สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ปัญหาโลกออนไลน์…คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เทคโนโลยี่ขั้นสูง อย่าใช้ด้วยภูมิปัญญาขั้นต่ำ




นิตยสาร WhO?


เร่ือง : ว.วชิรเมธี   ภาพ :  กองบรรณาธิการ


ปัญหาโลกออนไลน์…คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช
เทคโนโลยี่ขั้นสูง อย่าใช้ด้วยภูมิปัญญาขั้นต่ำ

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถือเป็นหญิงแกร่ง มีผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีีมากมาย อาทิ กรรมการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, กรรมการสิ่งแวดล้อมเหมืองแร่ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงาน, ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นเลขาธิการมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์, ประธานชมรมป้องกันควันพิษ
อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค จนวันนี้รู้สึกไม่สบายที่ได้เห็นเว็บไซต์มีการแสดงความเห็นหมิ่นเบื้องสูงกันมาก จึงมีคำถาม(ปุจฉา) ถึง พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี)ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ว่า  “เราจะเห็นในโลกออนไลน์มีข้อความหมิ่นเบื้องสูงเห็นแล้วไม่สบายใจมากๆค่ะ  ไม่ทราบเราจะมีแนวทางให้คนไทยส่วนใหญ่เกิดความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประเทศชาติได้อย่างไร”
พระมหาวุฒิชัย วิสัชนา
ข้อดีของโลกออนไลน์ก็คือ มันทำให้เราติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น ทำงาน หรือ ค้นคว้าหาความรู้กันง่ายขึ้น แต่ข้อเสียก็คือ มันทำให้ข้อคิดความเห็น ต่างๆ ถูกนำเสนอกันอย่างง่ายดายเหมือนกัน การกลั่นกรองเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และเมื่อข้อความบางอย่างถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว ก็จะเข้าสู่โลกไร้พรมแดน คือ คนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นได้ในระดับโลกทันที
การแสดงความคิดเห็นนั้น เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานในระบอบประชา- ธิปไตย แต่การแสดงความคิดเห็นที่ดีนั้นต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบด้วย เสมอไป ทุกวันนี้มีการแสดงความคิดเห็นมากมายในโลกออนไลน์ แต่หลายข้อคิด ความเห็น เป็นการกระทำอย่างมักง่าย ขาดทั้งความรู้ ขาดทั้งความรับผิดชอบ นึกจะเขียนอะไรก็เขียน นึกจะวิจารณ์อะไรก็วิจารณ์ นึกจะพูดพาดพิงใครอย่างไร ก็ทำตามใจฉัน โดยไม่สนใจศึกษาหาข้อมูลความรู้ให้ถ่องแท้ เสรีภาพที่ใช้ก็เลย กลายเป็นเสรีภาพที่ฟุ่มเฟือย ไม่มีคุณภาพอยู่ในเสรีภาพ
นอกจากการแสดงความคิดเห็นจะเป็นสิ่งที่ทำกันอย่างมักง่ายในโลกออนไลน์แล้ว ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ การส่งต่อความคิดเห็นเหล่านั้นก็กระทำกัน อย่างมักง่ายและขาดวิจารณญาณด้วยเช่นกัน มีข้อคิดความเห็นมากมาย ซึ่งมี ฐานะเป็นเพียง “เสียงลือเสียงเล่าอ้าง” หรือเป็นเพียง “ขยะข้อมูลปฏิกูลข่าวสาร” ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างมากมายไปด้วยอคติ แต่ถึงกระนั้น คนจำนวนไม่น้อยก็ พร้อมที่จะส่งต่อขยะข้อมูลปฏิกูลข่าวสารเหล่านั้นอย่างง่ายดายโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะตามมา
น่าเสียดายที่เทคโนโลยี่ขั้นสูง ถูกใช้ด้วยภูมิปัญญาขั้นต่ำ
แทนที่เราจะใช้เทคโนโลยี่ขั้นสูงเพื่อแสวงความรู้ สร้างสรรค์ปัญญา พัฒนาตัวเอง พัฒนาสังคม ยกระดับจิตวิญญาณ  แต่ในเมืองไทย บางทีเราใช้เทคโนโลยี่เหล่านี้ในระดับสัญชาตญาณ คือ ใช้เป็นแหล่งเผยแพร่ข่าวลือ นินทาชาวบ้าน ดูคลิปอนาจาร สาดโคลนคู่อริ ใส่สีตีไข่คนที่เราไม่ชอบหน้า ไม่ชอบวิธีที่เขาคิด/วิธีที่เขาเป็น แค่รู้สึก “หมั่นไส้” ใครสักคน เราก็ใช้เทคโนโลยี่ ขั้นสูงทำร้ายเขาอย่างมักง่ายโดยไม่เคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนของเขา
  น่าเสียดายที่แม้เทคโนโลยี่จะพัฒนามาไกลมากแล้ว แต่ปัญญาของเรา กลับไปไม่ได้ไกลอย่างที่ควรจะเป็น
ส่วนบุคคลที่ชอบเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในทาง “หมิ่นเบื้องสูง” นั้น คงต้องขอให้ทางรัฐบาล ตำรวจ ทหาร และผู้เป็นเจ้าของช่องทางสื่อสารผ่าน โลกออนไลน์ช่วยกันสอดส่องดูแลกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นผู้ที่จงรักภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ควรต้อง “ตื่นตัว” และ “ต่ืนรู้” ให้เท่าทันขบวนการหมิ่นเบื้องสูงด้วย ไม่ใช่ดีแต่บ่นแล้วก็บ่นโดยไม่หาทางแก้ที่เป็น รูปธรรม อยากจะกล่าวย้ำไว้ตรงนี้ว่า การบ่นจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่การ มองเห็นปัญหาแล้วลุกขึ้นมาช่วยกันทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น จึงจะแก้ ปัญหาได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น