สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

เมตตาที่สากล คือ รักคนได้ทั้งโลก พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร



นิตยสาร WhO?

เรื่อง ว.วชิรเมธี ภาพ กองบรรณาธิการ

/// เมตตาที่สากล คือ รักคนได้ทั้งโลก

พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน


เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่เผชิญมรสุมทั้งจากสมาคมผู้ประกอบการขนส่งทางบก ออกแถลงการณ์คัดค้านการขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และปัญหามหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ ประสบภัยที่ไม่สามารถลดได้จริง ในฐานะเจ้ากระทรวงที่ดูแล พิชัย นริพทะพันธุ์ จึงมีทั้งคนรักและคนชัง

พร้อมกันนี้ได้มีคำถาม (ปุจฉา) ถึง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ว่า “เวลาสวดมนต์หรือนั่งสมาธิแล้วเมื่อถึงเวลาที่ต้องแผ่เมตตาส่วนบุญอุทิศกุศล เราควรแผ่ให้คนที่ชอบ คนที่รัก หรือแผ่ให้คนที่เราไม่ชอบ หรือเป็นศัตรูก่อนครับ”

พระมหาวุฒิชัย วิสัชนา

การแผ่เมตตา คือ การแผ่ความปรารถนาดีให้คน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การแผ่เมตตานี้ มี 2 แบบ คือ แบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ การแผ่เมตตาแบบเป็นทางการ คือ การแผ่โดยใช้้ถ้อยคำที่เป็นแบบแผน ส่วนการแผ่แบบไม่เป็นทางการ คือ การส่งความปรารถนาดีไปยังคน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยใช้ถ้อยคำที่แต่ละคนคิดขึ้นเอง เช่น ขอให้มีความสุข ความเจริญ ขอให้มีสุขภาพดี ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ก็ขอให้เขาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลาน ตราบนานเท่านาน เป็นต้น

การแผ่เมตตานั้นจะแผ่ให้คนที่เรารัก หรือคนที่เราชัง ก่อนหลังได้ทั้งนั้น การแผ่ให้คนที่เรารักนั้นไม่ยาก เพราะไม่ฝืนใจ ส่วนการแผ่ให้คนที่ชังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องฝืนใจ แต่ถ้าใครทำได้ก็นับเป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก เป็นการสะท้อนถึงพัฒนาการของจิตใจด้วยว่า มีความประณีตประเสริฐเลิศล้ำมากกว่าคนทั่วไป

อย่างไรก็ตาม การแผ่เมตตาถ้าจะให้ได้ผล ท่านแนะนำว่า ต้องแผ่ให้ตัวเองก่อน เหตุที่ต้องแผ่ให้ตัวเองก่อนเพราะท่านต้องการสอนให้เรารู้จัก “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ว่า เรารักสุข เกลียดทุกข์ และกลัวความตายฉันใด คนอื่น สัตว์อื่น เขาก็รักสุข เกลียดทุกข์ และกลัวความตายฉันนั้นเหมือนกัน การเอาใจเขามาใส่ใจเราอย่างนี้ จะทำให้การแผ่เมตตาได้ผล ไม่สักแต่ว่าแผ่เมตตาแต่ปาก หากแต่เป็นการแผ่ออกมาจากจิตใจจริงๆ

บทแผ่เมตตาให้ตัวเองตามแบบแผน มีดังนี้

อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข

อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์

อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร

อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง

สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ ขอให้ข้าพเจ้าสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

เมื่อแผ่เมตตาให้ตัวเอง อันเป็นการปูพื้นฐานจิตใจให้รู้ว่าตนเองต้องการสิ่งใด คนอื่นก็ต้องการสิ่งนั้นเหมือนกัน ดังนั้นจึงควรมีความรัก ความเมตตา และความหวังดีต่อกัน จึงแผ่เมตตาให้คนอื่น คำว่าคนอื่นย่อมหมายถึงคนที่เรารัก คนที่เราชัง หรือสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคน เทวดา สรรพสัตว์ เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน ได้ทั้งนั้น คำแผ่เมตตาที่เป็นแบบแผนมีดังนี้

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นเพื่อนทุกข์

เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย

อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียน

ซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้ทุกข์กายทุกข์ใจ

เลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัย

ทั้งสิ้นเถิด

การแผ่เมตตาที่แท้นั้น จะต้องแผ่ให้กว้างไกลไพศาลออกไปครอบคลุมสรรพชีพ สรรพสัตว์ทั่วทั้งโลกโดยไม่เลือกที่รัก ไม่มักที่ชัง จะแผ่เมตตาวันหนึ่งกี่ครั้งก็ได้ จะแผ่โดยใช้ถ้อยคำที่เป็นแบบแผนเหมือนที่กล่าวมา หรือจะคิดถ้อยคำที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีที่เป็นแบบฉบับของตนเองโดยใช้ภาษาไทยล้วนๆ ก็ได้

สาระสำคัญของการแผ่เมตตาไม่ได้อยู่ที่การแผ่ผ่านริมฝีปาก หากแต่อยู่ที่ใจซึ่งปราศจากความอาฆาตมาดร้ายต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนั้น การแผ่เมตตาที่แท้จะต้องเป็นการปลูกฝังเมตตาจิตลงไปในจิตใจอยู่เสมอจนกลายเป็น “เมตตาในเรือนใจ” ท่ีแม้ไม่ต้องแผ่ แต่ก็มีความรู้สึกรัก เมตตา ปรารถนา ต่อสัตว์โลกตลอดเวลา ถ้าทำได้อย่างนี้ความเมตตาที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้น เพราะ “เมตตาที่เป็นสากล คือ รักคนได้ทั้งโลก” การแผ่เมตตาที่จำกัดเฉพาะคนรัก หรือคนชังนั้น

แม้จะมีประโยชน์ แต่ยังสะท้อนภาวะใจแคบ ถ้าจะให้ดี นอกจากแผ่เมตตาให้บุคคลต่างๆ เป็นการจำเพาะแล้ว ควรแผ่เมตตาให้กว้างไกลไร้พรมแดนเสมอ ยิ่งเป็นนักการเมืองยิ่งต้องแผ่เมตตาให้ประชาชนมากๆ อย่ามองประชาชนเป็นศัตรู อย่ามองประชาชนเป็นเบี้ยล่าง แต่ควรมองประชาชนเป็นดั่งผู้มีพระคุณของตนเอง ที่ต้องดูแลเป็นอย่างดี หากนักการเมืองมีเมตตาต่อประชาชนจริงๆ แล้ว เขาจะไม่เป็นนักการเมืองฉ้อฉล แต่จะเป็นนักการเมืองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น