สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล มอบเงิน 960,000 บาท ช่วยน้ำท่วม ผ่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์




คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด
มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 960,000 บาท ให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมี กิตติศักดิ์ วัธนเวคิน ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ณ ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ดอนเมือง


สอบถามเพิ่มเติม
วนรรษมล เอี่ยมวิจารณ์
ที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทร.081 827 3568

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นานมีบุ๊คส์ประกาศผลรางวัล “แว่นแก้ว” ครั้งที่ 8 พร้อมมุ่งมั่นสร้างผลงานเพื่อเยาวชน จัดการประกวดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 9















นานมีบุ๊คส์ประกาศผลรางวัล “แว่นแก้ว” ครั้งที่ 8

พร้อมมุ่งมั่นสร้างผลงานเพื่อเยาวชน จัดการประกวดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 9


กรุงเทพฯ 7 ตุลาคม 2554 - บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด จัดงานประกาศผลและมอบรางวัลวรรณกรรมเยาวชนรางวัล “แว่นแก้ว” ครั้งที่ 8 ประจำปี 2554 และเปิดตัวโครงการประกวดวรรณกรรมเยาวชนรางวัล “แว่นแก้ว” ครั้งที่ 9 ประจำปี 2555 ในปีนี้มีผลงานส่งเข้าร่วมประกวดชิงรางวัลพระราชทานโดนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กันอย่างล้นหลามไม่แพ้ปีผ่าน ๆ มา ด้านผลการประกวด นิกร เภรีกุล คว้ารางวัลชนะเลิศประเภทนวนิยาย กับผลงานที่ชวนค้นหาในชื่อ“ตามหาโจตัน” สำหรับประเภทสารคดีตกเป็นของผลงานในชื่อ “วัยใสหัวใจโขน” โดย เปรมวดี เสรีรักษ์ พร้อมประกาศเดินหน้าโครงการประกวดต่อเป็นครั้งที่ 9 ประจำปี 2555

ภายในงานประกาศผลและมอบรางวัลวรรณกรรมเยาวชนรางวัล “แว่นแก้ว” ครั้งที่ 8 ประจำปี 2554 และเปิดตัวโครงการประกวดวรรณกรรมเยาวชนรางวัล “แว่นแก้ว” ครั้งที่ 9 ประจำปี 2555 ได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์เกียรติคุณ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ ประธานกรรมการโครงการประกวดวรรณกรรมเยาวชนรางวัล “แว่นแก้ว” เป็นประธานและมอบรางวัล พร้อมด้วยคุณสุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด พร้อมฟังสัมมนาพิเศษ “ยกระดับคุณภาพการอ่านด้วยวรรณกรรมเยาวชน” โดย ครูหนอนฯ สถาพร ฉันท์ประสูตร และ พรกวินทร์ แสงสินชัย และร่วมพูดคุยกับนักเขียนที่ได้รับรางวัล ในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2554 เวลา 8.30 – 16.00 น. ณ ห้อง Meeting Room 3 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นางสุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด กล่าวว่าสำหรับในปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดมากถึง 58 เรื่อง โดยแบ่งเป็นประเภทนวนิยาย 38 เรื่อง และประเภทสารคดี 20 เรื่องซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าเยาวชนไทยหันมาสนใจการอ่านมากยิ่งขึ้น โดยผลการตัดสินคณะกรรมการเห็นสมควรได้รับรางวัลทั้งสิ้น 5 เรื่อง และผลงานทั้ง 5 เรื่องนั้นก็ได้รับการจัดพิมพ์และวางจำหน่ายในร้านหนังสือทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้นานมีบุ๊คส์ยังไม่หยุดที่จะส่งเสริมให้เยาวชนได้พัฒนาการเขียน และสร้างผลงานนักเขียนไทยที่มีคุณภาพออกสู่สังคมไทยต่อไป โดยจัดการประกวดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 9 ซึ่งก็หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักเขียนนักอ่านทั่วประเทศ”

ผลการประกวดวรรณกรรมเยาวชน รางวัล “แว่นแก้ว” ครั้งที่ 8 ประจำปี 2554 แบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทนวนิยาย และประเภทสารคดี สำหรับประเภทนวนิยาย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรื่อง “ตามหาโจตัน” โดย คามิน คมนีย์ (นิกร เภรีกุล) รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล ได้แก่ เรื่อง “ขนมชุบลูก” โดย จันทรา รัศมีทอง และ “รองเท้าที่หายไป” โดย ร.อ.หญิงธิติมา ช้างพุ่ม สำหรับประเภทสารคดี รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรื่อง “วัยใสหัวใจโขน” โดย ภูผา (เปรมวดี เสรีรักษ์) และรางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “ใคร ๆ ก็เคยยี่สิบ” โดย ณ วัฒน์ (นวลาภ ธีรธนาธร)



สำหรับโครงการประกวดวรรณกรรมเยาวชนรางวัล “แว่นแก้ว” ครั้งที่ 9 ประจำปี 2555 แบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทนวนิยายสำหรับเยาวชน อายุ 12-18 ปี และประเภทสารคดีสำหรับเยาวชน อายุ 12-18 ปี โดยมีรางวัลชนะเลิศประเภทละ 1 รางวัล ได้รับเงินรางวัล ๆ ละ 50,000 บาท พร้อมโล่พระราชทาน “แว่นแก้ว” และรางวัลรองชนะเลิศประเภทละ 2 รางวัล ได้รับเงินรางวัล ๆ ละ 30,000 บาท พร้อมโล่พระราชทาน “แว่นแก้ว” นอกจากนี้หนังสือจะได้จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด พร้อมค่าลิขสิทธิ์ 10% จากยอดขาย ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2555 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.nanmeebooks.com ติดต่อสอบถาม คุณลภัสรดา อนันตศรี โทรศัพท์ 0-2662-3000 ต่อ 5230 โทรสาร 0-2662-0919 E-mail: lapasrada@nanmeebooks.com



ขอขอบคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

คุณสุวิสา วิฑิตกพัทธ์ ฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด

โทร. 0-2662-3000 ต่อ 5233 e-mail : pr@nanmeebooks.com

คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล พร้อมกลุ่มผลิตน้ำตาล มอบเงิน 35 ล้านช่วยน้ำท่วม



คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสภาสตรีแห่งชาติในราชินูปถัมภ์ สวมหวกอีกใบนำคณะผู้แทนภาคเอกชน อุตสาหกรรมน้ำตาลเข้ามอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยผ่าน ฯพณฯนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จำนวน 35,300,000 บาทถ้วน

ในวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2554 เวลา 13.00 – 13.30 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำตาลและชีวพลังงานไทยพร้อมด้วยนายกกิตติมศักดิ์และคณะกรรมการผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลและตัวแทนผู้ส่งออก นำคณะอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายเข้ามอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยอันเนื่องมาจากอุทกภัย จำนวน 35,300,000 บาทถ้วน


คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล เปิดเผยว่า ในโอกาสนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายไทย อันประกอบด้วย สมาชิกจากโรงงานน้ำตาลทราย บริษัทส่งออกน้ำตาลทราย และบริษัทในเครือ กว่า 50 บริษัท มีความตระหนักถึงความทุกข์ยากของพี่น้องชาวไทยที่กำลังประสบเหตุอุทกภัย ได้รับทราบและเห็นถึงความพยายามของหน่วยงานภาครัฐที่จะบรรเทาความเดือดร้อนทุกข์ยากในเวลานี้เป็นอย่างยิ่ง กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายไทย เป็นองค์กรธุรกิจซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ต้องการร่วมรับผิดชอบสังคม ร่วมแบ่งปันความสุขและความทุกข์ ตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาลขอร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนและเป็นกำลังใจให้กับทุกภาคส่วนในการบรรเทาความทุกข์ยากและฟื้นฟูปัญหาในครั้งนี้กับรัฐบาล จึงร่วมระดมเงินเป็นจำนวนทั้งสิ้นกว่า 35 ล้านบาท เพื่อให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องชาวไทย ผู้ประสบกับอุทกภัยต่อไป

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท เตรียมตัวตาย?...


เรื่อง/ภาพ สุทธิคุณ กองทอง


พล...อังกูร อาทรไผท เตรียมตัวตาย?...

ในแวดวงของสังคมไฮโซก็จะเห็น พล...อังกูร อาทรไผท

อดีตผู้บังคับการกองตำรวจทางหลวง ที่ไม่เคยพลาดกับมาดเท่ๆของ Elvis

วันนี้แม้ว่าจะเกษียนมาหลายปี แต่ปัจจุบันก็ยังมีตำแหน่งเป็น นายกสมาคมพลังแผ่นดินต้านภัยยาเสพติดกรุงเทพมหานคร,ที่ปรึกษาสภาวัฒนธรรมเขตประเวศ,

ประธานชมรมประชาชนมีส่วนร่วมเขตประเวศ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในและ

ประธานศูนย์รณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน

อีกนัยหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคงในความรัก เพราะเป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่ว่าจะไปงานสังคมที่ไหนก็ไม่เคยห่างจากศรีภรรยา คุณนี้ด-สุพัฒนา อาทร โดยบอกเพียงว่า คนเราหากมีชีวิตคู่แล้วเราต้องมั่นคงในตัวเองให้มากๆ

เมื่อได้พูดคุยกับท่านอังกูร ถึงสุขภาพตอนนี้ก็สบายๆ สุขภาพก็แข็งแรงเพราะดูแลเรื่องอาการการกินอย่างดี ละเว้นเนื้อสัตว์ ระหว่างนั้นเองก็พูดขึ้นมาว่า คนเราจะเอาอะไรมากเดี๋ยวก็ต้องไปกันแล้ว ไปแบบตัวเปล่า ผมกับภรรยาตอนนี้ลูกๆสบายแล้วไม่ต้องเดือดร้อน ตอนนี้ก็แค่เตรียมตัวก่อนตาย ผมกับภรรยาก็ได้ทำรูปเอาไว้หน้าศพเรียบร้อย ตายเมื่อไหร่มีรูปไว้หน้าศพทันที

งานนี้เจ้าตัวยังบอกอีกว่า ยังได้เตรียมอัดวีดิโออำลาการเสียชีวิตให้กับผู้ที่มาฟังสวดศพด้วย “ผมกะว่า จะพูดกับแขกที่มางานศพว่า ตอนนี้ผมสบายแล้ว แต่ภรรยาผมยังห้ามไม่ให้ทำ(หัวเราะ)” ตบท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมทำแบบนี้ไม่ได้เช่งตัวเองแต่เป็นการเตรียมตัวที่ไม่ต้องให้ใครเดือดร้อนก็เท่านั้นเอง”

One Fine Story จริญญา หาญณรงค์ & เกียรติ สิทธีอมร “สุดที่รัก...หุ้นส่วนชีวิต” นิยามที่มากกว่าคำว่า “แฟน”



นิตยสาร WhO?

เรื่อง : นพรัตน์ จิตพงศ์สถาพร

ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์

แต่งหน้า : บัณฑิต บุญมี

สถานที่ : โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ

One Fine Story

จริญญา หาญณรงค์ & เกียรติ สิทธีอมร

“สุดที่รัก...หุ้นส่วนชีวิต” นิยามที่มากกว่าคำว่า “แฟน”


แม้ต่างคนจะต่างที่มา และไม่เคยอยู่บนเส้นทางเดียวกันมาก่อน แต่เมื่อพ่อม่ายนักธุรกิจซึ่งมี สถานะเป็นนักการเมืองหนุ่มใหญ่ โคจรมาพบกับม่ายสาวสวยที่มีตำแหน่งรองนางสาวไทย การันตีความงาม เรื่องราวดั่งบุพเพสันนิวาสของคนทั้งคู่จึงเริ่มต้นขึ้น


นับเป็นครั้งแรกที่อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย เกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยอมควงแขนแฟนสาว จริญญา หาญณรงค์ รองนางสาวไทยปี 2532 มาเปิดใจถึงเรื่องราวความสัมพันธ์แบบเอกซ์คลูซีฟ ชนิดที่ยังไม่เคยมีใครได้รู้มาก่อนว่า ความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะหวานปานน้ำผึ้งถึงเพียงใด


/// ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ

ห้องสวีต โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ คือสถานที่นัดพบระหว่าง WhO? กับคู่รักรุ่นใหญ่ คุณเกียรติ ทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะออกตัวว่า “ไม่เคยให้ สัมภาษณ์เรื่องนี้กับใครมาก่อน” ขณะที่คุณตาลก็แทบจะไม่เคยแย้มพรายถึงความรักครั้งใหม่เช่นกัน

“เจอกันครั้งแรกที่งานเลี้ยงบ้านเพื่อน คุณตาลเขาไปกับเพื่อนของเพื่อน ” คุณเกียรติเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาที่มาของ ความสัมพันธ์ ส่วนฝ่ายหญิงขยายความเหตุการณ์วันแรกที่ได้เจอกันของทั้งคู่ว่า การมางานครั้งนี้เธอคิดอย่าง เดียวว่า จะต้องก้มหน้าก้มตา รับประทานอาหาร เพื่อเลี่ยงบทสนทนากับคนแปลกหน้า ทว่าในงานเดียวกันนี้นี่เอง ที่ทำให้เธอ พบกับใครบางคน

“ภาพที่เห็นคุณเกียรติครั้งแรกคือ เราเห็นด้านหลังก่อนนะ แค่เห็นสีผมแล้วก็แบบ...ใครน่ะ (ดวงตาเป็นประกายขณะเล่า) ฉากตอนนั้นเหมือนหนังมากๆ คือ ผู้ชายผมสีดอกเลาค่อยๆ หันมาทางเรา ในมือถือไปป์ นี่มันคุณชายกลางในบ้านทรายทองชัดๆ เลย (ยิ้ม) ตอนนั้นเราไม่รู้เลย ว่าเขาเป็นใคร ชื่ออะไร รู้อย่างเดียวว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจ แล้วก็ไม่คิดว่าเป็นนักการเมืองด้วย เพราะมาดเขาดูจะเป็นนักธุรกิจมากกว่า ระหว่างอยู่ในโต๊ะทานข้าวซึ่งเรากับเขานั่งห่างกัน โดยมีพี่อีกคนคั่นกลางอยู่ แต่เขาก็ข้ามพี่คนนั้นมาถามเราว่า...ชื่ออะไรครับ

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็เปลี่ยนที่ขึ้นไปฟังเพลงอีกห้องนึง ทีนี้ไม่มีอะไรให้ทานแล้ว เราก็ได้แต่ดื่มไวน์เพื่อไม่ให้ปากว่างอีกเหมือนเดิม สักพักนึงอยู่ๆ ก็ได้ยินคนพูดกับเราว่า... ชอบฟังเพลงเหรอครับ พอหันหน้าไปเจอเขาเหงื่อแตกพลั่กเลยนะ เราไม่เคยเจอผู้ชายคนไหน แล้วทำให้รู้สึกประหม่าได้อย่างนี้มาก่อน สมองก็ไม่สั่งงานแล้ว แต่ปากยังพรั่งพรูออกไป” น้ำเสียงหวานๆ ของคุณตาลเล่าเรื่องอย่างเต็มอรรถรส จนฝ่ายชายกลั้นหัวเราะไม่อยู่ และอดกระเซ้า แฟนสาวไม่ได้ว่า “นี่จะฉายหนังให้เขาดู ทั้งม้วนเลยหรือ”

/// เดตแรกของเขาและเธอ

หลังจากวันนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกันอีกเลย คุณเกียรติว่าน่าจะทิ้งช่วงห่างไปประมาณ 5-6 เดือนถึงได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง เมื่อเขาได้เบอร์โทรศัพท์ของคุณตาลมาและตัดสินใจ โทรไปหาเธอในที่สุด

“ตอนเจอกันครั้งแรกเราไม่รู้เลยว่าเขาเป็นนางงาม รู้แต่ว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ มีเสน่ห์ ซึ่งนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ความจริงคนเราต้องสวยทั้งภายนอกและภายใน และเมื่อเรา เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น เราเลยได้รู้ว่าเขามีทั้งสองอย่างครบถ้วน และเห็นได้ชัดว่า แปลกที่เราสองคน มีหลายๆ เรื่องที่ชอบตรงกัน อย่างเช่น ผมเป็นคนชอบสะสมของเก่า เขาก็ชอบ แล้วเรายังชอบบูชา เสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 เหมือนกัน เวลาไปเที่ยวไปไหนมาไหน ก็ชอบลักษณะการ ตกแต่งของสถานที่ๆ ไปใกล้เคียงกัน ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ค่อยๆ ค้นพบหลังจากที่ได้มีโอกาส พูดคุยกัน”

ในขณะที่คุณเกียรติเป็นฝ่ายตามหาเบอร์โทรศัพท์ของคุณตาล ในช่วงเวลาดังกล่าว คุณตาลเองก็คอยมองหาคนที่ตัวเองไม่รู้ว่าเขาคือใคร ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ นามสกุล โดยทุกครั้งที่เธอได้มีโอกาสไปร่วมงานของเพื่อนคุณเกียรติ เธอยังคงหวนคำนึงถึงเขามิคลาย

“ประหลาดดีเหมือนกันว่าทำไมเราถึงต้องคอยมองหาคนที่เรา ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย แล้ววันที่เขาโทรมาหลังจากที่ได้เจอกัน... ตอนรับโทรศัพท์ก็ทำเสียงเก๊กๆ แต่พอวางหูเสร็จแล้ว แบบ...เยส! (กำมือยกแขนเข้าหาตัวทำท่าประกอบ) ดีใจมากที่เขาโทรมา” คุณตาลเล่า ความทรงจำในวันวานอย่างออกรส

เมื่อความสัมพันธ์ค่อยๆ พัฒนา จากที่โทรศัพท์พูดคุย และนัดเจอกันเพื่อปรึกษาเรื่องธุรกิจ การงานซึ่งจะต้องมีเพื่อนของคุณตาลอยู่ด้วย ในที่สุดนัดเดทครั้งแรกของทั้งคู่ก็เกิดขึ้นในวันเกิด ของคุณตาล ซึ่งจากที่เคยตื่นเต้น ประหม่า เมื่อครั้งก่อนๆ ครั้งนี้เธอถึงกับวิ่งวุ่น เปลี่ยนเสื้อผ้าไปมา คิดจัดหาท่าทางการนั่งให้ดูดีและสร้างความประทับใจให้กับฝ่ายตรงข้ามมากที่สุดจนกระทั่งเสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านดังขึ้น ความตื่นเต้นของคุณตาลก็ยิ่งทวีคูณขึ้น และครั้งนี้เธอก็เหงื่อแตก พลั่กอีกเช่นเคย

“วิ่งวุ่นเปลี่ยนโน่นนี่นั่นจ้าละหวั่นไปหมด อยากทำอะไรก็ได้ให้เขาประทับใจเรามากที่สุด แต่สิ่งที่พี่เขาเอาชนะใจเราได้ก็คือ ความจริงใจ เพราะเขาจะบอกเราเสมอว่าให้ดูที่การกระทำ ซึ่งเขาทำให้เราเยอะกว่าที่พูด มาจนถึงวันนี้เวลาก็ผ่านไปพอสมควร แล้วเขาพิสูจน์ให้เราเห็น ได้ว่าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ ตลอดเวลาเขาบอกเราเสมอว่า เขาอยากเห็นเรามีความสุขทุกวัน ยิ้มทุกวัน เขาก็ทำได้อย่างนั้น แม้กระทั่งเวลาที่เราทุกข์ เศร้า เขาก็ทำให้เรายิ้มได้” น้ำเสียงใสๆ ที่เข้ากันกับ ความสวยไม่ต่างจากวันที่คุณตาลขึ้นรับตำแหน่งรองนางสาวไทย ประจำปี 2532 เอ่ยถึงสุภาพบุรุษ ที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้างๆ กัน

/// ดูแลซึ่งกันและกัน เข้าใจกันในทุกๆ เรื่อง

เช่นนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดหนุ่มใหญ่มาดสุขุม จึงพิชิตใจสาวสวยระดับ นางงามได้ ขนาดช่อดอกไม้ที่ WhO? ตั้งใจเตรียมไว้เพื่อหวังจะให้คุณเกียรติ มอบแก่คุณตาล หลังสิ้นสุดการสัมภาษณ์ เขายังปฏิเสธด้วยเหตุผลที่แสนจะโรแมนติกว่า “ถ้าจะให้ดอกไม้ จะต้องเป็นดอกไม้ที่ผมเป็นคนจัดเตรียมมาให้คุณตาลด้วยเองเท่านั้น” ประโยคดังกล่าวทำเอาผู้ฟัง ใจละลาย

“เขาดูแลผมทุกเรื่อง แล้วเขาก็มีบทบาทในชีวิตผมมาก ไม่ว่าผมจะยุ่งยังไง เราก็ต้องคุยกันทุกวัน คนเราจะคบกันมันต้องจริงใจกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง ดูแลกันได้ทุกเรื่อง เห็นแตกต่างกันไม่เป็นไร เราก็ต้องมาคุยกันว่าเรื่องนี้ เราเห็นต่างกันนะ ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย” น้ำเสียงนุ่มๆ ประกอบกับบุคลิกอันแสนนิ่ง สมกับที่เป็นสุภาพบุรุษ สุดเนี้ยบสร้างรอยยิ้มให้กับสุภาพสตรีที่นั่งอยู่ข้างกันได้อย่างไม่ยากนัก

ขณะที่คุณตาล กล่าวชื่นชมคุณเกียรติเช่นกัน “เราสามารถคุยกับพี่เขาได้ทุกเรื่อง จะเป็นเพื่อน สาวก็ได้ จะเป็นเพื่อนชายก็ได้ จะเป็นพี่ชายก็ได้” ถึงตรงนี้คุณเกียรติที่กำลัง ตั้งใจฟังแฟนสาว อย่างตั้งใจ ถึงกับหัวเราะและขอขัดขึ้นมาว่า “เป็นเพื่อนสาวไม่ไหวนะ” แต่คุณตาลก็ยังขอพูดถึง แฟนหนุ่มใหญ่วัย 52 ปีคนนี้ต่อว่า

“เพื่อนสาวนี่หมายถึงเรื่องการแต่งตัว พี่เขาช้อปปิ้งสนุกมาก ทุกอย่างที่เป็นเขา ผมสีดอกเลา ใส่สูทผูกไท ติดคัฟลิงค์คือบุคลิกของผู้ชายที่เราชอบมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือ พี่เขาเป็นผู้ชายอบอุ่น แล้วเขาก็เป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าโลกเรามันจะร้อนจะหนาว เขาคือคนที่คอยปรับอุณหภูมิ ร่างกายตัวเรา ให้รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในอุณหภูมิปกติตลอดเวลา ด้วยความที่เวลาเจออะไร หรือมีปัญหาอะไรเราจะเป็นคนค่อนข้างรน แล้วก็ใจร้อน ทำโดยไม่ได้ไตร่ตรอง ซึ่งพี่เขาคือคนที่คอย บอกคอยเตือนให้เรามีสติหยุดคิดและค่อยๆ ช้าลง”

คุณตาลเล่าว่าตั้งแต่ที่คุณเกียรติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอนั้น เขาคือคนที่ทำให้เธอ เชื่อเรื่องบุพเพสันนิสวาส เพราะการที่คนสองคนซึ่งมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กลับได้มีโอกาสโคจรมาเจอกัน และยังได้คบกันมาจนถึงทุกวันนี้ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือบุพเพสันนิวาสจริงๆ

/// แล้วเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร?

เมื่อทั้งสองต่างมั่นใจในกันและกันถึงเพียงนี้ และตลอดระยะเวลาที่คบหาดูใจกัน ไม่ว่าคุณเกียรติจะควงแขนคุณตาลไปออกงานเล็กหรืองานใหญ่ รวมถึงงานระดับประเทศ เขาก็จะแนะนำคุณตาลกับทุกคนที่รู้จักด้วยการสรรหาคำนอกจากคำว่า “แฟน” ซึ่งสาวๆ ทั้งหลายได้ฟังแล้วต้องพากันอิจฉาตาร้อนคุณตาลอย่างแน่นอนว่า “สุดที่รัก” หรือคำว่า “หุ้นส่วนชีวิต”

คุณเกียรติยังคงตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มในท่าทีสุขุมเช่นเคยว่า “ผมเป็นคนหน่ึงที่เชื่อว่า เดินแต่ละก้าวให้มีความหมายคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะบางครั้งเรามัวแต่หมกมุ่นกับปลายทาง จนลืมไปว่าระหว่างเดินทางมันมีความสุขนะ มันมีความหลากหลาย และมีความหมายกับชีวิตเรา ตราบใดที่เรายังเดินไปด้วยกัน เส้นทางเดียวกันเป็นใช้ได้ แล้วการคบกันก็ต้องให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะต้องเป็นคนกำหนดทิศทาง มันต้องแลกเปลี่ยนกัน ต้องเห็นตรงกัน อย่างนั้นน่ะยั่งยืนที่สุด บางคนมีกระดาษการันตีความสัมพันธ์อยู่ในมือ ตั้งไม่รู้กี่ใบมันก็แค่นั้น มันไม่ใช่ปลายทาง ถ้าเราไม่เดินให้แต่ละวันมันมีความหมาย กับชีวิตนั่นแหละคือความผิดพลาด ผมคิดอย่างนั้นนะ”

แล้วฝ่ายสุภาพสตรีอย่างคุณตาลคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

“เรื่องของอนาคต ไม่รู้นะ เรารู้แต่ว่าชีวิตเราไม่ได้อยู่แค่ชุดหรืออยู่ที่พิธีการอะไร แต่อยู่ที่ว่าวันนี้ผู้ชายคนนี้ทำให้เรามีความสุข ณ ปัจจุบันนี้ ทำให้ครอบครัวมีความสุข คือไม่ใช่ แค่เรา ความอบอุ่น ความรักที่เขามีให้เรามันเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัว ของเรา ซึ่งพี่เขาให้ เต็มร้อย จริงๆ เกินร้อยด้วยซ้ำ เรารู้สึกว่า ณ ปัจจุบันนี้มันดีมากอยู่แล้ว สำหรับผู้หญิงคนหน่ึง ที่ได้เจอ เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ ณ วันนี้ เท่านี้ก็มีความสุข มากพอแล้ว”

ทุกถ้อยคำของทั้งคู่ชัดเจนขนาดนี้ คงไม่ต้องมีคำถามอะไรมากมายอีกแล้ว เพราะเรื่องราวของคนทั้งสอง สะท้อนให้เห็นว่าบางครั้ง คุณค่าและความหมายของชีวิตนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละย่างก้าวสู่อนาคตบนเส้นทางเดียวกัน ในที่สุดชีวิตคู่นี้จะลงเอยอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันต่อไป…

เที่ยวไปกับผู้ว่าททท. “สุรพล เศวตเศรนี” พาตะลุยทั่วไทย... ด้วยหัวใจและสำนึกเพื่อความยั่งยืน






นิตยสาร WhO?

เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์,ททท.



เที่ยวไปกับผู้ว่าททท.

สุรพล เศวตเศรนีพาตะลุยทั่วไทย...

ด้วยหัวใจและสำนึกเพื่อความยั่งยืน



เที่ยวทั่วไทยอย่างมีสำนึกจะได้ความภูมิใจในการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยว เป็นการเรียนรู้รากเหง้า วัฒนธรรมเพื่อต่อยอดภูมิปัญญา หากยังไม่มีเส้นทางที่สนใจ จะลองไปเที่ยวตามรอยผู้ว่าฯ ททท. ซึ่งชวนดูนกและสัมผัสกลิ่นไอตลาดวิถีไทย ความสนุกเพลิดเพลินที่สามารถจะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน


มีโอกาสได้ฟังท่านผู้ว่าฯ สุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คุยให้ฟังถึงแคมเปญเที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืนที่เน้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ แบบรักษาคุณค่า ความมั่งคั่งของทรัพยากร ซึ่งจะนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน มุ่งปลูกฝังและสร้างกระแสให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 ที่จะช่วยกระตุ้นให้คนบ้านเราหันมาเที่ยวไทยแบบอนุรักษ์ธรรมชาติ พบกูรูหมายเลข 1 แห่งททท.ทั้งที จึงขอให้ท่านผู้ว่าฯ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นตัวอย่างสักหน่อย เผื่อใครนึกสนุกอยากตามรอยผู้ว่าฯก็เชิญติดตามครับ...

ตั้งแต่ผมเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการต้องเดินทางแบบว่าเยอะมากเลย (ยิ้ม) ทำให้เป็นคนที่ค่อนข้างจะแม่นเรื่องเส้นทาง และสถานที่ ลงลึกถึงขนาดต้องจดหลักกิโลเมตรเลย ผมเลยชอบทุกภาคของประเทศ แต่ย้อนไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วผมจะชอบเที่ยวอีสานมาก เพราะมีธรรมชาติที่สมบูรณ์มากๆ ในตัวของเขาเอง อีสานเขียวมาก มีทรัพยากรการท่องเที่ยวเยอะ สถานที่ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต อาหารกิจกรรมประเพณี ยิ่งมีแม่น้ำโขงก็ยิ่งเป็นเสน่ห์ให้กับชาวอีสาน

//ตามรอยผู้ว่าฯเที่ยวชมนก

คุณสุรพลเกริ่นกว้าง ก่อนจะลงลึกถึงสถานที่และช่วงเวลาที่ควรเที่ยวแต่ละถิ่นตามความชอบส่วนตัว ว่าแต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนชอบท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติแห่งต่าง ซึ่งกิจกรรมโปรดที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือการ"ดูนก"

"ผมจะไปดูนกเป็นกลุ่มเล็กๆ เคยมีโอกาสเดินทางไปกับคุณพินิจ แสงแก้ว ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านดูนกด้วยนะครับ นอกจากได้เรียนรู้เรื่องนกแล้ว ยังได้ศึกษาธรรมชาติรอบตัวด้วย สาเหตุที่ผมชอบนกก็อาจว่าผมเป็นเด็กผู้ชาย ผมเกิดอยู่ในสวนฝั่งธนได้สัมผัสกับธรรมชาติและพวกนกเหล่านี้เยอะ มีทั้งนก หนู กระรอก มันเป็นสิ่งที่ผูกพันกับสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา

"...อย่างเดือนตุลาคมตั้งใจจะเดินทางไปดูเหยี่ยว .ชุมพร,เขาเรด้า .ประจวบฯ ,ครสวรรค์ ชัยภูมิ ,แหลมผักเบี้ย เป็นป่าโกงกางที่มีนกอยู่เป็นจำนวนมาก และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพชรบุรี ที่เป็นมนต์ขลังให้กับผู้ที่มาเยือนได้ความประทับใจ และความสุขกลับไป


//หลงใหลคลอง-ตลาดเก่า

และนอกจากความสนใจผูกพันในธรรมชาติแล้ว ผู้ว่าฯ ททท. ยังใส่ใจในประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นตามจังหวัดต่างๆ "ผมชอบไปเที่ยวงานประเพณีวัฒนธรรม เพื่อได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นนั้นๆ อย่างภาคใต้ก็ชอบไปเที่ยวปัตตานี นราธิวาส เพื่อไปดูวัฒนธรรมมุสลิม เลยไปเบตงก็จะเป็นวัฒนธรรมจีน มีสิ่งปลูกสร้างแบบจีนชนบท มีอาหารที่อร่อย แล้วยังมีพญานกน้ำที่พัทลุง ถ้าผมไปพักผ่อนกับครอบครัวที่ยังประทับใจก็จะเป็นเขาเต่า เพราะญาติมีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั่น สมัยนั้นที่เขาเต่ายังมีคนนอกที่ไปสร้างบ้านอยู่กันนั้นน้อยมากไม่เกินสามครอบครัว แล้วทุกปีสมัยนั้นยังได้เข้าเฝ้าในหลวงด้วย

สมัยก่อนแม้ว่าการบริการยังไม่ค่อยทันสมัยเหมือนสมัยนี้ แต่การได้ท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของเจ้าของพื้นที่แล้วยังได้ชิมอาหารรสเด็ดอีกมากมายผมชอบไปเดินเที่ยวทุ่งไทรน้อย ทุ่งไทรใหญ่ เพราะต้องเดินลัดโขดหินไปมันเลยเป็นอะไรที่ประทับใจ ปัจจุบันก็ยังเที่ยวหัวหินอยู่ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว(ยิ้ม) เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

อีกกิจกรรมหนึ่งที่ผู้ว่าฯ ททท. ชอบ คือ ท่องเที่ยวทางน้ำ เป็นการนั่งเรือเข้าไปยังซอกคลองเล็กคลองน้อยใหญ่ เริ่มตั้งแต่คลองบางกอกน้อย คลองบางกอกใหญ่ ผ่านวัด ชุมชน แถมมีของฝากเป็นขนมมากมายใช่ครับๆ ถ้าไปทางบางแค คลองมหาสวัสดิ์ ก็เจอสวนกล้วยไม้ แล้วออกไปถึงท่าฉลอม มหาชัย ผมว่ามันเอกลักษณ์ที่ไม่ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวคนไทยอย่างเดียว ผมว่าคนต่างชาติก็ชอบ เพราะเป็นเอกลักษณ์ที่หลายประเทศไม่มี เป็นการลัดเลาะริมคลองได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย

"อย่างเราล่องเรือผ่านไปชาวบ้านก็จะโบกไม้โบกมือ มันเป็นวิถีชีวิตของเราที่วันๆหนึ่งต้องเจอนักท่องเที่ยวแบบนี้ตั้งเท่าไหร่ ซึ่งเขาไม่ได้แกล้งทำแน่ ถ้าแกล้งทำคงทำไม่ได้มันเหนื่อยตาย(ยิ้ม) แล้วก็ไม่มีใครมากะเกณฑ์ให้ทำ คนไม่มีใจให้เราก็คงไม่โบกหน้าตายิ้มแย้ม มันเลยเป็นเสน่ห์ให้กับชุมชนนั้นๆ ผมไม่ค่อยชอบเที่ยวทุกอย่างต้องดูหรูหรา แต่ของผมชอบเที่ยวแบบเรียบง่าย สบายๆ ถอดรองเท้าเดินได้สัมผัสกับโคลนก็จะได้รับพลังงานเพื่อให้สมดุลกับร่างกายบ้าง ถ้ายิ่งเป็นตลาดเก่าผมยิ่งชอบเขารำลึกความหลังครั้งไปล่องเรือเที่ยวตลาดเก่าด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มแห่งความประทับใจ


//7 GREENS : ท่องเที่ยวสดใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

เก็บข้อมูลสไตล์การเที่ยวของผู้ว่าฯสุรพล เรียบร้อย ทำให้ภาพของการท่องเที่ยวอย่างที่ ททท.กำลังรณรงค์อยู่ค่อนข้างจะชัดขึ้นมาก อย่างที่เขาคิดค้นกันขึ้นมาเป็นแคมเปญเที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืนซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายในฝันเช่นนี้ใครก็อยากมีส่วน ว่าแล้วอย่ารอช้ามาดูกันดีกว่าครับว่ามีองค์ประกอบอย่างไรกันบ้าง

1. เที่ยวด้วยใจคิด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2.เที่ยวใกล้-ไกล เลือกใช้(พาหนะ) พลังงานสะอาด 3.จัดการแหล่งท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงความยั่งยืน 4.เที่ยวอย่างรู้ค่า รักษาเอกลักษณ์ชุนชน 5.เลือกกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 6.จัดการธุรกิจ ตระหนักคิด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 7.จิตอาสา พาโลกสดใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นแนวทางดำเนินการปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคส่วนต่างๆ ตรงนี้จึงเป็นการท่องเที่ยวที่สนุกและมีความสุขในรูปแบบคืนธรรมชาติสู่ผืนโลก คืนความมั่งคั่งสู่ชุมชน ที่กำลังคอยต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นมิตรไมตรี

นอกเหนือจากนี้ ทาง ททท. ยังมีแผนดำเนินการผลักดันให้เกิดพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้แก่ 1.อนุรักษ์ (1.) จังหวัดน่าน เป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสิ่งแวดล้อมโดยรถท้องถิ่น ปี 2554 กับโครงการนั่งสามล้อ ผ่อเมืองน่าน เปิดตัวโครงการเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2553 ประกอบด้วย 4 เส้นทางหลักคือ นั่งสามล้อ ผ่อเก้าวัด นั่งสามล้อ ผ่อเวียงเก่า นั่งสามล้อ ผ่อพระธาตุ และนั่งสามล้อ ผ่อเขาน้อย

(2.) เมืองเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นโครงการที่ทำกับผู้ประกอบการ และ เจ้าของท้องถิ่น 2.1 โครงการชุมชนรู้รักษ์แหล่งท่องเที่ยวซึ่งโครงการดังกล่าว มุ่งเน้นการผลักดันให้ชุมชนรู้จักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และวิถีวัฒนธรรมที่ดีงาม โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนบ้านไม้เก่าโบราณ ถนนชายโขง เชียงคาน

2.2 โครงการ "เจ้าบ้านที่ดีรุ่นใหม่หัวใจสีเขียว" บรรจุไว้ในแผนตลาด สลย. ปี 2555 เพื่อต่อยอดโครงการชุมชนรู้รักษ์แหล่งท่องเที่ยว

2.ปกป้อง (3.) เมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นโครงการเที่ยวเหนือใส่ใจ เที่ยวไทยยั่งยืน กิจกรรมรักษ์ปาย ลดขยะ เพิ่ม (ปลูก) หญ้าแฝกโดยร่วมกับ ชมรมท่องเที่ยวปาย จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์ ชักชวนนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาหน้าดิน อันเป็นแนวทางในการส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์

(4.) เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นโครงการ Koh Samui Going Green และโครงการรณรงค์คืนมะพร้าวให้เกาะสมุย นักท่องเที่ยวและผู้มาเยี่ยมเยือน ร่วมกันทำให้สมุยมีมะพร้าวนับล้านต้นเป็นเอกลักษณ์ตลอดไป นำไปสู่การเป็นเกาะสีเขียว ( GREEN ISLAND) อย่างยั่งยืน ซึ่ง ททท.ได้ดำเนินการบรรจุกิจกรรมการปลูกมะพร้าวลงไปในโปรแกรมท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว , สื่อมวลชนไทยและต่างชาติ หรือ กิจกรรมนานาชาติที่ดำเนินการในเกาะสมุย โดยได้ขอความร่วมมือสถานประกอบการที่พัก ปลูกมะพร้าว เพื่อคืนภาพความสวยงามของเกาะสมุยที่มีมะพร้าวเรียงรายตลอดชายหาด ดั่งภาพเดิมที่เคยปรากฏในภาพโปสเตอร์ของ ททท. ที่สร้างชื่อเสียงให้เกาะสมุยเป็นที่รู้จักกันของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในนาม “ COCONUT ISLAND ”

Don’t Miss

ภาคกลาง

เมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ในโครงการมหัศจรรย์วันเดียว นั่งรถไฟปรับอากาศเที่ยวใกล้กรุงปี 2554” แล้วนั่งสามล้อ ต่อด้วยตุ๊กตุ๊กไปตามวัดต่างๆ

เรียนรู้ธรรมชาติกันที่ สมุทรสงคราม ในพื้นที่เป้าหมายวิสาหกิจชุมชนชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คลองโคลนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเห็นความสำคัญของป่าชายเลนจึงเสด็จมาปลูกด้วยพระองค์เอง พลิกฟื้นผืนป่าที่ถูกนากุ้งทำลายกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมอีกครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมแบบวิถีชาวประมงป่าชายเลน ถีบกระดานเลนเก็บหอย ใครไปเยือนลองถีบกระดานเลนกันนะครับ แม้จะเลอะบ้างแต่ให้ความสนุกแบบสุดๆ

แล้วไปตะลุยกันต่อที่เมืองเพชรบุรี สถานที่เรียนรู้ธรรมชาติอันสมบูรณ์ต้องแวะโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราช ดำริชมวิธีกำจัดขยะแบบประหยัด การบำบัดน้ำเสียด้วยธรรมชาติ 4 ระบบ เพลิดเพลินกับการดูนกหายาก

ห่างออกไปทางปากอ่าว 3 ..เพื่อชมอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธรบริเวณปากอ่าว ศูนย์กลางการเผยแพร่และฝึกอบรมด้านอนุรักษ์พลังงาน ทรัพยากร-สิ่งแวดล้อม

- ททท. พระนครศรีอยุธยา 0-3524-6076-7

-ททท.สมุทรสงคราม โทร .034-752847-8 หรือ Call Center 1672

ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคลน และโฮมสเตย์ผู้ใหญ่ชงค์ (คลองโคลน) 0-3473-1188, 0-3473-1198 โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 0-3244-1265 อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร 0-3250-8396

ภาคตะวันออก

ที่ .ห้วยแร้ง .ตราด จะได้สัมผัสชีวิตชุมชนริมคลองที่อยู่กันแบบพอเพียงเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่นมาเป็นภาชนะใส่อาหาร ทำสบู่เปลือกมังคุดใช้กันเอง และมีแหล่งพักสายตาน้ำตกลำน้ำห้วยแร้ง 18 แก่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย ต้องไม่พลาด

ต่อด้วยชุมชนบ้านสลักคอก เกาะช้างชุมทางประมงพื้นบ้านแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ ตื่นเต้นกับการพายเรือคยักชมระบบนิเวศป่าผืนใหญ่สุดของเกาะ

และชมชุมชนบ้านท่าสอน .ขลุง ด้วยการไปล่องเรือชมเหยี่ยวแดง ดูวิถีชีวิตชุมชนชาวเล สัมผัสกับหิ่งห้อยยามค่ำคืน ตบท้ายกับพายเรือคายัคชมธรรมชาติป่าชายเลนใครชอบความเร็วมันๆก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน


-ททท.จันทบุรี. 0-3865-5420-1, 0-3866-4585 บ้านสลักคอก เกาะช้าง 08-7748-9497

-ททท.ตราด 0-3959-7259-60 กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ .ห้วยแร้ง 08-9247-9648

ภาคเหนือ

พื้นที่สลับซ้อนแห่งภูเขาเขียวขจี มีสถานที่ธรรมชาติสดใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา.ปัว .น่าน ดินแดนแห่งพืชพื้นถิ่นหายากใกล้สูญพันธุ์อย่างต้นชมพูภูคา หรือจะแวะอุทยานแห่งชาติแม่จริมล่องแก่งหลวงลำน้ำว้า ความท้าทายระดับ 3-5 สลับกันไปตลอดกว่า 22 แก่ง

ที่เมืองน่านนี้ยังมีโครงการ นั่งสามล้อ ผ่อเมืองน่าน ใน 4 เส้นทาง เป็นการนั่งสามล้อ ผ่อเก้าวัด,เวียงเก่า,พระธาตุและผ่อเขาน้อย

ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแล้วยังได้ชื่นชมวิถีชีวิตของคนเมืองน่าน ประกอบด้วย วัดภูมินทร์,พระธาตุเขาน้อย,วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร,โฮงเจ้าฟองคำ และประเพณีใส่บาตรเทียน วัดบุญยืนพระอารามหลวง .เวียงสา

หากมีเวลาอย่าลืมแวะไปเที่ยววัดพระบาทห้วยต้ม เป็นวัดที่ใหญ่ ที่สุดของอำเภอลี้ ลำพูน เพราะมีสิ่งปลูกสร้างศิลาแลงที่ขุดได้จากบ่อศิลาแลง ด้านหลังของวัด และองค์พระธาตุที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม

และแวะกันไปที่ ปาย แม่ฮ่องสอน ที่มีการส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์ ยังไงอย่าลืมแวะไปเที่ยวธรรมชาติที่ .อมก๋อย .เชียงใหม่ด้วยนะครับ เพราะที่นี่ยังคงความเป็นวิถีชุมชนที่ติดดินแบบสุดๆ


-ททท.เชียงใหม่ 0-5324-8604

-ททท.แพร่ 0-5452-1118

-ททท.แม่ฮ่องสอน 0-5361-2982-3

-อุทยานแห่งชาติดอยภูคา 0-5470-1000, 0-5473-1362 ล่องแก่งน้ำว้า อุทยานแห่งชาติแม่จริม 0-5477-9402-3, 0-5473-0040-1 โฮมสเตย์บ้านหาดผาขน 08-5183-4975

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

-ททท.นครราชสีมา 0-4421-3666 สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชหรือแหล่งสงวนชีวมณฑลสะแกราช 0-4424-4474,0-4424-2533,0-4425-8642

-ททท.อุบลราชธานี 0-4524-3770, 0-4525-0714

- ททท.ขอนแก่น 0-4324-4498-9 สำนักงานวัฒนธรรมอำเภอด่านซ้าย โทร. 08-3145-3080

-ททท.เลย 0-4281-2812 ,0-4281-1405 พิพิธภัณฑ์สิรินธร (พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภูกุ้มข้าว) 0-438-7014

ภาคใต้

-ททท.นครศรีธรรมราช 0-7534-6515-6 พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง บ้านหนังสุชาติ ทรัพย์สิน 0-7534-6394 บ้านคีรีวง 0-7555-3111-3 เขาเหล็กบ้านกุงชิง 08-7890-4383 อุทยานแห่งชาติเขาหลวง 08-9909-8533, 0-7530-0494 อุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ 0-7568-5269, 0-7552-8495

-ททท.สุราษฏร์ธานี 0-7728-8818-9 ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว

-ททท.เกาะสมุย 0-77 42-0720-2