ทันทีที่วินาทีแห่งประวัติศาสตร์ผ่านพ้นไป ลมหายใจแห่งการลุ้นระทึกก็จบสิ้นลง พร้อมกับการเริ่มต้นนับหนึ่งในชีวิตใหม่ของ "คุณปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย"
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสาวเชียงใหม่วัย 44 ปี น้องสาวสุดท้องของตระกูล "ชินวัตร" ท่านนี้ จะรื่นรมย์หรือขมขื่น ล้วนเป็นสิ่งที่สังคมคอยจับจ้อง แม้เธอจะผ่านบททดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งชีวิตครอบครัว การงานและการเมือง จนขึ้นสู่ความเป็น "ผู้หญิง" แถวหน้าของเมืองไทย เรื่องราวของเธอก็ยังน่าติดตาม...
อนาคตจะเป็นอย่างไร "เวลาคือ
คำตอบ" แต่สิ่งหนึ่งที่เธอย้ำเสมอนั่นคือ "คนเราต้องมีความรักความเอื้ออาทรต่อกัน โลกนี้ถึงจะสวยงามและน่าอยู่" ที่สำคัญ "คนเราต้องไม่ละทิ้งตัวตน ต้องเป็นตัวของตัวเอง แล้วความสุขจะมากกว่าความทุกข์"
"ประชาชาติธุรกิจ" จึงขอใช้โอกาส นี้ย้อนเวลา สะท้อนถึงตัวตนของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อีกครั้ง เมื่อครั้งได้รับเกียรติให้ไปเยี่ยมบ้านแสนรักของเธอในซอยโยธินพัฒนา 3 เมื่อ 3 ปีก่อนของเดือนกรกฎาคม เดือนที่ฝนตกพรำ ๆ ทั้งวันตลอดสัปดาห์ของปีนั้น
บ้านหลังใหญ่ในทำเลทอง
แม้ฝนฟ้าไม่เป็นใจ แต่ใจของทุกคนในวันนั้นดูสดชื่นและคึกคักเป็นพิเศษ เพราะโอกาสที่จะเข้ามาถึงบ้านส่วนตัวของคนระดับซีอีโอหมื่นล้านอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยิ่งเธอเป็นน้องสาวสุดรักของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็ยิ่งไม่ง่ายใหญ่
วันนั้นเธอติดภารกิจด่วนในฐานะประธานบอร์ดบริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) บริษัทยักษ์อสังหาริมทรัพย์ที่กำลังประกาศรีแบรนด์ตัวเองสู่โลกสมัยใหม่ และใช้สีส้มเป็นสีประจำแบรนด์ เจ้าของบ้านจึงส่งตัวแทนมาต้อนรับทีมงาน พร้อมเชื้อเชิญให้อยู่ร่วมรับประทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
บ้านหลังใหญ่ ทรงมาตรฐาน ขนาด 2 ชั้นของนายกฯหญิง "ยิ่งลักษณ์" ดูจากภายนอกจะให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแรง และมีความเป็นส่วนตัวด้วยรั้วทึบแบบก่ออิฐฉาบปูนที่ทาสีด้วยสีโปรด "สีขาวครีม" ซึ่งไม่เน้นความหรูหรา แต่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย สะอาดตา อันเป็นเจตนารมณ์ของเจ้าของบ้าน
พลันที่ประตูรั้วบ้านเลขที่ 38/9 ซอยโยธินพัฒนา 3 เขตลาดพร้าวเปิดต้อนรับ ทุกคนรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาบริเวณรอบบ้าน ทั้งสระว่ายน้ำ สนามหญ้า ต้นไม้ใหญ่ริมรั้ว ที่จอดรถ (หรู) และเรือนคนรับใช้ ที่สร้างเชื่อมกับบ้านหลังใหญ่ ไม่นับรวม "สนามฟุตบอล" ที่ตอนนี้ได้ถมคอนกรีตแล้วบางส่วน ซึ่งเปรียบเหมือน "พื้นที่ส่วนกลาง" ที่เจ้าของบ้านชอบออกมาเดินเล่นและนั่งรับลมตอนเย็น ๆ
"สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้รอ งานเยอะมาก (เน้นเสียง) นี่ก็เพิ่งประชุมเสร็จ รถก็บึ่งมาที่บ้านเลย เชิญตามสบายนะคะ วันนี้ขอเลี้ยงราดหน้าเจ้าอร่อย ใครจะเบิลก็ได้นะ (หัวเราะ)" เจ้าบ้านกล่าวต้อนรับทีมงานทันทีที่มาถึงด้วยท่าทีกระตือรือร้น
พร้อมชวนทุกคนเข้าไปนั่งโต๊ะที่ห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่สีขาวที่จุคนนั่งได้มากกว่า 10 ที่ รสชาติของเส้นใหญ่ราดหน้าอร่อยมากขึ้น เมื่อซีอีโอหญิงในขณะนั้นเล่าให้ฟังว่า...
"ที่มาสร้างบ้านอยู่แถวนี้ เพราะทำเลดี มีถนนตัดใหม่อย่างเกษตร-นวมินทร์ และเลียบทางด่วนรามอินทราขนาบข้าง ออกได้หลายทาง ขึ้นทางด่วนเข้าเมืองก็ง่าย แถมเป็นพื้นที่โล่ง ไม่แออัด บ้านจัดสรรแพง ๆ ก็อยู่แถวนี้หมด"
ย่านนี้นอกจากจะเป็นแหล่งแฮงเอาต์อินเทรนด์แล้ว ยังมีศูนย์การค้าคริสตัลพาร์ค หรือซีดีซีที่นายกฯหญิงบอกว่า "จะช็อปปิ้งอะไรก็มาที่นี่ เพราะมีทุกอย่าง" "บ้านพี่แป๋วก็อยู่ติดกันด้านหลัง" พี่แป๋วที่คุณปูเอ่ยถึงคือ "มณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล" พี่สาวแท้ ๆ ที่สนิทกันมากเพราะวัยใกล้กัน ปัจจุบันเป็นผู้บริหารที่เอ็มลิ้งค์ฯ
ชอบสไตล์เรียบง่ายแต่ทันสมัย
บ้านนายกฯหญิงหลังนี้เด่นด้วยจำนวนพื้นที่ใช้สอยที่มีมากถึง 2,500 ตารางเมตร ตีมูลค่าแล้วไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท โดยคำนวณจากค่าที่ดิน ค่าก่อสร้างและค่าออกแบบตกแต่งภายใน ตกตารางเมตรละ 1 แสนบาท ออกแบบในสไตล์เรียบง่ายแต่ทันสมัย เป็นแนวโมเดิร์นคลาสสิก หรือโมเดิร์นคอนเทมโพรารี่ ที่ไม่เน้นรายละเอียดเยอะ
แต่เน้นความโอ่โถง จากโถงบริเวณชั้นล่าง สายตาผู้มาเยือนจะถูกเบรกไว้ด้วยบันไดหรูทรงโค้งที่อยู่กลางบ้านด้านในและเปียโนหลังใหญ่
ยามที่พักผ่อนอยู่บ้าน เธอชอบเปิดเพลงบรรเลงอัตโนมัติจากแกรนด์เปียโน เพราะเสียงเปียโนให้ความรู้สึกที่รีแลกซ์ ครั้งหนึ่งเคยหัดเรียนเปียโนเพราะ
ชอบ แต่ด้วยภารกิจทำให้เธอต้องห่างเหินไปบ้าง
"ส่วนตัวแล้วจะชอบบ้านกว้าง ๆ ที่ดูโล่ง โปร่ง สบาย เป็นแบบเรียบ ๆ เท่ ๆ เพดานก็ต้องสูงด้วยนะ เฟอร์นิเจอร์นี่ชอบแบบลอยตัวเพราะดูร่วมสมัยมากกว่า"
เช่นเดียวกับห้องแพนทรี ซึ่งเป็นห้องครัวแบบฝรั่งที่เน้นโทนสีขาวครีม มีไว้สำหรับการจัดเตรียมทำอาหาร มีจุดเด่นอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์สไตล์ไอส์แลนด์ ส่วนครัวแบบไทย ๆ จะอยู่ด้านหลัง
ถัดมาเป็นห้องลิฟวิ่งรูม เป็นห้องพักผ่อนดูทีวี มีเครื่องเสียงครบ นายกฯหญิงบอกว่า "ชอบห้องนี้มากเพราะเบาะนุ่ม (พูดติดตลก) ซีลลิ่ง (เพดาน) ก็สูง ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับฮวงจุ้ยเลย (หัวเราะ) แล้วลูกชายก็ชอบมานั่งห้องนี้กับแม่"
เมื่อถามถึงคนที่อยู่ด้วย คุณปูตอบ
ยิ้ม ๆ ว่า "อยู่กับลูกชายค่ะ รักมาก (เน้นเสียง) ชื่อน้องไปป์ เด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร ศุภเสกข์เนี่ยแปลว่า นักปราชญ์ที่เก่งและมีชื่อเลื่องลือ วันนี้น้องไปป์ไม่อยู่ ติดเรียน ไม่งั้นได้ถ่ายรูปคู่กันแล้ว"
แล้วเธอก็ชี้ไปที่สระว่ายน้ำหน้าบ้านว่า เป็นอีกหนึ่งมุมโปรดของเธอกับลูก ตอนเย็นลมเย็น ๆ จะพัดผ่านให้ความรู้สึกที่สบาย ไม่เหมือนตอนเช้าแดดจะร้อน ชอบนั่งอ่านหนังสือมุมนี้ บางทีก็ปิ้งบาร์บีคิวกินกัน ลูกก็ว่ายน้ำไป มีความสุขมาก เพราะบ้านคือทุกสิ่งทุกอย่างของเรา
ความหมายของคำว่า "บ้าน" ใน
มุมมองของนายกฯหญิงยิ่งลักษณ์ เธอสรุปว่า...
"บ้านดีไม่ต้องหรูหรา แต่อยู่แล้วต้องรู้สึกสบาย อบอุ่นและปลอดภัย"
นั่นถึงจะเป็น "บ้าน" ที่แท้จริง
..................
"ยิ่งลักษณ์" ฟีเวอร์
หากประเทศสหรัฐอเมริกามี "มิเชล โอบามา" เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ที่คนทั่วโลกจับตามองแทบทุกย่างก้าวในฐานะภริยาประธานาธิบดีสหรัฐ ประเทศไทยก็มี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" สุภาพสตรีอันดับ 1 ที่ทุกคนกำลังจับตามองในฐานะ "นายกรัฐมนตรี"
ความโดดเด่นและบุคลิกภาพของนักธุรกิจสาว ที่พกพาความมั่นใจเข้ามาชิงชัยในเวทีการเมือง ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าสุภาพบุรุษอกสามศอกแม้แต่น้อย
นอกจากความสูงโปร่งเหนือกว่า ส.ส.หญิงหลายคนในสภา หรืออาจจะสูงกว่า ส.ส.ชายบางคนเสียอีก ประกอบกับการแต่งกายที่มีรสนิยม ดูดี ถูกต้อง เหมาะสมตามกาลเทศะ ทำให้ภาพลักษณ์ของผู้นำประเทศคนใหม่ยิ่งดูโดดเด่น
องค์ประกอบเหล่านี้ฉายให้เห็นความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความมั่นใจ ของสตรีผู้นี้ได้เป็นอย่างดี มีผู้คอยติดตามสตรีผู้นี้ทุกย่างก้าว โดยเฉพาะความสวย ความงาม ที่เธอเป็นคนเมกอัพและคอร์สตูมเองกับมือ
ยิ่งลักษณ์ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งหน้า ทำผมด้วยตัวเอง เสมือนผ่านการเข้าซาลอนออกมาหมาดๆ
ส่วนเสื้อผ้าแต่ละชุดที่เธอเลือกสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ดูดี โดดเด่นจน มีคนกระซิบว่า เสื้อผ้าบางชุดพี่ชายจากแดนไกลเป็นคนซื้อให้ โดยมีพี่สาวเดินช็อปปิ้งส่งมาให้อีกที
เท่าที่สังเกตสีที่เธอโปรดปรานมากที่สุด น่าจะเป็นสีม่วง จากเสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่ในวันเลือกตั้ง และมักจะเลือกทาบรัชออนสีม่วง มาเสริมดวงตาให้เปล่งประกาย สวยงาม
การแต่งกายที่ดูดี มีไสตล์แบบนายกฯหญิงทำให้หลาย ๆ คนคอยจ้องมองและลอกเลียนแบบทั้ง เสื้อ ผ้า หน้า ผมของเธอกันเป็นจำนวนมาก เช่น ผมทรงยิ่งลักษณ์ จะถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุด
..................
"สองคนรัก" ที่ห่วงมากสุด
ในชีวิตของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อาจมีหลายสิ่งที่เป็นของรักของหวง แต่ 2 คนนี้เธอรักอย่างไร้เงื่อนไข นั่นคือพี่ชายคนโตกับลูกชายคนเดียว
เธอเคารพพี่ชายที่ชื่อ "พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร" มาก เพราะเลี้ยงดูเธอมาเหมือนลูก (คนโต) ซึ่งอายุห่างกันถึงรอบครึ่ง (18 ปี) ทั้งไม่เคยสร้างความเหนื่อยใจใด ๆ
"พี่ษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ) เป็นคนจิตใจดีและมีบุญคุณกับปูมาก อะไรที่ช่วยได้ปูจะทำ" เธอเอ่ยไว้เมื่อครั้งพาเยี่ยมชมโครงการใหม่ในย่านพิบูลสงคราม ขณะเป็น ซีอีโอเอสซี แอสเสทฯ
ส่วน "น้องไปป์" ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร เธอยอมรับว่า "รักและห่วง" มากที่สุด
"เสาร์-อาทิตย์อยากอยู่บ้านกับลูก ชอบอ่านหนังสือ หัดตีกอล์ฟ ทำขนมกุ๊กกิ๊ก ๆ ซึ่งน้องไปป์ก็ชอบเหมือนแม่ เราชอบทำวัฟเฟิลด้วยกัน ทำเลี้ยงเพื่อนน้องไปป์ที่มาเที่ยวบ้าน"
"น้องไปป์ชอบเล่นฟุตบอล อย่างถุงมือพร้อมกับลายเซ็นที่แคสเปอร์ ชไมเคิล ผู้รักษาประตูสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่เคยให้ไว้ กลายเป็นของโชว์ประจำบ้านนี้ไปแล้ว"
นี่คือความรู้สึกของแม่ที่พูดถึงลูกผู้เป็นแก้วตาดวงใจ
ขอบคุณ
ข้อมูล ประชาชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น