สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำท่วมไทยเพราะกรรมอะไรหนอ ? ปัญหาธรรม…อรัญญา มาลีนนท์




นิตยสาร WhO?

เรื่อง : ว.วชิรเมธี ภาพ : กองบรรณาธิการ

/// น้ำท่วมไทยเพราะกรรมอะไรหนอ ?

ปัญหาธรรม…อรัญญา มาลีนนท์



เป็นทัพหลังดูแลทุกข์สุขของวิก 3 พระราม 4 อย่างอบอุ่นเสมือนครอบครัวเดียวกัน มาดามหลี-อรัญญา มาลีนนท์ ศรีภรรยาของ คุณประวิทย์ มาลีนนท์ บิ๊กบอสสถานีวิทยุโทร ทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ยังชอบทำบุญ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า เป็นการสะสมบุญไว้ไปใช้ในภพหน้า

ด้วยความที่เป็นคนใจบุญ ทำให้เธอกลับมาคิดทบทวนถึงเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านมาว่าเป็นเรื่องกรรมอย่างไร เธอจึงมีคำถาม (ปุจฉา) ถึง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ว่า

“คนที่ประสบภัยน้ำท่วมเป็นเพราะมีกรรมอะไร น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้หนักมาก บางคนถูกน้ำท่วมหนัก บางคนไม่ถูกน้ำท่วม แม้จะอยู่พื้นที่ใกล้เคียงกัน”

พระมหาวุฒิชัย วิสัชนา

น้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมามีสาเหตุจากปัจจัยหลายประการ เท่าที่มีผู้อธิบายไว้ พอสรุปดังนี้

1.มวลน้ำมีมากกว่าปีอื่นๆ เพราะนอกจากน้ำฝนที่ตกตามปกติแล้ว ยังมีน้ำฝนจากอิทธิพลของพายุอีกหลายลูก

2.การบริหารจัดการน้ำผิดพลาด

3.การสร้างบ้าน โรงงาน ถนน ปิดทางน้้ำ

4.การไม่เตรียมการขุดลอกคูคลองสำหรับรองรับการไหลของมวลน้ำ

5.การแตกความสามัคคีของคนไทยโดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไข

ปัญหาเหล่านี้คือ “กรรมร่วม” ของคนไทยทั้งประเทศ ที่เป็นสาเหตุให้รับกรรมร่วมกันอย่างถ้วนหน้า

ส่วนผู้ที่น้ำไม่ท่วมก็อย่าเพิ่งชะล่าใจว่าจะปลอดภัย เพราะจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ต่างยืนยันตรงกันว่า ปริมาณน้ำยังคงไม่ลดลง แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปอีกหลายปี

ดังนั้น ทางแก้คือ ต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ที่ผ่านมานั้นคนไทยมีความประมาท เชื่อมั่นอย่างผิดๆ ว่า เมืองไทยนี้ เป็นเมืองของผู้มีบุญ มีเทวดารักษา ไม่เกิดวิกฤตร้ายแรง ความเชื่ออย่างนี้ ทำให้ไม่รู้จักวางแผนรับมือกับอนาคตในระยะยาว เวลาเกิดปัญหาขึ้นมาก็คิดเพียงว่า จะไม่เลวร้ายถึงที่สุด เพราะมีเทวดาจะช่วยรักษาไว้ แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า ทำไมในรอบหลายปีนี้ เมืองไทยจึงมีวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่า เทวดาผู้วิเศษไปหลบลี้หนีหน้าอยู่ที่ไหน ทำไมจึงปล่อยให้คนไทยตกระกำลำบาก

การฝากชะตากรรมของคนทั้งประเทศไว้กับเทพยดาอารักษ์เพียงอย่างเดียวนั้น เป็นความประมาทอย่างยิ่ง เพราะทำให้เราไม่รู้จักลุกขึ้นพึ่งพาตนเอง ทำให้ไม่รู้จักวางแผนรับมือกับอนาคตภัย

การบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลแต่ละชุดที่ผ่านมา ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เภทภัยทั้งหลายถาโถมเข้าใส่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง การบริหารประเทศในลักษณะ “วันต่อวัน” ทำให้ไม่มีการวางมาตรการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างยั่งยืน เกิดปัญหาคราวหนึ่งแก้กันทีหนึ่ง ประชาชนจึงไม่เกิดการเรียนรู้ ไม่เกิดการสั่งสมภูมิปัญญาเพื่อรับมือ ผลก็คือ แม้วิกฤตจะเกิดบ่อยๆ แต่ทักษะในการจัดการกลับไม่ดีขึ้น

สังคมไทยของเรานั้น ทุกวันนี้เป็นสังคมที่อ่อนแอมาก หากเปรียบเป็นคนคงป่วยอมโรคจนงอมพระราม จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ พอสุขภาพของสังคมอ่อนแอเป็นทุนเดิม เจอภัยธรรมชาติเข้าหน่อย ภัยน้อยๆ เลยเป็นภัยหนักขึ้นทันที

หากจะถามว่าที่น้ำท่วมคราวนี้เป็นเพราะกรรมอะไร ตอบได้ว่า เป็นเพราะความประมาท การขาดสติของคนไทยร่วมกันนั่นเอง

ส่วนบ้านของคนที่ไม่ถูกน้ำท่วมนั้น เป็นเพราะว่า อยู่ในชัยภูมิที่ดี หรืออยู่ในจุดที่รัฐบาลพยายามรักษา เพราะเป็นย่านใจกลางของเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นเพราะทำบุญมาแต่ปางก่อน แต่เป็นเพราะว่า ถ้าปล่อยให้ท่วมรัฐบาลจะจมไปพร้อมๆ กับน้ำที่ปล่อยให้ท่วมย่านเศรษฐกิจนั่นเอง

น้ำท่วมคราวนี้ สิ่งที่เราควรทำ ไม่ใช่แค่การทำบุญประเทศ หรือสวดมนต์ร่วมกันแล้วจบ แต่ควรหาวิธีสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ร่วมกันทั้งประเทศว่า เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และในอนาคตจะไม่เกิดขึ้นอีกได้อย่างไร ขอฝากทุกฝ่ายด้วยว่า การแก้ปัญหาน้ำท่วม ต้องทำอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ทำแบบนักการตลาดที่เน้นแก้ปัญหาด้วยการแก้ภาพลักษณ์ให้ดูดี แต่ปัญหาจริงๆ ยังไม่เคยได้รับการแก้ไข ประเทศไทยของเรานั้นถึงจุดตกต่ำ จนไม่รู้ว่าจะต่ำอย่างไรแล้ว ในรอบหลายปีมานี้ จากนี้เป็นต้นไปต้องช่วยกัน “ยกใจขึ้นบก” เลิกเห็นแก่ตัว เลิกเห็นแก่หน้า เลิกเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว ก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง หันมาจับมือกันเร่งฝ่าฟันปัญหา หลอมรวมใจสร้างสังคมไทยที่สงบร่มเย็นขึ้นใหม่ หาไม่แล้วมวลน้ำไหลมาอีกระลอก–– เราจะเจ็บหนักยิ่งกว่านี้หลายเท่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น