สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความรู้จากแพทย์จีน...อ่านแล้วจะดีกับชีวิตครับ

ความรู้จากแพทย์จีน
อาจารย์ท่านแนะนำเคล็ดลับไว้ 12 ข้อดังต่อไปนี้...

1.
หวีผมบ่อยๆ:หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง (ใช้หวีซี่ห่างหน่อย
แปรงเบาหน่อย เพื่อกันผมหลุด)

2. ถูใบหน้าบ่อยๆ:ล้างมือด้วยสบู่
หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถูหน้าเบาๆ
บ่อยหน่อยเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง

3.
เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ:ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง
หลีกเลี่ยงการมอง
หรือจ้องอะไรนานๆโดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง

4.
กระตุ้นใบหูบ่อยๆ:การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย
ช่วยบำรุงตานเถียน(จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย(ใต้สะดือ)
สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง
และอาการเวียนหัว

5. ขบฟันบ่อยๆ:ขบฟันเบาๆ บ่อยหน่อย(ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ)
ช่วยให้ฟันแข็งแรงและกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย

6.
ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ:การใช้ปลายลิ้นกระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม
เพื่อเชื่อมพลังลมปราณตู๋และเยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง
และส่วนหน้าร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการหลั่งสารน้ำ และน้ำลาย

7.
กลืนน้ำลายบ่อยๆ:การกลืนน้ำลายบ่อยๆ ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย
และกระตุ้นการย่อยอาหาร

8.. หมั่นขับของเสีย:หมั่นขับของเสีย
โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ กินอาหารที่มีเส้นใย ออกกำลัง เพื่อป้องกันท้องผูก
เมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระให้ถ่ายทันที อย่ารอโดยไม่จำเป็น
การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ และการดูดซึมสารพิษ
(กลับเข้าสู่ร่างกาย) มากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย

9.
ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ:ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ
เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น

10. ขมิบก้นบ่อยๆ:การขมิบก้นบ่อยๆ
ช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร และท้องผูก

11. เคลื่อนไหวทุกข้อ:การอยู่นิ่งๆ
หรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป ทำให้เกิดโรคได้ง่าย ควรเคลื่อนไหวข้อต่างๆ
ให้ครบทุกข้อกวัน ฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อและข้อให้สมดุล เช่น การฝึกชี่กง ไท้เก้ก
โยคะ ฯลฯ

12. ถูผิวหนังบ่อยๆ:ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
คล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำ มีส่วนช่วยให้เลือดและพลังไหล
เวียนดี เชิญท่านผู้อ่านลองนำไปปฏิบัติดู เพื่อสุขภาพ พลัง
และลมปราณที่ดีไปนานๆ ครับ...

อาจารย์นายแพทย์ภาสกิจ (วิทวัส) วัณนาวิบูล
อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีน แนะนำเคล็ดลับการดูแลสุขภาพ
ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนว่าอาหาร 10
อย่างที่ไม่ควรกินมากเกินนำแนวคิดศาสตร์แพทย์แผนจีนมาวิเคราะห์โดยใช้หลักแพทย์แผนปัจจุบันประกอบ... อาหารที่ไม่ควรกินมากเกิน
หรือบ่อยเกินได้แก่...


1. ไข่เยี่ยวม้า:ไข่เยี่ยวม้ามีตะกั่วค่อนข้างสูง
ตะกั่วทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง กินบ่อยๆ จะเสี่ยงโรคกระดูกโปร่งบาง
และอาจได้รับพิษตะกั่วเช่น สมองเสื่อม เป็นหมัน ฯลฯ


2.
ปาท่องโก๋:กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่วปนเปื้อน
ตะกั่วทำให้ไตทำงานหนักในการขับสารนี้ออกไป นอกจากนั้นยังทำให้คอแห้ง เจ็บคอง่าย
โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคร้อนในได้ง่าย


3. เนื้อย่าง:กระบวนการรมไฟ
ย่างไฟทำให้เกิดสารเบนโซไพรีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง


4. ผักดอง:ผักดอง
และของหมักเกลือทำให้ร่างกายได้รับเกลือโซเดียมสูง ถ้ากินบ่อยเกิน
หรือมากเกินจะทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูงและโรคหัวใจได้ง่าย
นอกจากนั้นกระบวนการหมักดองยังทำให้เกิด สารแอมโมเนียมไนไตรด์ ซึ่งเป็นสาร
ก่อมะเร็ง


5. ตับหมู:ตับหมูมีโคเลสเตอรอลสูง การกินตับหมูบ่อยเกิน
หรือมากเกินทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ เส้นเลือดสมอง(อัมพฤกษ์-อัมพาต)
และโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น
6. ผักขม ปวยเล้ง:ผักขมและปว

ยเล้งมีสารอาหารสูง ทว่า...
มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้เกิดการขับสังกะสี และแคลเซียมออกจากร่างกายมาก
การกินบ่อยเกิน หรือมากเกินอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลเซียม หรือสังกะสีได้


7.
บะหมี่สำเร็จรูป:บะหมี่สำเร็จรูปมีสารกัดบูด สารแต่งรสค่อนข้างสูง
และมีคุณค่าทางอาหารต่ำ การกินบะหมี่สำเร็จรูปมากเกิน
หรือบ่อยเกินอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคขาดอาหาร และการสะสมสารพิษได้


8.
เมล็ดทานตะวัน:เมล็ดทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทว่า... การกินมากเกิน
หรือบ่อยเกินอาจทำให้กระบวนการเคมี (metabolism) ในร่างกายผิดปกติ
ทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับ ภาวะไขมันในตับสูงอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคตับ เช่น ตับแข็ง
ฯลฯ เพิ่มขึ้น


9. เต้าหู้หมัก
เต้าหู้ยี้:กระบวนการหมักเต้าหู้อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย...ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคนสูงอายุ
หรือเด็กเล็กได้ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์
ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย


10. ผงชูรส:คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินวันละ 6 กรัม
หรือประมาณ 1 ช้อนชา...การกินผงชูรสมากเกิน หรือบ่อยเกิน
ทำให้เกิดภาวะกรดกลูตามิกในเลือดสูงอาจทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้
และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น