สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อุ้ม-สิริยากร พุกกะเวส "ฉันจะเป็นชาวนา" เพี้ยน บ้า หรือ สร้างภาพ ?!?




นิตยสาร WhO?

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์, พิชาญ สุจริตสาธิต

แต่งหน้า : ภัทชา อินสุวรรโณ สถานที่ : โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ

อุ้ม-สิริยากร พุกกะเวส

"ฉันจะเป็นชาวนา" เพี้ยน บ้า หรือ สร้างภาพ ?!?


เมื่อดาราสาวประกาศตัว “ฉันอยากเป็นชาวนา” เสียงวิพากษ์จึงมีเข้ามาหลายกระแส ทั้งกล้า บ้า เพี้ยน สร้างภาพ อุ้ม-สิริยากร ขอชี้แจงทุกข้อสงสัย


ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 10 ปีก่อน อุ้ม-สิริยากร พุกกะเวส เป็นนางเอกมากฝีมือ ที่ฝากผลงานไว้มากมายหลายบทบาท ทว่าเวลาเปลี่ยน ความคิดความอ่านก็เปลี่ยนตาม ทั้งที่ผลงานและชื่อเสียงยังหอมหวาน อุ้มกระโดดออกจากแวดวงมายา บ่ายหน้าสู่วงการน้ำหมึก จากนักเขียน คอลัมน์นิสต์ ไล่ไปจนถึงการเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ "บ้านอุ้ม" และสำนักพิมพ์ OOM ผลิตนิตยสารและหนังสือตามแนวถนัด กระทั่งไม่นานมานี้เธอค้นพบความต้องการที่แท้จริงของตัวเองว่า อยากเป็นชาวนา หลายคนจึงนึกกังขา นี่เธอบ้า เพี้ยน หรือสร้างภาพ ?!?


/// ฉันอยากเป็นชาวนา

ด้วยคำถามในใจที่ว่า ทำไมคนเราต้องพึ่งพาคนอื่น ทำไมต้องใช้เงินจับจ่ายซื้อปัจจัยในการดำรงชีวิตทุกอย่าง และทำให้มนุษย์ห่างไกลธรรมชาติออกไปทุกที หากหันมาอาศัยศักยภาพของตัวเอง ทำนาปลูกข้าวกินเองจะเป็นอย่างไร… รายการ “ฉันจะเป็นชาวนา” เรียลลิตี้ชีวิตเกษตรกรมือใหม่ ที่มีอุ้ม-สิริยากร เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวและลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน จึงถือกำเนิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2553 และเริ่มออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเมื่อเดือนเมษายน 2554 เพื่อตอบคำถามและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมที่มีแนวคิดเช่นเดียวกับเธอ โดยมี เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เป็นที่ปรึกษา ท่ามกลางหลายเสียงที่นึกสงสัยว่า…เธอกำลังจะทำอะไรกันแน่

สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ในเมืองเป็นเรื่องสมมติทั้งนั้น เงินก็เป็นเรื่องสมมุติ กระดาษไม่มีค่าในตัวเอง เป็นสิ่งสมมติของมูลค่า ไม่ว่าจะเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ ทองคำ อะไรก็ตาม บางคนอาจมองว่าอุ้มคิดมากเกินไปหรือเปล่า บ้าหรือเปล่า ทำไมต้องสงสัย ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น แต่อุ้มชอบที่จะตั้งคำถามแล้วหาคำตอบ แล้วยิ่งพอไปทำเองก็ยิ่งได้คำตอบมากมายมหาศาล ได้คำตอบทุกวัน ทุกขั้นตอน มีเรื่องปลีกย่อยที่เราไม่เคยรู้มากมาย”

อดีตนางเอกดังวัย 37 ปี อรรถาธิบาย พร้อมบอกว่า แม้หลายคนจะไม่เข้าใจ แต่สำหรับคนในครอบครัวแล้ว ทุกคนสนับสนุน อาจเป็นเพราะเคยชินกับนิสัยของลูกสาวคนเล็ก ที่มักเปลี่ยนแปลงตัวเองและชอบทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ “ตอนที่บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าจะไปทำนา ดูท่านทั้งสองไม่ค่อยแปลกใจเลย” เธอว่าพลางหัวเราะ

หลังตัดสินใจทำรายการ อุ้มก็เริ่มต้นอาชีพเกษตรกรด้วยการลงทุนซื้อที่ดินไร่ครึ่งใน จ.สุพรรณบุรี หวังจะให้เป็นที่ตั้งของผืนนาและบ้านดินหลังเล็กพออยู่อาศัย “อุ้มคิดว่าที่ตรงนี้ไม่ได้ใช้ทำเรียลลิตี้อย่างเดียว แต่อุ้มจะเป็นชาวนาจริงๆ ถึงรายการจบ อุ้มก็ยังปลูกข้าวและพยายามที่จะพึ่งตนเองในแง่อื่นๆ ต่อไป เลยซื้อที่ดินเอาไว้ไร่ครึ่ง ราคาก็ไม่แพงมาก แล้วเริ่มต้นลงมือเรียนรู้เพื่อพึ่งตนเองให้ได้ มีข้าว มีอาหารกินเอง มีบ้านอยู่ โจทย์ของอุ้มคือทำพอกินในครอบครัว เพราะว่าข้าวหนึ่งไร่สามารถเลี้ยงคนได้ 3-4 คนเลย” สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเอ่ยถึงที่ดินผืนใหม่ และความฝันเล็กๆ ที่จะมีข้าวกินตลอดปี

หากถามว่าชีวิตชาวนามีความสุขไหม คำตอบที่ได้คงเป็น “มีความสุข” เพราะระหว่างที่เล่าถึงผืนนาที่ลงมือทำเอง ใบหน้าของอุ้มเจือด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมอยู่ตลอดเวลา

วันที่ได้ดำนา ได้ย่ำลงไปในแปลงนาของตัวเอง ถือเป็นวันที่ตั้งตารอคอย และเมื่อเริ่มต้นปลูกข้าวด้วยการดำต้นแรกลงไป แล้วทำจนเต็มแปลง เป็นวันที่รู้สึกว่าได้เป็นชาวนา… หลังจากนั้นหลายเดือน เมื่อข้าวแตกกอเต็มท้องนา ตอนกลางคืนไม่มีไฟฟ้า มืดมาก เลยได้เห็นทุ่งนากลายเป็นเหมือนท้องฟ้า เพราะว่ามีหิ่งห้อยเต็มไปหมด ทุกคนที่ได้ไปยืนมองน้ำตาแทบจะไหลออกมา สวยมาก เพราะนาสมบูรณ์ ไม่มีสารเคมี หิ่งห้อยเหล่านั้นคงรู้ว่าปลอดภัย มันเป็นความสุขง่ายๆ ที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้เจอมาก่อนนะ

คนที่อยู่ในกระแสหลักที่ทำงานดีๆ เป็นผู้บริหาร ได้เงินเดือนเยอะๆ แต่อยู่ดีๆ จะให้เปลี่ยนชีวิตมาอยู่ตรงนี้มันไม่ง่าย เพราะเราไม่มีความรู้เลย แถมยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจ แต่ถ้าตั้งใจ อดทน สิ่งที่ได้กลับมามันชื่นใจบอกไม่ถูกเลยนะคะ ที่สำคัญคือเราทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีคนช่วย ซึ่งที่สำคัญคือเพื่อนบ้านและชุมชนรอบๆ เราต้องเข้าหาไปทำความรู้จักเค้า ตอนนี้ถ้าไปบอกรถไถ ให้ไปปั่นนาให้หน่อย เขาถามว่าที่ไหน บอกไปว่าบ้านดิน คนแถวนั้นเขารู้จักกันหมดแล้ว… (ยิ้ม)” อุ้มเล่าถึงชีวิตชาวนาในแบบของเธอ ที่แม้จะเป็นมือใหม่ระดับอนุบาล แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเมื่อได้เห็นต้นข้าวเขียวขจีบนที่นาของตัวเอง

///บ้า เพี้ยน สร้างภาพ?!?

เมื่อรายการ “ฉันจะเป็นชาวนา” ออกอากาศให้คนทั่วประเทศได้ชม เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็แตกออกเป็นหลายกระแส ทั้งชื่นชมที่เห็นดาราอย่างเธอสนใจการทำนา รวมถึงวิจารณ์ว่าเป็นการทำนาแบบคนรวย ตลอดจนคำถามที่มีเข้ามาหนาหูว่า หรือเธอจะบ้า…เพี้ยน…สร้างภาพ?

ถามว่าอุ้มสร้างภาพอะไร เห็นหน้าอุ้มไหมเนี่ย มีทั้งฝ้า กระ ขึ้นเต็มไปหมด ตัวก็ดำเป็นเหนี่ยง ถ้าไม่ได้ตั้งใจทำจริงจะต้องเหนื่อยขนาดนี้ไปเพื่ออะไร อุ้มคิดว่าการที่พูดอย่างนั้น มันสะท้อนจิตใจของคนพูด แสดงว่าเขาเห็นอะไรเป็นเรื่องหลอกลวงไปหมด เวลาที่มีใครทำอะไรจริงๆ เขาก็ไม่เชื่อ ป่วยการที่จะไปนั่งอธิบายให้เชื่อ ให้การกระทำแทนคำพูดดีกว่า เราทำไปดีกว่าจะมาตอบคำถามเหล่านี้ ไม่มีประโยชน์ ถ้าใจเขาปิดมากๆ ก็เหมือนไม่รับสิ่งที่ดีงามเลย เราพูดไปมันก็เข้าไม่ถึงใจเขา

รายการที่อุ้มทำเสนอประโยชน์สาระ ปัญหาอุปสรรคที่เจอเป็นประสบการณ์ตรง นี่คือสิ่งที่อุ้มประสบด้วยตัวเองจึงกล้าพูด และบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเราต้องการเสนอชีวิตของผู้หญิงคนนี้ ด้วยโจทย์นี้ คือโจทย์ของคนเมืองที่อยากจะเรียนรู้ ถ้าคุณรู้สึกว่าพื้นฐานใกล้เคียงและมีความสนใจร่วมก็เรียนรู้ไปด้วยกัน อุ้มอยากบอกว่าประเทศนี้ทะเลาะกันเองมาเยอะแล้ว ต่างฝ่ายต่างไม่ฟังกัน ลองเปิดใจกว้างๆ ดูสิ่งที่เขาทำ ความปรารถนาดีที่เขาจะมอบให้ แล้วคุณจะเห็นและรู้สึก แต่ถ้าดูด้วยความอคติ อะไรมันก็ไม่ดีทั้งนั้น ไม่ใช่รายการอุ้มอย่างเดียวหรอก” คำตอบพรั่งพรูออกมาจากปากของเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง

ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าบ้านั้น เธอว่า “ถ้าความบ้าทำให้เรามีกิน และมีชีวิตที่ดีงาม มีความสุข มาบ้ากันเยอะๆ เถอะ ที่ผ่านมาก็มีคนพูดใส่หน้าว่าบ้าหรือเปล่า ก็มาทบทวนดูว่าทำไม เขาถึงคิดว่าเราบ้า อุ้มคิดว่าสิ่งที่คนในเมืองทำต่างหากที่บ้ากว่า ถ้าความบ้าคือการขาดสติ อุ้มคิดว่าคนที่ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้ทำอะไรอยู่ และทำไปเพื่ออะไร เป็นสิ่งที่บ้ากว่าอีก

พูดกันไปเถอะค่ะ ไม่เป็นไร โลกนี้อยู่ที่เลือก คือเราเลือกเห็นโลกยังไง โลกของเราก็เป็นอย่างนั้น ถ้าอุ้มมัวไปฟังคำวิจารณ์ในแง่ลบที่มีน้ำหนักบ้างไม่มีน้ำหนักบ้าง โลกก็เป็นลบ แต่ว่าอุ้มเลือกฟังในสิ่งที่ควรฟัง บางครั้งฟังแล้วมีคนมาบอกว่าได้แรงบันดาลใจจากสิ่งที่เราทำ เมื่อเขาเห็นทาง มันก็เป็นกุศล ใจเราก็เป็นกุศล บางครั้งคำวิจารณ์ทางลบก็แค่สะท้อนใจของคนพูดเท่านั้นเอง เราอย่าไปรับสิ่งเหล่านั้นเข้ามาทำให้ใจเราขุ่นมัวไปด้วยเลย” เคลียร์ข้อสงสัยแฝงแง่คิดเชิงธรรมะ ซึ่งเธอสนใจปฏิบัติธรรมมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

///ติสต์แตก วีนนักข่าว

ก่อนหน้าที่จะมาทำรายการฉันจะเป็นชาวนา อุ้มนับเป็นดาราสาวที่อยู่ในความสนใจของนักข่าวไม่น้อย ด้วยเพราะถูกมองว่าเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ดังนั้นทุกความเคลื่อนไหวของเธอจึงถูกจับจ้อง โดยเฉพาะเรื่องความรัก ล่าสุดเมื่อครั้งที่เธอร่วมทำโครงการ น้ำจิต น้ำใจ ผลิตน้ำดื่มหาทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรมให้กับวัดแห่งหนึ่ง ก็เกิดกรณี “วี๊ด” นักข่าว ซึ่งว่ากันว่าที่มาที่ไปคือการถูกตามถ่ายภาพเธอกับแฟนหนุ่มต่างชาติ

เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้อุ้มเห็นว่าไม่มีความยุติธรรม อุ้มไม่ได้ขึ้นเสียงกับใครเลยนะ นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ช่างภาพตามถ่ายรูป อุ้มก็เดินเข้าไปหาเขา แล้วบอกด้วยเสียงนี้ (เสียงเรียบๆ) ว่าพอเถอะ อย่าถ่ายเลย นี่เป็นงานกุศล แต่สิ่งนี้มันเป็นอกุศล ทำไปใจก็ไม่สบาย พูดแค่นี้ แล้วก็ขอร้องเขาดีๆ เพราะไม่อยากให้ถ่ายก็เท่านี้ วันรุ่งขึ้นมีข่าวว่าอุ้มวี๊ดนักข่าว เหมือนกับอุ้มร้ายกาจมาก ใช้คำพูดรุนแรงด่าทออุ้มในหลายสื่อ จนเรารู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราพูดดีๆ แต่มีข่าวออกไปแบบนั้น เหมือนกับมีความโกรธอยู่ในพวกเขาเยอะมาก เราไปแตะนิดเดียวแล้วระเบิดออกมา เห็นข่าวนั้นแล้วทั้งโกรธทั้งเสียใจ เพราะอุตส่าห์ตั้งใจที่จะทำโครงการนี้เพื่อหารายได้ให้วัด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนอุ้มทำอกุศลครั้งใหญ่” ไล่เรียงฉาก อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ถามว่าโกรธไหม อุ้มยอมรับว่าโกรธ เพราะเธอก็เป็นคนปกติธรรมดา ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนอื่นๆ “ได้แต่นั่งคุยกับพระอาจารย์ว่าเกิดอะไรขึ้น พระอาจารย์ก็สอนว่าไม่เป็นไรคุณโยม โกรธได้ เสียใจได้ เพราะเราก็เป็นเพียงผู้ปฏิบัติ ยังมีกิเลส และความหวั่นไหวเมื่อมีสิ่งกระทบที่รุนแรง ให้เฝ้าดูและฝึกฝนความเป็นอุเบกขา ถือเสียว่าเป็นบททดสอบของเรา ตอนนั้นได้แต่อดทนและไม่ได้แก้ออกมาแก้ข่าว มีเพื่อนๆ โทรมาให้กำลังใจ แต่ก็มีคนที่ไม่รู้จักอ่านข่าวแล้วเชื่อว่าอุ้มวี๊ดจริงๆ เพราะที่ผ่านมาก็เรียกว่าติสต์แตกบ้างอะไรบ้าง มีการตั้งฉายาให้ต่างๆ กันไป ถึงจะใช้ธรรมะ แต่อุ้มก็เป็นคนเหมือนกันนะ บอกตรงๆ ว่าช่วงนั้นเหนื่อย คิดว่าอธิบายไปก็เท่านั้น คนใกล้ตัวจะรู้ว่าเราเป็นยังไง อุ้มเนี่ยนะจะไปกรี๊ดใส่คน (หัวเราะ) ไม่ใช่นิสัยของอุ้ม ขนาดกับลูกน้องยังไม่เคยตวาดหรือใช้คำพูดรุนแรงเลย”

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอก็เก็บตัว ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ เพื่อเลี่ยงปัญหาเดิมๆ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก

///ทิ้งวงการ เข้าหาพระธรรม

แม้จะมีข่าวคราวให้ได้ติดตามกันอยู่ตลอด แต่หลายปีที่ผ่านมา อุ้ม-สิริยากร ห่างหายจากวงการบันเทิงชนิดที่เรียกว่าไม่มีงานแสดงให้เห็นอีกเลย จนแฟนละครและภาพยนตร์ อดบ่นคิดถึงไม่ได้ เมื่อถามว่าจะกลับมาโชว์ฝีมือการแสดงอีกเมื่อไหร่ สาวอุ้มบอกว่า “บอกไม่ได้เลย อุ้มว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต คืออุ้มคิดว่าที่ทำได้ทุกวันนี้มาจากสิ่งที่เคยทำไว้ในอดีต เล่นละครเป็นที่รู้จัก เลยเป็นฐานทำให้สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้มีคนฟัง เช่นเห็นดารามาทำนาก็ดูจะน่าสนใจกว่าถ้าอุ้มเป็นใครก็ไม่รู้ ตรงนั้นเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ดี แต่ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง อุ้มคิดว่าปล่อยให้มันเป็นตามธรรมชาติดีกว่า”

สำหรับแฟนๆ ที่หวังจะได้เห็นอุ้มในบทบาทต่างๆ อีกครั้ง คงต้องตั้งตารอกันต่อไป เพราะตอนนี้เธอบอกว่ามีความสุขมากกับชีวิตชาวนา ทำสำนักพิมพ์ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรม ที่เธอมุ่งมั่นจริงมาได้ 3-4 ปีแล้ว

ทุกวันนี้อุ้มมีความสุขมาก โลกเรานี้เหมือนเป็นคลื่นความถี่ มีช่องสัญญาณให้เลือกเยอะ แล้วแต่ว่าเราจะจูนไปเจอคลื่นไหน ในอินเทอร์เน็ตมีแต่เรื่องว่าร้ายกัน จะจูนไปฟังบ่อยๆ ทำไมให้ใจมันเป็นอกุศล คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน คุณจะด่าคนที่ปลูกข้าว หรือคุณจะปลูกข้าว แล้วมีข้าวกิน อุ้มว่าถ้าเราเอาเวลาไปคิด ทำ พูดในสิ่งที่ดี โลกก็จะดี ทำกันเยอะๆ พูดให้น้อยๆ พระท่านบอกให้กินน้อย พูดน้อย ทำความเพียรให้มากชีวิตก็จะดี” ฝากมุมมองที่ได้จากการปฏิบัติธรรม ซึ่งเธอนำมาใช้อยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้ใจพร้อมที่จะรับมือกับอุปสรรคนานา

แม้สารพันปัญหาจะเข้ามารบกวนจิตใจไม่ได้ว่างเว้น แต่ข้อคิดเชิงธรรมะก็ทำให้อุ้มรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามากระทบได้อย่างง่ายดาย โดยมีการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น