สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

“สิเรียม สายเอียด” ชีวิตที่เหลือสู้เพื่อลูก

เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง


“สิเรียม สายเอียด” ชีวิตที่เหลือสู้เพื่อลูก



หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง บ้านรอตันบาตู จ.นราธิวาส เกิดขึ้นมาจากที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์ กับคุณพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และพล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุทรราชองครักษ์ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2547 ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส ให้ดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ประสบเคราะห์กรรมจากการกระทำของผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินในการจัดตั้งโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่าง ที่บ้านรอตันบาตู หมู่ 7 ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อสร้างงานให้ชาวบ้านมีอาชีพ มีรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วันนี้จะมาพูดคุยกับหนึ่งในสมาชิกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงฯ สิเรียม สายเอียด ในวัย 32 ปี เล่าว่า ชีวิตในวันนี้มีความสุขกว่าเดิม เนื่องจากทุกคนที่เป็นสมาชิกมาอยู่ในหมู่บ้านแม่หม้ายแห่งนี้ต่างมีหัวอกเดียวกัน จึงมีความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ หากจะให้กลับไปอยู่บ้านเจอสภาพเดิมๆ ก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงภาพเก่าๆ เพราะเส้นทางที่สามีเคยเดินเธอพยายามจะไม่เดินผ่านอีกเลย เธอเล่าว่า ก่อนสามี(เจือ สามเอียด) เสียทำอาชีพเป็นอาสาสมัคร ในปี 2547 สามีได้ออกจากเวรแล้วกลับบ้าน แต่ยังไม่ถึงบ้านก็ถูกโจรใต้ฟันจนเสียชีวิตอยู่ข้างถนนทำให้ต้องอยู่สู้ชีวิตเพื่อลูก 2 คน(ด.ช.ณัฐวุฒิ อายุ 12 ปี และ ธนภัทร อายุ 4 ปี)

"ครั้งแรกที่รู้สามีเสียชีวิตรู้สึกตกใจ จิตใจมันมืดมนต์ไปหมด คิดเลยว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร แต่พอได้เห็นหน้าลูกที่นอนอยู่ก็ทำให้ต้องบอกกับตัวเองว่าจะเป็นอะไรไม่ได้ ต้องสู้และยืนอยู่ให้ได้ พร้อมที่จะลุกเดินอีกครั้ง ด้วยการไปรับจ้างกีดยาง ที่รือเสาะ ปัตตานี มีพ่อกับแม่ช่วยเลี้ยงดูลูกทั้งสองแทน แล้วที่ผ่านมาเคยร้องไห้อยู่บ่อยครั้งเมื่อคิดถึงสามี โดยเฉพาะวันพ่อแห่งชาติที่ลูกชายจะชอบถามว่าพ่ออยู่ไหน เพื่อนๆ ต่างมีพ่อมาให้ไหว้ เห็นลูกถามก็อดที่จะไปแอบร้องไห้ไม่ได้ เพราะสงสารลูก แล้วจะบอกกับเขาว่า พ่อไปสบายแล้ว แต่เหมือนลูกจะยังไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่อธิบายให้ลูกได้ฟัง" เธอเล่าด้วยแววตามีน้ำซึม ออกมาให้ได้เห็นเป็นระยะๆ

สิเรียม เล่าต่อว่า หลายครั้งที่ลูกคนเล็กโกรธเธอเมื่อไหร่จะไปหาพ่อ แม้ว่าเธอจะบอกกลับไปว่าพ่อไก่ไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว(ร้องไห้) จากวันนั้นเธอพยายามที่จะเป็นทั้งพ่อและแม่เอาใจลูกเพื่อไม่ให้เกิดปมด้อย วันนี้ลูกทั้งสองคนเริ่มโตขึ้น พอดีคนในหมู่บ้านได้รับผลกระทบทางจิตใจมากพอสมควร เช่นเดียวกับเพื่อนลูก เธอก็บอกกับลูก เห็นน้องมายด์ไหม น้องมายด์ก็เป็นเหมือนลูก ที่ไม่มีพ่อเหมือนกัน น้องตั้นต้องอย่าดื้อ ลูกชายถามกลับมาว่า “ทำไมเขาต้องฆ่าพ่อน้องตั้นด้วย” ทั้งๆ ที่ลูกไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย เพราะตอนที่สามีเสียลูกชายคนเล็กเพิ่งอายุได้เพียง 7 เดือน

“ที่ผ่านมาก็จะให้ลูกชายคนเล็กได้ดูภาพว่านี่คือพ่อไก่ เป็นพ่อของเขา แต่ลูกก็จะถามอีกแล้วพ่อไก่ไปไหน เราก็จะบอกว่าพ่อไก่เป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ ลูกชายยังถามกลับมาว่า พ่อไก่ไปสวรรค์ทำไม พอดีเขาไปเห็นภาพงานศพของพ่อ เขายังถามว่าใครฆ่าพ่อ เราก็บอกไปว่า โจรมันฆ่า ลูกก็ซักอีกว่า โจรที่ไหน เราก็บอกไปแม่ก็ไม่รู้ ได้ฟังลูกชายคนเล็กพูดขึ้นมาทำให้อดที่จะร้องไห้ไม่ได้ เขาบอกว่าเอาไว้น้องตั้นโตน้องตั้นจะเรียนให้เก่ง แล้วน้องตั้นจะเป็นตำรวจ น้องตั้นจะไม่ไปไหนน้องตั้นจะจับโจรที่ฆ่าพ่อให้ได้” นี่เป็นความในใจของผู้เป็นแม่ที่ห่วงอาทรลูกชาย

คำซักถามของลูกชายคนเล็ก สิเรียม พยายามปลอบลูกชายขอเรียนหนังสือให้เก่ง แต่มีบางครั้งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนมานั่งเหม่อลอย จึงได้ถามเขาว่าเป็นอะไร คำตอบที่ได้เขาบอกว่าวันนี้ลุงสมนึกที่ขับรถโรงเรียนโดนยิงตาย เขาเริ่มรู้สึกกลัว ความเป็นแม่ของเธอเลยต้องปลอบลูกชายกลับไปว่า ไม่ต้องกลัวลูกต้องอดทนและเข้มแข็งเพื่อแม่และพ่อ

“ลูกบอก อดทนเพื่อพ่อไก่ใช่ไหม บางครั้งไม่รู้ว่าลูกคิดถึงพ่อหรืออย่างไร โดยจะเอาภาพพ่อมานั่งดูแล้วก็บอกว่า น้องตั้นรักพ่อ น้องตั้นอยากจะไปหาพ่อน้องตั้นไม่เคยเห็นพ่อ พอได้ฟังแบบนั้นยังแอบไปร้องไห้คนเดียว จะไม่ยอมร้องไห้ให้ลูกเห็นเดี๋ยวลูกจะหาว่าแม่อ่อนแอ แต่ดีว่าตากับยายคือแม่กับพ่อของพี่ที่ช่วยดูลูกให้เป็นอย่างดีทำให้ลูกอบอุ่น วันนี้ดีใจที่ ลูกชายคนโตโชคดีที่ได้ทุนไปเรียนที่ ร.ร.ดอนเมืองจาตุรจินดา กรุงเทพฯ”

ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน ทำให้เธอต้องยืนสู้ชีวิตมาจนถึงวันนี้ก็ทำเพื่อลูกทั้งสอง สิ่งสำคัญเธอย้ำว่า ปัจจุบันนี้ขอทำเพื่อ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้พระราชทานบ้านให้เธอได้อยู่ ได้มีอาชีพ ทุกวันก็จะทำงานผลิตงานเซรามิก ประเภท แจกันดอกไม้ อ่างบัว ตีหมา ถ้วยแก้ว ดอกบัว ดอกกุหลาบ ดอกดาหลา เป็นต้น ทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะกลับบ้านไปดูลูกที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตแบบนี้เธอบอกว่า มันเจ็บปวด เพราะไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ต้องมาเผชิญชีวิตอยู่แบบนี้ พอสามีเสียชีวิตทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ทั้งความเป็นอยู่ เรียกว่าทุกอย่างเราต้องสู้ด้วยตัวเองตามลำพัง เชื่อไหมว่า พอสามีเสีย ปีต่อมาหลานก็ถูกยิงเสียชีวิต พอถึงเรื่องราวเหล่านั้นแล้วมันก็ต้องสู้ เหตุการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ไม่รู้ว่าจะสงบหรือไม่สงบเมื่อไหร่ ดังนั้น วันนี้ไม่ต้องการอะไรจากภาครัฐมากนัก ขอแค่ให้ภาครัฐเข้ามาดูแล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างจริงจัง เช่น หากรู้ว่าใครที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองด้วยการวางระเบิด หรือฆ่าใคร พอจับไปได้แล้วต้องลงโทษแบบอย่าได้ปล่อยออกมาอีก เพราะหลายครั้งที่จับตัวผู้กระทำความผิดในที่สุดก็ถูกปล่อยตัวออกมาสร้างความปั่นป่วนให้กับบ้านเมืองแบบซ้ำซากอีก ดังนั้น อยากให้กฎหมายเด็ดขาดกว่าที่เป็นอยู่

“ทุกคนหลีกเลี่ยงชีวิตแบบนี้ไม่ได้ แล้วต้องเจอแบบเรา ก็อยากให้ทุกคนเข้มแข็ง ชีวิตวันนี้อยู่สู้เพื่อลูก สู้เพื่อพ่อแม่ สู้เพื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ เพราะรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างที่สุดหามิได้ รู้สึกดีใจที่พระองค์ท่านได้มาดูแลความเป็นอยู่ของพวกเรา แล้วพวกเราก็จะทำดีที่สุดเพื่อพระองค์”

นี่เป็นเสียงจาก “สิเรียม สายเอียด” หนึ่งในสมาชิกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง(หมู่บ้านแม่หม้าย) ที่น่าจะเป็นแบบอย่างให้กับผู้ที่สูญเสียผู้นำต้องดำเนินชีวิตอยู่เพื่อคนใกล้ชิด และทำประโยชน์เพื่อสังคม...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น