมบุญเพื่อใช้ในภพหน้า อรัญญา มาลีนนท์
ความนับถือพระพุทธศาสนาสมัยอยุธยา ส่วนใหญ่มุ่งไปสู่เรื่องทำบุญ ทำกุศล สร้างวัดกันเรื่อยมา ส่งผลให้จ.พระนครศรีอยุธยา มีวัดในประวัติศาสตร์มากมาย หนึ่งในนั้นยังมีวัดที่ครอบครัวของ อรัญญา มาลีนนท์ หรือ "มาดามหลี" หวานใจบิ๊กบอสช่อง ๓ ประวิทย์ มาลีนนท์ ในฐานะเจ้าของหุ้นส่วนคลินิกความงาม "เดอร์มา เบลล์ (Derma Belle)" ได้สร้างเอาไว้เป็นของตระกูลด้วยเหมือนกัน
อรัญญา เล่าว่า ตามประวัติคนสมัยโบราณใน จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่มีการสู้รบกัน บ้านเมืองสงบสุข แต่ละคนไม่มีความเดือดร้อนอะไร คนส่วนใหญ่สมัยนั้นจะชอบสร้างวัดกัน สมัยที่เป็นเด็กก็ยังเคยเห็นญาติของคุณแม่มีการสร้างวัดเอาไว้ทำบุญของตัวเองด้วย มาวันนี้จำไม่ได้แล้วว่าชื่อวัดอะไร เพราะอายุได้ ๓ ขวบแม่ก็ย้ายมาอยู่ในกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าชีวิตที่ผ่านมาถูกปลูกฝังในเรื่องของธรรมะมาตลอด ตั้งแต่เป็นเด็กจะเห็นคุณแม่ทำบุญเป็นประจำ โดยท่านจะสอนเสมอว่า ทำดีได้ดี ทำดีเอาไว้แล้วจะได้ไปอยู่ในสรวงสวรรค์ หรือถ้าคนเราทำอะไรไม่ดีไว้ก็จะไม่ได้ไปสวรรค์ คำคุณแม่สอนก็ยังคงก้องอยู่ในหูมาตลอด จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรที่ไม่ดี
หลังจากเติบโตแต่งงานกับคุณประชามีลูกก็จะสอนเขาแบบที่คุณแม่สอนเรา ส่งผลให้ลูกสาวคนโตมีความสนใจและชอบเกี่ยวกับธรรมะเหมือนแม่ไปแล้ว "ดิฉันบอกลูกเสมอว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราทำความดีอย่างไร และเราควรจะต้องปฏิบัติตนยังไง สิ่งที่ทำแล้วรู้สึกว่าดีก็จะพยายามสอนลูกทุกคนมาตลอด สิ่งสำคัญตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่เคยลืมสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน เพราะมองว่าการสวดมนต์นอกจากทำให้เราจิตใจสบายสงบแล้ว มีความรู้สึกคล้ายๆ กับว่า เราจะมีความทุกข์ยังไง มันก็จะมีทางออกแห่งความทุกข์ได้เสมอ" เธอเชื่อสวดมนต์ช่วยให้พ้นทุกข์
พร้อมกล่าวต่อว่า เบื้องต้นยังเป็นคนเชื่อในเรื่องของบุญและบาป ทั้งๆ ที่ตลอดชีวิตเรายังไม่เห็นว่าเมื่อเราจากโลกนี้ไปแล้วจะไปอยู่ในภพภูมิอะไร ชาติหน้ามีหรือไม่ยังไม่มีใครบอกได้แน่ชัด ด้วยความไม่ประมาทกับชีวิตภพหน้าเราจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม ชาตินี้เราต้องทำความดี ทำบุญเติมบุญเอาไว้ก่อน เพื่ออนาคตในวันข้างหน้าเราจะเป็นอะไรเราก็ยังไม่รู้ได้ การทำบุญจึงเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งว่าเราได้สะสมบุญ อีกสิ่งหนึ่งที่ปฏิบัติเป็นประจำคือไปหาพระอาจารย์เพื่อสนทนาธรรม โดยท่านสอนว่า ทำบุญให้จำไว้ ๓ อย่าง คือ ๑.ต้องทำด้วยความตั้งใจ บุญจะทำมากทำน้อยไม่เป็นไร ๒.ระหว่างถวายของหรือทำบุญจิตเราต้องน้อมไปด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่าจะถวายไปแบบจิตไม่นิ่งหรือไม่สนใจบุญที่ทำ ๓.แผ่ส่วนบุญกุศลที่ทำด้วย ไม่ใช่ทำแล้วไปหวงบุญไม่แบ่งปันให้ใครอย่างไรก็ตาม ชีวิตครอบครัวมีความสุขได้ทุกวันนี้ต้องขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ที่เรานับถือ
ส่วนคำสอนของพระพุทธเจ้าทำให้กลับมาคิดต่อว่า คนเรามีจิตใจอยู่สองประเภทในร่างกาย สังเกตจากบางครั้งทำอะไรไม่ดี ก็เหมือนมีอีกตัวมาเตือน ให้ทบทวนกับสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้องหรือผิดอย่างไร ถ้าเราปล่อยให้ตัวไม่ดีชนะจิตใจเรา ตัวที่ดีก็ยังหลบอยู่ข้างใน ดังนั้น เราต้องพยายามเอาตัวที่ดีออกมาสู้กับตัวไม่ดี บางคนอาจเรียกเจ้ากรรมนายเวร เช่น ไปเดินช็อปปิ้งใจเราอยากได้กระเป๋าใบหนึ่งมาก ความอยากได้พอไม่ได้ก็ทำให้จิตใจเป็นทุกข์ พาให้จิตเราคิดแล้วคิดอีก ความอยากกำลังครอบงำ ทำให้ตัวเองคิดทบทวนกลับมาว่า ถ้าเราได้กระเป๋าใบนี้ขึ้นมาเมื่อไร แสดงว่าเรากำลังแพ้ใจตัวเอง แพ้ความอยากมันคือกิเลสนั่นเอง เมื่อคิดได้ว่า ถ้าไม่ได้กระเป๋าใบนั้นก็ทำให้เราไม่ทุกข์ใจ ทำได้แบบนี้เหมือนเป็นการปล่อยวางไม่ยึดติดกับสิ่งของเหล่านั้น เพราะชีวิตจะมีความสุขได้ก็ขึ้นอยู่ที่ใจเราเท่านั้น
สำหรับพระเครื่องไม่ได้แขวนติดตัว แต่ถ้าเดินทางไปไหนก็ตาม จิตจะนึกถึงพระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ และพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แล้วจะอธิษฐานถึงท่านให้ช่วยคุ้มครอง เชื่อไหมว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องอุบัติเหตุอะไรเลย อรัญญา กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า "สิ่งสำคัญที่อยากฝากเอาไว้ก็คือ คนเราอย่าดูถูกตัวเอง บางคนชอบคิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่สวย ไม่หล่อ ตรงนี้ก็พยายามสอนลูกว่า เราเองจะทำให้เราดี เราสวยได้หมด อยู่ที่ใจเราต่างหากว่าเราจะทำไหม ถ้าเราดูตัวเราไม่ดี เพราะเราเกิดกันมาดีไม่ดีมันขึ้นอยู่ที่กรรมเก่า ถ้าชาตินี้เรารู้ว่าเราไม่ดี เราก็จงทำกรรมดี สะสมบุญไว้ เชื่อว่ากรรมดีเหล่านั้นจะสนองกลับไม่วันใดก็วันหนึ่ง หรือไม่ภพใดก็ภพหนึ่งแน่นอน"
สุทธิคุณ กองทอง สรณะ-คนดัง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น