สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ใครคิดล้มเจ้า?... บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ชักธงรบ “ยอมตายเพื่อในหลวง”


เรื่อง : สุทธิคุณ  กองทอง  ภาพ : ชวรินทร์  เผงสวัสดิ์  แต่งหน้า : บัณฑิต บุญมี  
สถานที่ : ร.ร.เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

ใครคิดล้มเจ้า?...
บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์  ชักธงรบ “ยอมตายเพื่อในหลวง”

ใครล้มเจ้า...เจอกู!.. นี่เป็นคำตอบโต้กลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จากปากของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ อดีตพระเอกชื่อดัง ที่ออกมาตอบโต้กลุ่มคนที่สร้างความแตกแยกให้กับสังคม โดยเฉพาะบุคคลที่นำภาพและข้อเขียนหมิ่นสถาบัน ที่ทนดูไม่ได้เลยต้องออกมาปกป้อง แม้จะถูกแบนหนัง ปัญญ…เรณู ภาค 2 ก็ตาม

กระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากบนโลกออนไลน์ที่มีอดีตพระเองชื่อดัง บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ อดีตพระเอกตุ๊กตาทอง ผู้กำกับภาพยนตร์ ปัญญา...เรณู ภาค 2  ที่เขียนข้อความตอบโต้กลุ่มคนไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในเฟซบุ๊คของเขาอย่างดุเดือด  “ไอ้พวกสัตว์นรกชอบทำความแตกแยกคนไทยด้วยกัน..คนที่แม่งพูดบอกว่าประชาชนปลดรูปลงหมดแล้ว..ปลดรูปโคตรพ่อโคตรแม่มึงนะลงเอากระทืบไงไอ้สัตว์..พวกมึงไม่รู้สำนึกแล้วยังมาหน้าด้านอยู่ประเทศไทยทำไม..กูบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ถ้าใครข้องใจ..แต่อย่าหน้าตัวเมียน่ะเจอกูได้ทุกเวลา..เปิดตัวออกมาไอ้เหี้ย!!” ด้วยประเด็นที่ร้อนแรงอย่างนี้ WhO? เลยไปถามถึงความรู้สึกกับความในใจที่รักในหลวงจนประกาศยอมแลกด้วยชีวิต...
//รักในหลวงยิ่งชีพ
ยามบ่ายกว่าๆ ที่ ร.ร.เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ได้นัดพูดคุยเปิดใจใน ทุกประเด็นกับคุณบิณฑ์ โดยเจ้าตัวเข้ามาทักทายกล่าวน้ำเสียงจริงจังชีวิตนี้ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว   “มันก็เป็นธรรมดาของสัตว์โลกที่มีคนทั้งรักทั้งเกลียด  แต่โดยมากแล้วถ้าผมทำตัวธรรมดาคงไม่มีใครเกลียดผม  มีแต่การชื่นชมและชื่นใจ แต่เมื่อเราอยู่บนแผ่นดินไทยนี้ สิ่งที่เราเห็นมันไม่ถูกต้องกับสังคมบ้านเรา  แล้วยิ่งไม่มีใครมาสนใจ  ไม่มีใครเข้ามาเยียวยารักษาให้มันดีขึ้น มีแต่จะเลวลง ผมคิดว่าถึงแม้จะมีความสุขมีแต่คนรัก  ผมคงไม่สบายใจกับสิ่งที่เราเทิดทูนมาตลอดชีวิตของเรา และครอบครัวตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายก็สอนให้เรารักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่พระองค์ท่านกำลังถูกย่ำยีจากคนที่มีจิตใจที่เลวทรามจากคนเหล่านี้ ผมเลยอยู่ไม่ได้”
อดีตพระเอกชื่อดังอธิบายว่า ถึงแม้จะมีประชาชนที่รักและชื่นชม  แต่ขอประนาฌกลุ่มคนที่ให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ “เขาจะโกรธผมจะเกลียดผม ผมก็ไม่แคร์ เพราะรู้ว่าคนส่วนใหญ่เทิดทูนรักพระองค์ท่าน แต่ว่าคนส่วนน้อยๆ ไม่ต้องมารักไม่ต้องมาชื่นชมผม แต่คุณออกมาทำในลักษณะเช่นนี้ผมว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะคนไทยอีกกี่สิบล้านคนที่ต้องทนคนพวกนี้ที่มีความคิดอุบาทของมันมาเขียนว่าพระองค์ท่าน เอารูปมาตัดต่อผมดูแล้วมันเลวทรามมาก ทนไม่ได้เลยต้องออกมาเปิดตัวว่าแบบนี้ถึงจะเกลียดจะโกรธก็ไม่เป็นไร ถือว่าผมอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยความถูกต้องไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน  ฉะนั้นคุณจะด่าหรือคุณจะขับไล่ใครผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ที่ผ่านมาการเมืองจะร้อนขนาดไหนก็ไม่เคยไปยุ่งไม่เคยไปเวทีทั้งเหลืองทั้งแดง  ซึ่งสิ่งที่ทนไม่ได้คือ อย่ามาแตะต้องพระองค์ท่าน ขอไว้สถาบันพระมหากษัตริย์คุณอย่ามาแตะต้อง ผมทนไม่ได้ ยังไงทั้งชีวิตผมตายก็ยอม” ยืนยันที่ออกมาไม่ได้สร้างภาพเขาเลยเปรียบกรณีมีคนเคยบอกว่ามาทำงานให้กับร่วมกตัญญูเป็นสร้างภาพแต่ความจริงก็ปรากฎที่ได้ช่วยสังคมมาถึงวันนี้เป็นเวลา 25 ปีแล้ว
//ไม่เคยเนรคุณแผ่นดิน
ข้อความที่เขียนตอบโต้ในเฟชบุ๊คไม่มีใครมาข่มขู่ หรือเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ได้กลัวใครจะมาทำร้าย  “เรื่องขู่ไม่มีเลยมีแต่ด่า(หัวเราะ) มาว่าผมทำไมอกตัญญูต่อประชาชนที่เขารักคุณ ที่เขาชื่นชมคุณ ถามหน่อยผมอกตัญญูอะไร ผมทำงานในวงการบันเทิงมา 26 ปี ทำเพื่อใคร ผมก็ทำเพื่อประชาชน ประชาชนมีพระคุณทำให้เป็นบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ได้ทุกวันนี้ แต่อย่าลืมว่าที่ผมออกมาด่าก็ไม่ได้ว่าประชาชน แต่ว่าพวกสัตว์นรกทั้งหลายที่มันทำสิ่งไม่ดีต่อสถาบันฯ โดยส่วนรวมแล้วคนไทยเทิดทูนพระมหากษัตริย์แล้วคุณมาทำในแนวนี้อกตัญญูตรงไหน  แทนที่จะดีใจด้วยซ้ำไปว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กลับมาด่าผมทำไม(หน้าตาฉุนเฉียว) ประชาชนรู้อยู่แล้วว่าผมทำอะไร สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย วาตภัย ตึกถล่ม แก๊สระเบิด ไฟไหม้ผับ หรือสึนามิ ผมก็อยู่ในเหตุการณ์หมด ผมไม่ได้อยู่วันสองวันแต่ผมอยู่กับเขาเป็นอาทิตย์  บางที่ก็เป็นเดือนสองเดือน ผมทุ่มเทเสี่ยงตาย ถึงแม้ตัวจะตายก็ไม่เป็นไรถ้าได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผมอกตัญญูตรงไหน ผมไม่เคยไปขอเงิน หรือเรี่ยรายเงินใคร  มีแต่เอาเงินส่วนตัวจ่ายออกไปให้พี่น้องประชาชน ยิ่งช่วงน้ำท่วมผมก็ช่วยหมดเงินไปเป็นล้าน ถามว่าผมได้อะไร
“เขามาด่าผมเพราะไปขัดการทำงานของพวกเขาที่คิดไม่ดีต่อพระมหากษัตริย์ คนเหล่านี้เป็นคนกลุ่มน้อย ผมยืนยันเลยว่าไม่เคยว่าคนที่ทำพี่น้องเสื้อแดงเลย เพราะผมรู้ว่าคนเสื้อแดงก็รักในหลวง มีคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่คิดอย่างนั้น  คนกลุ่มนี้พยายามเอาพี่น้องเสื้อแดงทั้งหมดมารวมด้วย เพื่อว่าจะมีคนมากๆ มาช่วยกันถล่มผมเยอะๆ(ยิ้ม) เพื่อให้มาเกลียดผม แต่เขารู้ว่าไม่เคยว่าพี่น้องเสื้อแดงเลย ที่ผ่านมาเข้าไปช่วยพี่น้องเสื้อแดงในทุกพื้นที่ในหลายๆจังหวัด หลายๆอำเภอ มีตำบลมีธงแดงติดไว้หน้าบ้านผมก็เข้าไปในบ้านเขาก็เห็นติดภาพในหลวงพระราชินีกันหมด แต่มีบางกลุ่มมาบอกว่าพี่น้องเสื้อแดงทุกบ้านเอารูปพระองค์ลงหมด แล้วพูดแบบนี้ทำไม คนพวกนี้แหละที่ทำความแตกแยกให้กับประเทศไทย เอาสมองส่วนไหนคิดที่จะมาลบล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเลยบอกไปว่าใครล้มเจ้าเจอกู คำพูดของผมไม่แรง ผมเป็นคนไทย รวมถึงคนไทยอีกหลายๆคนที่รู้สึกแบบนี้  ผมลุกขึ้นมาต่อสู้ก็มีแนวร่วมเป็นจำนวนมาก เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครที่กล้าลุกขึ้นต่อสู้กับคนพวกนี้ ผมไม่กลัวแต่ขอให้คนพวกนี้ออกมาเลย เปิดตัวมาเลยผมสว่างอยู่แล้วไม่มีอะไรแอบแฝงไม่คิดที่เล่นการเมือง แต่ด้วยหัวใจบริสุทธิ์ของคนไทยคนหนึ่งที่เทิดทูนพระองค์ท่าน บ้านผมทุกคนรักพระองค์ท่าน หวงแหนพระองค์ท่านตลอด แม้แต่เพื่อนผมหลายๆคนเสื้อแดง หรือญาติผมหลายคนก็เสื้อแดง เขาก็รักพระองค์ท่าน เขาอึดอัดมากที่เอาเขาไปรวม เสื้อแดงเขาจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านมาก อย่างเพื่อนผมคุณตั้ว(ศรัญญู วงศ์กระจ่าง) คุณอ๊อฟ(พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เขาชัดเจนมากที่จะเดินไปเส้นทางการเมือง  สังเกตผมไหมว่าไม่เคยไปเวทีใครเลย เสื้อแดงจะมีการเผาอะไรตรงไหนก็ไม่เคยวิจารณ์อะไร  พอผมเข้าไปในโลกออนไลน์เห็นข้อความต่อว่าพระองค์ท่านผมทนไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมา จริงๆผมไม่ได้ว่าคนเสื้อแดงทำ แต่ผมว่าพวกสัตว์นรกที่มันทำ  ผมบริสุทธิ์ใจมากกับสิ่งที่ทำ ไม่เห็นด้วยพวกที่กำลังทำความชั่วอยู่ในเวลานี้ ขอให้ประชาชนตัดสินใจเองเถอะว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกต้องไหม ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆลุกขึ้นมาประกาศเป็นศัตรูกับคนเหล่านั้นไม่ใช่เลย ผมโผล่ขึ้นมาเพราะเป็นคนไทยคนหนึ่งที่รักในหลวงที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคนมาทำกับพระองค์ท่านแบบนี้ ผมไม่เคยประกาศว่าจะเป็นศัตรูกับคนเสื้อแดง เพราะเพื่อนผมญาติผมก็เป็นคนเสื้อแดง เพื่อนๆผมก็อยู่ในรัฐบาลนี้หลายคน ผมอยากบอกว่าผมเป็นกลางผมไม่มีสี แต่ผมมีสีในหลวงเท่านั้น คนกลุ่มนี้ทำไม่ดีผมเลยต้องด่า(หัวเราะ) คุณจะไล่ใครก็ได้แต่อย่ามาแตะพระองค์ท่านเท่านั้นพอ”
ทว่าวันนี้อดีตพระเอกชื่อดังได้ประกาศตัวที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จึงเรียกร้องให้ทุกคนที่รักในหลวงออกมาแสดงตัว “ผมว่าทุกคนต้องสามัคคีออกมาปกป้องพระองค์ท่านอย่าไปกลัวเมื่อเราบริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องเสื้อเหลือง พี่น้องเสื้อแดงที่รักในหลวงก็ให้ออกมา เพราะดวงใจเราคือในหลวง มาจับมือกันให้เห็นเลยว่าเสื้อแดงเสื้อเหลืองก็รักในหลวง แล้วหยุดเรื่องการเมืองอย่าเพิ่งไปคิดมัน ออกมาให้เต็มพื้นที่ประเทศไทยเลย  ให้พวกที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ได้รู้ไว้ว่าคนไทยรักหลวงมากแค่ไหน” เขาย้ำว่าอย่าไปเหมาว่าคนเสื้อแดงไม่รักในหลวงเหมือนกลุ่มคนที่กำลังคิดทำร้ายสถาบัน
//ยอมตายแทนในหลวง
มีหนังสือเล่มหนึ่งเคยถามคุณบิณฑ์ว่า มีสองคนให้เลือกหากยอมตายได้ คำตอบที่ทำให้หลายคนต่างชื่นชมในความคิดของเขา เพราะคนแรกที่เลือกคือ คุณแม่  และคนที่สองคือในหลวงที่เขายอมสละด้วยชีวิต “ผมกล้าพูดเลยว่าทุกวันนี้เป็นอะไรขึ้นมาผมยอมตายได้เพื่อในหลวง ตั้งแต่มีชีวิตมาผมเห็นคุณพ่อรับราชการไปรษณีย์จนมาเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ 45 ปี คุณพ่อไม่เคยลางาน บนโต้ะทำงานของคุณพ่อจะมีภาพในหลวง แล้วด้านหลังจะมีภาพในหลวงกับสมเด็จพระราชินีรูปใหญ่ๆ  เป็นสิ่งที่ไม่ต้องบอกใคร  หลายๆคนทำงานเพื่อในหลวงจริงๆ  เพราะพระองค์ทรงงานหนักมาเหนื่อยแสนเหนื่อย  วันนี้พระองค์ท่านป่วยแต่ท่านก็ยังทรงงานอยู่ ผมคิดว่าในโลกนี้นอกจากคุณพ่อคุณแม่ก็ยังมีในหลวงที่ผมศรัทธาได้ขนาดนี้ทุกครั้งที่ออกไปทำงานผมจะระลึกนึกถึงพระองค์ท่านตลอด บางครั้งทำงานเหนื่อยมากๆ ก็นึกถึงพระองค์ท่านทำงานหนักกว่าเราอีก เราต้องสู้ทำให้ได้ ผมจะทำงานเพื่อสังคมต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไหม้ ผมเดินตามถนน เดินบนตลาดเห็นภาพพระองค์ท่านจากหนังสือพิมพ์ตกอยู่ที่พื้นมีคนเดินผ่านไปมาแล้วเหยียบผมก็จะหยิบขึ้นมาแล้วก็ยกมือไหว้ก่อนนำไปไว้ที่สูงกว่า(มาถึงช่วงนี้คุณบิณฑ์น้ำเสียงสั่นเครือถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่) บางครั้งเห็นเหรียญสลึงไม่มีใครสนใจ ผมรู้ว่าคนที่เห็นอาจมองเหรียญนั้นไม่มีค่า แต่มันมีค่าสำหรับผมมาก พระองค์ท่านอยู่ในเหรียญๆนั้น ผมจะหยิบเหรียญนั้นมาไว้ที่สูงกว่าพื้น ไม่รู้ใครจะว่ายังไงแต่ผมยอมไม่ได้ที่ใครจะมาทำร้ายพระองค์ท่าน ครอบครัวผมก็รักในหลวงทุกคน ถ้ามันจะตายผมก็ภูมิใจที่ได้ตายแทนพระองค์ท่าน ผมรักท่านมาก(มาถึงประโยคนี้น้ำเสียงยิ่งสั่นเครืออีกครั้ง) ผมคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่ผมจะทำให้ดีที่สุด จะต่อต้านคนที่มันทำร้ายพระองค์ท่านตลอดชีวิตผม คนเราเกิดมามันตายทุกคน แต่ตายยังไงให้มีเกียรติให้มันสมศักดิ์ศรีที่เกิดมาเป็นคนไทย ทุกคนรักในหลวงแล้วผมก็คนหนึ่งที่รักในหลวง” ระหว่างนั้นคุณบิณฑ์ได้นำหนังสือภาพของในหลวงที่ซื้อเก็บเอาไว้ออกมาเปิดโชว์ให้ดู
///เห็นด้วยแก้มาตรา 112 ?...
ภายหลังจากคณะนิติราษฎร์เข้าร่วมงานเปิดตัว คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แล้วยังเสนอให้พระมหากษัตริย์สาบานตนว่าจะพิทักษ์รัฐธรรมนูญก่อนเข้ารับตำแหน่ง  พร้อมยกเครื่องประเทศด้วยการปฏิรูปสถาบันหลักของชาติครั้งใหญ่ ทั้งกองทัพ ศาล และองค์กรอิสระ โดยกองทัพต้องอยู่ภายใต้อำนาจและคำสั่งของฝ่ายการเมือง ประธานศาลฏีกาและเหล่าตุลาการทั้งหลายต้องอยู่ภายใต้คณะรัฐมนตรีแทนที่จะเป็นพระมหากษัตริย์ และให้ยกเลิกองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหลาย จนถูกคนไทยออกมาต่อต้านอย่างหนักอยู่ในเวลานี้
“ถ้าคุณคิดว่าประเทศชาติต้องมี ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาตรา 112 คุณไม่ต้องไปยุ่งเลย ถ้าคุณไม่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์  แต่จริงๆ ผมอยากให้แก้มาตรา 112  ไปแก้จากที่ระบุว่าจำคุก 5 ปี แก้เป็นประหารชีวิตไปเลย(น้ำเสียงซีเรียส) จะได้ไม่ต้องไปต่อต้านพระองค์ท่าน เราเคยอยู่กันมาเป็นสองร้อยสามร้อยปีได้ไม่เห็นต้องมายุ่งเกี่ยวอะไรกับตรงนี้เลย ตั้งแต่ปี 2475 ที่เรามีรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยก็ไม่เห็นต้องมีใครมาทำอะไรเลย ผมว่าคราวนี้มันต้องมีนัยยะอะไรบางอย่างที่ต้องมาจัดการเกี่ยวกับพระองค์ท่าน แต่ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจจริงๆคุณไม่ต้องไปยุ่งมาตรา 112  ไปแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนหลังจากน้ำท่วมที่ผ่านมาก่อนดีไหม ไปดูสภาพจิตใจหลังจากน้ำลดแล้วเขาเป็นยังไงไปช่วยก่อนไม่ดีกว่าหรือรัฐบาล(ทำเสียงเข้ม) กับแค่เงินชดเชย 5,000 บาทมันพอยาใส้อะไร ยังมองไม่ออกเลยว่าถ้าประเทศชาติไม่มีในหลวงประเทศชาติเราจะเป็นยังไง วันนี้เราต้องสามัคคีกันอย่าทำให้พระองค์ท่านหนักใจอีกเลย ผมออกมาตรงนี้เพราะเป็นประชาชนของพระมหากษัตริย์ ผมช่วยทุกคนทุกสีแล้วขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าผมจะเป็นศัตรูกับคนที่คิดล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ยอมไม่ได้ ใครที่คิดว่าผมเข้ามาขัดขวางในการล้มล้างสถาบันฯอย่าหน้าตัวเมียออกมาสู้ซึ่งๆหน้า ผมอยู่ที่สว่างแล้วยังไงออกมาเลยผมรออยู่” แม้ออกมาแสดงตัวปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เขายังมีแม่ให้การสนับสนุนอีกแรง
//ถูกแบนหนัง “ปัญญา...เรณู”
ภายหลังที่คุณบิณฑ์ ได้เขียนข้อความโต้ตอบกับกลุ่มคนที่ให้ร้ายในหลวงในเฟซบุ๊ค  จนถูกกระแสต่อต้านภาพยนตร์เรื่อง"ปัญญา…เรณู ภาค2" ที่เขาเป็นผู้กำกับการแสดง โดยมีการกล่าวหาว่าเป็นการนำเสนอเรื่องราวที่ดูถูกชาวอีสาน
"เรื่องหนังของผม..ผมทำหนังมาเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย..ใครจะดูหรือไม่ดูก็เรื่องของพวกเค้า..หนังจะไม่ได้เงินหรือได้เงินมันก็เรื่องของผม  เพราะมันเป็นเงินของผม พวกเขาพยายามทำให้หนังผมเจ๊ง แต่รู้ไหมว่าภาคอีสานที่มีการฉายหนังปัญญาเรณูต้องเอากระสอบมาใส่เงินเลย เพราะปกติถ่ายวันละ 6 รอบ 7 รอบ ก็เพิ่มเป็น 12 รอบ บางวันมีถึง 15 รอบ คุณอย่ามามองว่าคนอีสานเขาไม่มีความคิด พี่น้องชาวอีสานฉลาดรู้ทันทุกสิ่งทุกอย่าง การไปพูดหลอกลวงเขาพวกเขาก็ไม่เชื่อหรอก
"จะแบนหนังของผมมันก็ทำอะไรผมไม่ได้ มันบอกว่าหนังห่วยๆไปดูทำไม แต่คนที่บอกว่าหนังของผมห่วยๆ เขาก็เคยชมหนังปัญญาเรณูภาคแรกดี แต่พอผมมาสกัดกั้นในการลบล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ก็มาว่าหนังผมห่วยอีก เนี่ยไงมันสัตว์มนุษย์ พวกคุณจะไม่ดูหนังผมก็ไม่เป็นไร ก็ไม่ได้อยากให้พวกคุณดูอยู่แล้ว หนังก็ไม่คู่ควรกับพวกเขาอยู่แล้ว แต่ทำให้คนดีๆ ที่ศรัทธาในตัวผม เขารู้ว่าผมไม่เคยทำอะไรต่ำช้าให้กับสังคมมาด่ามาผม จึงไม่มีอะไรให้พวกเขามาขุดคุ้ย  แต่แปลกยิ่งว่าหนังของผมก็ยิ่งมีคนมาเยอะ(หัวเราะ) การแบนหนังผมตรงนี้จึงไม่มีผลอะไรกับตัวผม”  แม้มีกระแสต้านการชมภาพยนตร์ปัญญา...เรณู ภาค 2 ก็ไม่ได้ทำให้พระเอกคนนี้ย่อท้อที่มีความมุ่งมั่นเตรียมสร้างภาค 3 และ 4 ต่อไป และไม่ลืมที่จะตอบแทนแผ่นดิน ยืนยันจะเป็นประชาชนของพระมหากษัตริย์คนหนึ่งที่คอยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จนกว่าชีวาวาย...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น