เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : นพพล ภาคสุทธิผล แต่งหน้า : นันทพล วงค์เอนก
นักมวยไทยค่าตัวแพงที่สุดในโลก
บัวขาว ป.ประมุข
ขวัญใจตอง-ภัครมัย & สาวญี่ปุ่นหลงใหลขอเป็นแฟนคลับ
ไม่เพียงการได้รับขนานนามให้เป็นผู้สร้างตำนานนักสู้ ผู้ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของ ประเทศไทยจนเป็นที่ประจักษ์สู่สายตาชาวโลก เจ้าของฉายา “ดำดอทคอม” ยังคว้าแชมป์เค-วัน 2 สมัยคนแรกและเป็นนักมวยไทยที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก สำคัญไปกว่านั้นเขาสาวๆ ค่อนโลก ยังหลงใหลขอเป็นแฟนคลับ “บัวขาว ป.ประมุข” คนนี้
ในเมืองไทยอาจไม่ค่อยมีใครคุ้นหน้าหรือรู้จัก บัวขาว ป.ประมุข มากนัก ขนาดออกไปเดินเล่นแถว วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งใกล้ค่ายมวยที่เขาพักยังไม่มีใครทักหรือรู้จักเขาเลย ทว่าในทางกลับกันที่ประเทศญี่ปุ่น ใบหน้าของเขาถูกนำไปบรรจุอยู่ในเกมเพลย์สเตชั่น 2 โดยเฉพาะกับสาว ๆ แดนปลาดิบ บัวขาว มีชื่อเสียงโด่งดังจนแฟนมวย จดหมายมาหา เป็นภาษาไทยด้วยลายมือ ถามว่าจำนวนมากน้อยแค่ไหน ชายหนุ่มยิ้มไม่ตอบ… แต่นั่นก็พอจะบอกได้ว่าคงมากมายก่่ายกองจริงๆ
บัวขาว ป.ประมุข ชื่อที่เขาใช้บนสังเวียนผ้าใบในสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข หากแต่ชื่อจริงของเขา คือ สมบัติ บัญชาเมฆ ได้รับฉายาว่า “ดำดอทคำ” มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการมวย ทั้งทวีปยุโรปและประเทศญี่ปุ่น เห็นได้จากคิวชกอันยาวเหยียดของเขา ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม ที่มิลาน ประเทศอิตาลี วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ 17 มีนาคม ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส อีกเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังถูกจัดให้เป็นนักมวยไทยที่ทำรายได้ สูงเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับค่าชก 1.2 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งนั่นเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ใครๆ ก็อยากรู้จักเขาให้มากขึ้น
//”บัวขาว” ชื่อที่ทั่วโลกรู้จัก
ชายหนุ่มหุ่นมัดกล้าม ผิวเข้มคล้ำวัย 29 ปี เจ้าของส่วนสูง 174 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ให้สัมภาษณ์ WhO? หลังเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศหมาดๆ เขาตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม เมื่อเอ่ยถามถึงความสำเร็จที่ได้มา “ผมมายืนอยู่ตรงนี้แล้วมีคนมาชื่นชอบ ผมคิดเขาคงชื่นชอบ ในความสามารถเรามากกว่า แต่ถ้าเราไปหลงว่าดังแล้ว ตรงนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราสมควรจะทำ แต่เรารู้ เพียงว่าหน้าที่ของเราคืออะไร เราเป็นนักมวย เราทำอะไรอยู่ ความโด่งดังที่ได้มา เป็นสิ่งที่เขา มอบรางวัลให้มาแค่นั้น ถ้าเราไม่ได้ทำตรงนั้น เขาก็คงไม่ให้เรา ผมก็ไม่ได้ยึดกับชื่อเสียงตรงนั้น”
แต่สิ่งที่ทำให้เขาภาคภูมิใจเหนืออื่นใดคือ ข้อเขียนท้ิงท้ายด้วยลายมือยึกยือเหล่านั้น มักจะทิ้งท้ายว่า นอกจากรู้จักบัวขาวแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือการทำให้เขารู้จักเมืองไทยมากขึ้น ชอบอาหารไทย อยากมาเที่ยวเมืองไทย และรู้สึกรักเมืองไทย เหล่านี้ทำให้บัวขาวรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ชื่อของ บัวขาวนั้น มีส่วนช่วยทำให้คนทั้งโลกรู้จักเมืองไทยมากขึ้น
ขณะที่ความรู้สึกของการเป็นนักมวยที่มีค่าตัวสูงสุดในขณะนี้ แชมป์เค-วัน ยิ้มรับก่อนบอกว่า "ผมรู้สึกดีใจ และภูมิใจที่ได้ค่าตัวสูงขนาดนี้ มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตัวผม แต่จริงๆ ผมว่าค่าตัว มากๆ ก็ยิ่งดีครับ (หัวเราะ)”
/// ค่าตัวหลักร้อย…ทยานสู่หลักล้าน
สำหรับเส้นทางบนสังเวียนผ้าใบของ ด.ช.สมบัติ บุตรชายคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 5 คนของพ่อเล็ง แม่ปาน บัญชาเมฆ เริ่มต้นตั้งแต่อายุเพียง 7-8 ขวบ ที่ อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ จากการไปเที่ยว งานวัดกับเพื่อนแล้วชอบไปดูการแข่งขันชกมวยอยู่บ่อยครั้งบวกกับเสียงเชียร์รอบๆ สนาม จุดประกายให้เขาอยากขึ้นไปอยู่บนเวทีบ้าง เพราะมวยเป็นกีฬาที่ชื่นชอบ จึงเดินไปหาเพื่อน รุ่นพี่ในหมู่บ้านเพื่อขอซ้อมชกมวย ทุกวันหลังกลับจากโรงเรียนเขาจะรีบไปซ้อมชกมวยไทย ด้วยใจที่มุ่งมั่น ระหว่างที่ซ้อมนานแรมเดือน ก็มีงานประจำปีที่วัดแล้วมีการจัดแข่งขัน ชกมวยเหมือนเคย ครั้งนี้เขาจึงมีโอกาสได้ลองขึ้นชกเพื่อหาประสบการณ์
“จริงๆ ผมก็คิดอยู่ในใจว่างานนี้ต้องไปให้ได้ ก็เลยไปขอเงินคุณแม่หนึ่งร้อยบาท เพื่อเอาไปเป็น ค่าสมัครชกมวย แต่แปลกมากการขอเงินแม่ทุกครั้งจะต้องถามก่อน ว่าเอาไปทำอะไร คราวนี้กลับ ไม่ถามเลย (หัวเราะ) ผมก็งงกับตัวเอง ตอนสมัครชกมวยผมก็ไม่เก่งแล้วไม่มีความมั่นใจเลย แต่เพื่อนๆ ไปบอกแม่ แล้วบอกคนในหมู่บ้านว่าผมจะไปประกบคู่มวย พอขึ้นชกจริงมีคนไปเชียร์ ทั้งหมู่บ้านไปเชียร์ผม (หัวเราะ) ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นมวย ไม่เป็นมวยไล่ชกเลยแล้วผมก็เป็น ฝ่ายชนะได้เงินรางวัล 100 บาท รวมค่าสมัครของผมกับคู่ชกก็รวมเป็น 300 บาท” ความรู้สึกของผู้ชนะครั้งแรกกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเข้าสู่สังเวียนผ้าใบอย่างเต็มตัว
ระหว่างเรียนอยู่ ม.3 ช่วงปิดเทอม ด.ช.สมบัติ ตามเพื่อนเข้ามาอยู่ในค่ายมวย ป.ประมุข ของกำนันเก๊-ประมุข โรจนตัณฑ์ ทว่าการมาครั้งนั้นไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย คิดเพียงแค่มาดู การซ้อมมวยของค่ายใหญ่เท่านั้น “จริงๆ ทางค่ายไม่ได้อยากได้ตัวเราหรอก เขาเลือกเพื่อนผม สองคน แต่ผมตามมาเท่านั้นเอง(หัวเราะ) พอมาถึงค่ายก็ตกใจมากว่าค่ายเขาใหญ่มาก ซ้อมก็ซ้อมหนัก ไม่เหมือนบ้านเราซ้อมกันใต้ต้นมะม่วง พอซ้อมหนักมากมันเลยเริ่มท้อ เหนื่อยไม่เอาแล้ว โรงเรียนเปิดพอดีก็เลยกลับบ้านไปเรียน”
จวบจนกระทั่งทางค่ายเห็นหน่วยก้านดี เลยตามตัวให้เขากลับชกมวยอีกครั้ง โดยประเดิมสนามแรกที่ลุมพินี ปรากฎว่าแพ้รวดเดียวถึง 4 ครั้ง แม้ความท้อแท้จะเกาะกุมหัวใจ แต่นั่นก็กลายเป็นจุดพลิกผันให้เขามุ มานะเพื่อจะต้องเป็นนักมวยอาชีพให้ได้
“ตอนนั้นผมคิดทันทีว่าไม่เอาแล้ว ไม่มาชกแล้วเมืองกรุง (หัวเราะ) กี่ไฟล์ทก็แพ้หมดเลย ตัดสินใจเก็บผ้าจะกลับบ้านแล้ว ไม่ไหว ทำไมชกบ้านเราชนะเอาๆ ทำไมชกที่นี่ทำไมถึงแพ้เอาๆ มันเลยหมดกำลังใจ แต่วิธีกำจัดความท้อในตอนนั้นคือ เราอยู่ในอาชีพนี้เพื่ออะไร เรามายืนจุดนี้ เพื่ออะไร พอรู้เป้าหมายทำให้มีแรงเดินต่อ คนเราต้องกล้าทำกล้าคิด อะไรที่ยากแล้วเราท้อใจ ก็จะท้อใจไปด้วย ดังนั้นต้องตั้งมั่นและทำอย่างเต็มที่ สำหรับผมที่เลือกทางสายนี้ สิ่งแรกก็เพื่อ สร้างฐานะให้ครอบครัว แล้วผมฉุกคิดในใจอีกว่า แค่นี้จะแพ้แล้วหรือ คิดว่าแพ้แค่นี้จะเป็นไรไป วินาทีนั้นก็คิดสู้ต่อดีกว่า จนขึ้นชกครั้งที่ 5 ก็ชนะ” เขาย้อนภาพความสำเร็จ ถึงจุดเริ่มต้นอาชีพ นักมวยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
/// แชมป์ เค-วัน 2 สมัย
บัวขาวเริ่มอาชีพมวยไทยที่กรุงเทพแบบจริงจัง เขาได้แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท แชมป์ประเทศไทยรุ่นเฟเธอร์เวท แล้วได้แชมป์ที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อยอีกครั้ง ในรุ่นไลท์เวท ในปี 2545 ชนะเลิศมวยไทยมาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยลุมพินี และนั่นจึงทำให้มี โอกาสได้ไปชกในรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ คือ มวยไทยที่ญี่ปุ่นนำไปเผยแพร่ เมื่อปี 2537 โดยอาจารย์คาซูโยชิ อิชี่ (Kazuyoshi Ishii) เจ้าสำนักเซโดไคคังคาราเต้ ในประเทศญี่ปุ่น โดยประยุกต์เอาศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ มาต่อสู้กัน และใช้กติกาเดียวกันกับมวยไทย คือ ห้ามใช้ศอกและโน้มคอตีเข่า ซึ่งมวย เค-วัน ได้ออกอากาศ ทางโทรทัศน์ของญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2539
“พอผมได้แชมป์รุ่นใหญ่คนญี่ปุ่นมาติดต่อให้ไปชกมวยไทย เค-วัน ที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นก็ไม่ได้คิด ว่ามวย เค-วัน คืออะไร คิดว่าเป็นมวยธรรมดาที่เขาจ้างเราชก ตอนนั้นจำไม่ได้แล้วว่าได้ค่าตัว เท่าไหร่ พอปี 2004 ผมเป็นมวยนอกสายตา ตัวก็เล็ก เลยเป็นม้ามืดที่ไม่มีใครสนใจ แต่พอได้ แชมป์รายการ เค-วัน ทุกคนตกใจว่าตัวเล็กและเป็นคนไทย ทำไมถึงเป็นแชมป์ได้ ปีนั้น สื่อหนังสือพิมพ์ก็ตีข่าวจนเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น พอมีคนมาชื่นชอบผมมากขึ้น ผมก็คิดเพียงว่า เขาชอบในศิลปะมวยไทยไม่ใช่เรื่องชู้สาว” จากความโด่งดังนี้เอง ส่งผลให้ปัจจุบัน บัวขาวมีค่าตัวชกต่อครั้ง 1,200,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการชกมวยที่ต่างประเทศ โดยมีสถิติการชกทั้งหมด 407 ครั้ง ชนะ 357 ครั้ง แพ้ 45 เสมอ 5 ครั้ง
// ดังจนต้องปลอมตัว
บนสังเวียนผ้าใบเมืองไทยบัวขาวได้ฉายา “ดำดอทคำ” แต่เมื่อได้แชมป์ เค-วัน ในปีแรก บัวขาวได้รับฉายาจากบรรดาแฟนคลับว่า "แบล็ก โกลด์" และเขากลายเป็นคน ที่โด่งดังในญี่ปุ่น ขึ้นมาทันที ไปไหนมาไหนก็จะมีแฟนคลับคอยติดตามเดินทางไปให้ กำลังใจแทบทุกครั้ง
“คนญี่ปุ่นน่ารักมากให้การต้อนรับนับถือเรา ในฐานะที่โชว์แม่ไม้มวยไทย เพราะเป็นกีฬา ที่สวยงามในสายตาเขา พอผมจะไปชกที่ญี่ปุ่นก็จะมาให้กำลังใจกันเยอะมาก มีทั้งป้ายธงชาติไทย ป้ายไฟเป็นชื่อเชียร์ผม แฟนคลับก็มีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่น แฟนคลับเข้ามาหาผมก็ จะมาขอลายเซ็นเอาของขวัญมาให้ หรือบางคนเข้ามาหาผมไม่ได้ก็จะฝากมาทางเจ้าหน้าที่ มีทั้งของขวัญที่เป็นเสื้อผ้าขนมนมเนย”
ความโด่งดังที่เข้ามาทำให้บัวขาวไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวไปไหนมาไหนสักเท่าไหร่ มีแฟนคลับ เป็นร้อยเป็นพันคนเข้ามาขอถ่ายรูปจนจราจรติดขัดเลยเดือดร้อนไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุนี้ในระยะหลังเวลาจะออกไปข้างนอกเขาจึงต้องปลอมตัวอยู่บ่อยครั้ง
“เวลาชกเสร็จแล้วไปเดินเที่ยวถึงกับต้องปลอมตัว ใส่แว่นดำตลอด หรือคลุมทั้งตัว เพราะคนญี่ปุ่น ถ้าคนหนึ่งจำได้แล้วเข้ามาทัก คนอื่นๆ ก็จะตามมา เป็นเป้าสายตา ส่วนหนึ่งอาจเพราะ เราเป็นคนไทย อัธยาศัยดีด้วยมั้ง (ยิ้ม) และถึงผมจะดังแค่ไหนก็ไม่ถือตัว เป็นยังไงก็เป็นยังงั้น ผมเป็นคนง่ายๆ ใครมาคุยผมก็คุย ใครมาขอถ่ายรูปผมก็ให้ถ่าย คนที่นั้นเขาจะเรียกชื่อ ผมไม่ค่อยชัดบัวข้าวๆ (ทำเสียงพูดไม่ค่อยชัด)”
//แฟนคลับชื่อ...ตอง-ภัครมัย ???
ในจำนวนแฟนพันธุ์แท้ของบัวขาวมีสาวๆ คนดัง อาทิ Kitano kii ดารานักแสดงวัยรุ่นและ Yuka Kobayashi นักคาราเต้ชาวญี่ปุ่น ส่วนเมืองไทยนักแสดงหุ่นดี ตอง-ภัครมัย โปตระนันทน์ ก็กลายมาเป็นแฟนคลับที่มานั่งลุ้นติดขอบเวทีมวยเป็นประจำ แถมยังเชียร์แบบสุดๆ จนหลายคน ต่างเข้าใจว่าเป็นแฟนคลับที่ไม่ธรรมดา
“ผมกับตองไม่มีอะไร เขาเป็นเพื่อนในกลุ่มรุ่นพี่ของผม ตองเขาเป็นคนชื่นชอบกีฬา เพราะเป็นอดีต นักกีฬาเทควันโด้ของเขตอีกด้วย แล้วอย่างที่เห็นเขาก็จะเอาดอกไม้มาให้ ผมว่าก็ดีครับ ยามว่างก็ จะไปรับประทานอาหารร่วมกันกับเพื่อนๆ ไม่มีอะไรครับเขาเป็นแฟนรุ่นพี่ผมจริงๆ(หัวเราะ)”
ถามถึงสเปกสาวๆ ของบัวขาวกับบ้างที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ชอบสาวหน้าไทยๆ เจ้าตัวอมยิ้ม เห็นฟันเรียงขาว “จริงๆ สเปกผมบอกยาก เพราะไม่ค่อยมีสเปก (หัวเราะ) จะบอกว่าต้องสวยหุ่นดี ก็ไม่ใช่ แต่ต้องได้เห็นว่า คนนี้ใช่หรือไม่ใช่เลยมากกว่า ตอนนี้ก็มีคนที่คุยๆ กันอยู่ ถ้าเป็นคนญี่ปุ่น ก็หมดเลย เพราะต่างภาษากัน แต่ส่วนมากก็จะพูดไทย สาวญี่ปุ่นเขาก็พยายามไง เวลาที่เขามาผม เธอต้องพูดภาษาไทยให้ได้นะ แล้วเขาก็หัดพูดไทยกันใหญ่เลย (ยิ้ม)” หนุ่มเมืองสุรินทร์เปิดใจถึงหัวใจที่กำลัง ปลูกต้นรักกับสาวผู้โชคดีคนหนึ่ง
//ชิมลาง...นักแสดง
เจนจัดบนสังเวียนค้าหมัดแล้ว บัวขาวยังมีผลงานการแสดง ในภาพยนตร์ไทยเรื่อง ซามูไรอโยธยาเป็นเรื่องแรกที่ท้าทายอีกครั้งในชีวิต “ผมมารับบทเป็นครูเสือ มือขวาของ พระนเรศวรฯ พอดีตอนนี้ผมชกมวยอยู่เมืองไทยพอดี พี่มด(นพ พร วาทิน) เห็นลีลาศิลปะ การชกมวยไทยของผม เลยติดต่อไปทางผู้จัดการจนได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ คือผมจะเล่นเป็นตัวเอง ในการใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยในการแสดงเป็นหลัก จริงๆมันก็เหมือนได้ชกมวย เพียงแต่ว่าในหนังต้องใช้ท่าแอ็กชั่นนิดหนึ่ง” บทบาทนักแสดงในภาพยนต์เรื่อง ยามาดะ ซามูไรแห่งอโยธยา ทำให้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศให้บัวขาวเป็นทูตวัฒนธรรมไทย ประจำปี 2554 เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย
นอกจากนี้บัวขาวถึงกับถอดนวมไปสวมหัวใจลิเกในโครงการต้องกล้า โดยเลือกภารกิจ ไปฝึกร่ำเรียนลิเก ศิลปะแขนงหนึ่งของคนไทยที่พยายามอนุรักษ์ไว้ให้เยาวชนรุ่นหลังได้รับรู้ เจ้าตัวถึงกับทำท่าเขินอายเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
“ไม่ต้องพูดถึงเลย(หัวเราะ) ตอนที่จะให้ผมเล่นลิเกผมปวดตับเลย (น้ำเสียงโอดครวญเป็นระยะๆ) ผมเป็นคนที่อะไรก็ได้ จริงๆถ้าเป็นหมอลำน่าจะได้อยู่ แต่ก็เป็นงานอีกอย่างหนึ่งที่ได้ทำแล้ว มันก็ผ่านไปแล้ว ทุกวันนี้ผมยังไม่กล้าดูตัวเองที่เล่นลิเกเลย เพื่อนๆ ก็มาบอกว่าดูแล้ว ดีๆ บางคนเรียกให้ผมดูผมยังเดินหนีเลย ไม่กล้าที่จะดูตัวเอง”
//ขอจบชีวิตบนสังเวียน
สำหรับกิจวัตรประจำวันในเมืองไทย บัวขาวต้องตื่นขึ้นมาวิ่ง 6 โมงเช้าถึง 9 โมง แล้วซ้อมชกอีกที ช่วงเย็น 4 โมงถึงทุ่มครึ่ง เวลาที่เหลือก็จะพักผ่อนจนถึงวันเสาร์ วันอาทิตย์จึงเป็นวันเดียว ที่ได้ไปเดินพักผ่อน เรียกได้ว่าจากชีวิตเด็กบ้านนอกที่ สร้างตัวจากอาชีพมวยไทย จนมีชื่อเสียง มีเงินทองมากมาย ได้มาสร้างบ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่ มีเงินเก็บไว้จำนวนหนึ่ง แต่เจ้าตัวยังแนะนำ ครอบครัวให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ต้องไปยึดติดกับชื่อเสียงเงินทอง เพราะคนเรามีขึ้นก็ต้องมี ลงเป็นเรื่องธรรมดา
“ถ้ามันจะต่ำก็ไม่คิดมาก นักมวยมีขึ้นก็มีลง พุ่งแล้วตก เป็นเรื่องปกติ หลักการดำเนินชีวิต ไม่มีอะไรมาก ก็ต่อสู้ไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ไม่แสวงหามาก ไม่โลภจนตัวเองเดือดร้อน ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องทำใจ ตอนนี้ค่าตัวหลักล้านขึ้นไปต่อทัวร์นาเม้นท์”
มาถึงวันนี้มีคำถามที่เจออยู่เป็นประจำ จากมวยไทยจะเปลี่ยนสายไปชกมวยสากลตามรอยรุ่นพี่ คำนี่ทำให้เจ้าของฉายา ดำดอทคำ ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย “หลาย คนก็จะถามผมว่าอยากจะเปลี่ยนไปชกมวยสากลไหม ผมคิดว่าถ้ามาหัดตอนนี้มันน่าจะได้ แต่ถ้ามาหัดตอนนี้มันอาจช้าไป ผมว่าผมเลือกสายนี้ดีกว่า เหมือนว่าทุกวันนี้ผมเป็นเหมือน ตัวแทนสายมวยไทยนี้อยู่แล้ว ถ้าจะไปสายมวยสากลตรงนั้นก็มีคนที่จะสร้างชื่อเสียงอยู่แล้ว แต่สายที่ผมกำลังทำอยู่มันเป็นสายที่หายากที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักมวยไทย ผมขอทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า ถ้าชีวิตนี้ให้ผมจบขอจบในมวยไทยดีกว่า”
ทุกคำตอบของ บัวขาว ป.ประมุข ล้วนเป็นสิ่งที่บอกถึงเหตุผลของความสำเร็จ และความเป็นตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น