เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง
ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์
แต่งหน้า : บัณฑิต บุญมี
เปิดบ้าน “พญาชาละวันแห่งเมืองพิจิตร”
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
ปรองดองสำเร็จ...เตรียมเป็นเกษตรกร!!
เปิดบ้านย่านสนามบินน้ำ พร้อมเปิดใจ “เสธ.หนั่น” ผู้นำสร้างความปรองดอง
- หลังพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นอร์เวย์ แผน...จะลงเอยอย่างไร
- บั้นปลายชีวิตหลังวางมือทางการเมือง “เกษตรกรพันล้าน” เจ้าของตลาดสด ไร่องุ่น และฟาร์มนกกระจอกเทศ
หลังกลับจากนอร์เวย์เพียงไม่กี่วัน เจ้าของฉายา “พญาชาละวันแห่งเมืองพิจิตร” ที่สื่อมวลชนขนานนาม ยินดีเปิดบ้านและเปิดใจให้ WhO? ค้นหาทุกคำตอบ ณ บ้านพักย่านสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี
บ้านที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ เขียวครึ้มด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ อาทิ หมาก มะพร้าว มะม่วง ราวกับสวนสาธารณะขนาดย่อม นกนานาชนิดร้องประสานเสียงต้อนรับสลับกันเป็นจังหวะ ไม่นานนักเจ้าของบ้าน “ขจรประศาสน์” พร้อมด้วยภรรยา คุณน้อย-ฉวีวรรณ ก็ตรงมาทักทายทีมงานก่อนจะเริ่มต้นบทสนทนาด้วยสีหน้าผ่อนคลายภายในบ้านหลังใหญ่
/// บ้านนี้ธรรมดา...ไม่มีสไตล์
เสธ.หนั่นในวัย 75 ปี สุขภาพยังคงแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัว ที่สำคัญบุคลิกแบบสุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับนายทหารหุ่นสมาร์ตยังฉายชัด “สุขภาพก็ไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ไม่เครียดกับการทำงาน โดยเฉพาะได้จิบไวน์ทุกวันก็ทำให้สุขภาพดีได้ แต่ไม่ใช่จิบจนเมา แบบนั้นไม่ดี มันจะไปทำลายสุขภาพ (หัวเราะ) เมื่อก่อนผมสูบบุหรี่หนักมาก ทำให้ในคอมีเสมหะอยู่เยอะ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะเลิกสูบบุหรี่มาตั้งแต่ปี 2526 เหล้าก็หยุดกินปีเดียวกัน” กล่าวถึงสุขภาพที่แข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกัน
จากนั้นเจ้าของบ้านจึงชวนคุยถึงที่มาของบ้านหลังนี้ว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยเป็นทหารยศร้อยโท จวบจนวันนี้อายุของบ้าน “ขจรประศาสน์” กว่า 40 ปีแล้ว
“ที่มาซื้อที่ดินแถวนี้เพราะราคาถูกดี เลยซื้อไว้ประมาณ 6 ไร่เศษ สมัยนั้นไม่มีปัญญาจะไปซื้อในกรุงเทพฯ ตอนที่ซื้อตารางวาละ 200 บาท ระหว่างสร้างบ้านหลังนี้ บริเวณรอบๆ ยังเป็นท้องนาอยู่เลย มีบ้านผมอยู่หลังเดียว” จบประโยคเจ้าของบ้านก็ออกตัวว่าแม้บ้านหลังนี้สร้างแบบไม่มีสไตล์ แต่ก็เป็นบ้านที่สร้างความรักความอบอุ่นให้กับครอบครัวขจรประศาสน์มาโดยตลอด “บ้านผมหลังนี้เป็นบ้านที่ธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษเลย (หัวเราะ) สร้างขึ้นมาไม่ได้ใช้เงิน 20 หรือ 30 ล้าน สมัยก่อนใช้เงินสร้างไม่กี่ตังค์” เล่าน้ำเสียงสนุกสนาน
/// มาตรการ “ห้ามแต่งออก”
พื้นที่กว่า 6 ไร่ ภายในอาณาจักรขจรประศาสน์ถูกแบ่งสรรปันส่วนให้กับทายาททั้ง 4 คน ประกอบด้วยคุณออม-บงกชรัตน์, คุณยุ้ย-ปัทมารัตน์, คุณยอด-ร.ต.ศิริวัฒน์ และคุณหญิง-วัฒนีพร ซึ่งลูกสาว 2 คนแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว โดยคุณน้อยผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังว่า เสธ.มีมาตรการเข้มสำหรับลูกทุกคน คือหากแต่งงานแล้วห้ามไปอยู่ที่อื่น เลยทำให้ลูกเขยคนแรก (ธัญธวัช แทงไทสง สามีคุณออม-บงกชรัตน์) ออกอาการกลัวๆ พ่อตาทุกครั้งที่รับประทานอาหารร่วมกัน
“ลูกเขยคนแรกกินข้าวร่วมกับโต๊ะเสธ.หนั่น ต้องพุทโธๆ ทุกครั้ง (หัวเราะ) คงเป็นเรื่องธรรมดา ที่อยู่มาวันหนึ่งต้องมานั่งกินข้าวบ้านคนอื่น ก็คงกลัวๆ อยู่บ้าง จริงๆ เสธ.เป็นคนไม่ดุเลย แต่ลูกเขยคงเห็นเสธ.ออกสื่อบ่อยๆ ดูหน้าจะดุ เขาก็เลยกลัวกันไปเอง” คุณแม่ยายเผยท่าทีลูกเขยคนโต พลางว่าตอนนี้ไม่ต้องท่องพุทโธ เพราะเริ่มชินกับพ่อตาคนนี้แล้ว
นอกจากบ้านของลูกๆ ที่ปลูกอยู่ในรั้วเดียวกันแล้ว ใกล้กันยังมีบ้านทรงไทยที่เจ้าของต้องการอนุรักษ์ไว้เพื่อให้มรดกทางศิลปวัฒนธรรมแก่ลูกหลาน ปัจจุบันบ้านทรงไทยหลังนี้มีนักศึกษาคณะสถาปัตย์มาขอศึกษาเรียนรู้การสร้าง เพราะบ้านทรงไทยไม่ใช้ตะปูในการตอก แต่ใช้การเข้าสลัก ถอดออกแล้วยกไปตั้งไหนก็ได้ เช่นนั้นบ้านทรงไทยหลังนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์บ้านขจรประศาสน์ไปอีกหลัง “ผมชอบบ้านทรงไทย ไปเห็นที่ไหนก็จะซื้อ เพื่อช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ บางส่วนเอามาจากอยุธยาและเชียงราย ก็อยากเอาไว้เก็บของเก่าหรือประวัติเก่าๆ”
/// มุมต้นไม้...มุมโปรด
ภาพความน่ารักของเจ้าบ้านที่พาสำรวจรอบบริเวณอย่างอารมณ์ดี จึงมีบางช่วงที่ช่างภาพขอให้คู่รักรุ่นใหญ่จับมือกันแสดงความหวานออกสื่อบ้าง เสธ.หนั่นถึงกับบ่ายเบียง “จะให้ผมสวีตกัน ผมทำไม่เป็นหรอก (หัวเราะ)” พูดพลางยิ้มที่มุมปากก่อนที่หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับมุมโปรดของบ้านจะดำเนินต่อทันที “ผมเป็นคนชอบต้นไม้มาก ออกไปทำงานหรือวันหยุดมุมโปรดของผมก็จะเป็นมุมที่มีต้นไม้ ในบ้านมีต้นไม้ที่ปลูกไว้มากมายเลย เลือกนั่งตรงไหนก็ได้ เพราะผมปลูกต้นไม้ในทุกพื้นที่ของบ้าน จะเห็นว่าลานว่างๆ ไม่มีเลย
ผมก็จะชอบมานั่งดูนกนานาพันธุ์ ทั้งนกหัวจุก(นกกรงหัวจุก) นกเอี้ยง นกแก้วมาคอว์ นกทั้งหมดนี้ก็จะมีคนเอามาให้ ยามว่างจะนั่งเล่นกับหลานๆ บ้าง หรือถ้าเพื่อนฝูงมาก็จะชอบชวนมาตั้งตามมุมต้นไม้แบบนี้” ส่วนปลาช่อนอะเมซอนที่เคยเลี้ยงนั้น เสธ.หนั่นบอกว่าเนื่องจากบ่อที่มีอยู่คับแคบเกินไป พอปลาเริ่มตัวใหญ่เลยเอาไปให้สวนนงนุชนำไปเลี้ยงแทน ในบ่อตอนนี้เลยมีเพียงปลาบึกเท่านั้น
/// เจ้าของตลาด-ฟาร์มนกกระจอกเทศ
ไม่เพียงสีเขียวของธรรมชาติจากต้นไม้และสัตว์เลี้ยงที่ทำให้บ้านนี้มีชีวิตชีวา รองนายกฯ ผู้มีรสนิยมเป็นเอกลักษณ์ทั้งดื่มไวน์และชอบสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เวอร์ซาเชกลับมีมุมที่น่าสนใจอย่างการปลูกผักสวนครัวของตัวเองด้านหลังของบ้าน โดยผักที่ปลูกมีหลายชนิด อาทิ ผักบุ้ง ผักกาด แคนตาลูป ฯลฯ เรียกว่าปลอดสารพิษ เพราะทุกอย่างที่ปลูกจะกางมุ้ง
“ปลูกผักกินเองก็ดี จะได้ไม่ต้องไปพะวงในเรื่องสารเคมี แต่ตอนนี้ผักสวนครัวกำลังจะย้ายไปอยู่ที่สนามไดรฟ์กอล์ฟใกล้ๆ บ้านตรงหัวมุมสนามบินน้ำ เพราะกำลังเตรียมสร้างตลาดเล็กๆ บนพื้นที่ 16 ไร่ เป็นทั้งตลาดสดและตลาดขายอาหารต่างๆ คล้ายตลาดดังย่านประชาชื่น”
ไม่เพียงพืชผักสวนครัวและตลาดสดที่เสธ.หนั่นตระเตรียมไว้สำหรับอนาคต ปัจจุบันเขายังต้องเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ-พิจิตรเป็นประจำเพื่อดูแล “ขจรฟาร์ม” ฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศกว่า 2,000 ตัว บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ซึ่งถือเป็นฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
“ผมตั้งใจเอาว่าถ้าวางมือจากการเมืองก็จะไปดูฟาร์มนกกระจอกเทศ และไร่องุ่น 200 ไร่ เป็นองุ่นที่นำมาผลิตไวน์ภายใต้ยี่ห้อชาโต เดอ ชาละวัน นอกจากนี้ผมก็ยังมีสนามกอล์ฟบูรพาอยู่ที่ชลบุรี ใกล้ๆ พัทยา” เอ่ยถึงบั้นปลายชีวิตหลังวางมือจากการเมืองแบบถาวร
/// ปรองดองสำเร็จ...หวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรี?
แต่กว่าจะถึงวันที่เสธ.คนดังวางมือทางการเมืองแล้วหันไปเป็นเกษตรกรเต็มขั้น ยังมีเรื่องสำคัญที่เขาหวังจะทำเพื่อชาติ นั่นคือการเดินหน้าสร้างความปรองดอง กระนั้นคำครหาที่ระบุว่าการพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และการรวบรวม สส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ หวังเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เสธ.หนั่นอรรถาธิบายทันที
“คนที่ให้ข่าวดังกล่าวคงเป็นการเอาเรื่องเท็จมาพูด หรือไม่ก็เป็นการปั้นเรื่องขึ้นมา การพูดคุยกับคุณทักษิณเป็นการพูดในเรื่องแนวทางสร้างความปรองดอง มีเจตนาดีที่จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น ซึ่งผมเองก็จะทำให้ดีที่สุด และยุติบทบาททางการเมือง หากทำเรื่องปรองดองเสร็จสิ้นแล้ว ผมไม่เคยต้องการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมทำเพื่อประเทศชาติ ไม่มีความต้องการทางการเมืองหรือหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ผมทำแผนปรองดองเพื่อให้คนไทยหันหน้าเข้ามารักกัน เพราะถ้าการเมืองลืมอดีตได้ มันก็เดินหน้าต่อไปได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่การเมืองทั้งนั้น ผมคิดว่าแผนปรองดองตรงนี้ปีหน้าน่าจะสำเร็จแน่นอน เพราะดูตอนนี้การเมืองก็น่าจะดีขึ้น สังเกตว่าระเบิดก็ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งเราต้องก้าวข้ามความเคียดแค้น ความเจ็บปวด ความสูญเสียทั้งหลายไป ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงของการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนไทยก็ต้องมาร่วมกันทำแผนปรองดองเพื่อถวายพระองค์ท่าน สิ่งที่ทำถวายดีที่สุดคือการทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ให้มีแต่ความรัก ความสามัคคี เพื่อถวายพระองค์ท่าน”
ส่วนกรณีที่เดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลายฝ่ายยังมองว่ามีประเด็นแอบแฝง “ผมว่าสื่อนำไปตีความกันเองมากไป เพราะผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่ายังไงผมก็ต้องพบกับคุณทักษิณอยู่แล้ว ผมไปพบกับคุณสนธิ (ลิ้มทองกุล) แล้วไม่ให้ไปพบคุณทักษิณก็ไม่ได้ ผมคิดว่ายิ่งพบเร็วยิ่งดี เพราะเราจะได้รู้ว่าความต้องการของเขาคืออะไร แล้วเรื่องปรองดองเขาคิดยังไง นายกฯ เองผมก็ต้องทำความเข้าใจ ฉะนั้นจะให้เว้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แล้วผมไปพบกับคุณทักษิณโดยบังเอิญจริงๆ เพราะผมได้รับมอบหมายให้ไปทอดกฐิน 9 วัด 9 ประเทศ แล้วผมก็ไปทำหน้าที่ของผม แล้วเราก็ไปเจอกัน เจอกันก็คุยกันปกติ เพราะถือว่าเป็นพี่น้องกัน สิ่งที่ผมทำแม้จะเจ็บปวดยังไงผมก็ได้กำลังใจจากครอบครัว เพราะถือว่าเราทำดี มีหลายฝ่ายเหมือนกันที่มาให้กำลังใจ ไม่ได้หวั่นไหวอะไร จะขอเดินหน้าต่อไป” ความมุ่งมั่นของเสธ.หนั่นที่หวังให้แผนปรองดองบรรลุเป้าหมาย
/// จับมือพรรคเพื่อไทย “ตั้งพรรคใหม่?”
แจกแจงข้อกังขาเรื่องอดีตนายกฯ แต่กลับมีกระแสข่าว “เสธ.หนั่น” จับมือกับพรรคเพื่อไทย รวบรวมพรรคพวกเก่าทั้งใน ปชป. โดยเฉพาะ ไพฑูรย์ แก้วทอง ที่ถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมทั้งกลุ่มการเมืองของ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง มาร่วมตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่เพื่อฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลหากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า กรณีดังกล่าวเสธ.หนั่นปฏิเสธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทว่าจริงจัง
“นั่นเป็นการเขียนเต้าข่าว ส่วนใหญ่ก็ไปวิเคราะห์กันเอง ผมไม่หรอก...เพราะผมบอกแล้วว่าจะวางมือจากการเมือง แล้วจะให้ผมไปตั้งพรรคอะไร (หัวเราะ) ตอนนี้สิ่งที่ผมกำลังทำคือการปรองดอง น่าจะเป็นการทำเพื่อถวายพระเจ้าอยู่หัว เพราะพระองค์ท่านจะไม่สบายใจถ้าลูกของพ่อทะเลาะกัน ดังนั้นเราต้องมีความรัก มีความสามัคคีกัน คนไทยเราทำอะไรให้กับพ่อหลวงเราได้ก็จงทำ”
/// “ลูกยอด” ตัวแทนทางการเมือง
เมื่อประกาศวางมือทางการเมือง มิวายที่กระแสข่าวจะโหมขึ้นอีกครั้ง “เตรียมลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ เพื่อเปิดทางให้คุณศิริวัฒน์-ลูกชายคนเดียวเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี” เสธ.หนั่นอมยิ้มก่อนตอบ “ยอดอายุพอประมาณแล้ว ในขณะเดียวกันโควตาทุกอย่างยังคงเป็นของพรรคดังเดิม ไม่มีการสลับกระทรวง จริงๆ วันนี้คงไม่แล้ว เพราะจะให้เป็นทำไม เวลามันสั้น อีกอย่างนายกฯ ก็บอกแล้วว่าปีหน้าก็จะยุบสภาแล้ว จริงๆ เส้นทางการเมืองยอดก็กำลังศึกษาอยู่ แต่เขาก็เป็น สส.มา 3 สมัยแล้ว เขาศึกษาการเมืองมา ผมว่าเขาเข้าใจดี แต่เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด เขาก็จะลงพื้นเป็นประจำ เรื่องการเมืองของยอดผมไม่ค่อยเป็นห่วงอะไรแล้ว เพราะถ้าดูเขาก็ถือว่าอาวุโสทางการเมืองได้แล้ว หลายคนอาจมองว่าผมส่งลูกชายถึงฝั่งแล้วถึงจะวางมือจากการเมือง ผมอยากบอกว่า ผมอยากให้เขาสู้ด้วยตัวเอง การเป็นนักการเมืองได้ดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเอง ผมว่าเขาก็น่าจะศึกษาการเมืองมาพอสมควรแล้ว ตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว ผมจึงไม่ห่วงอะไร” เอ่ยถึงทายาทการเมืองคนเดียวของครอบครัวด้วยรอยยิ้ม
ซึ่งหากแผนปรองดองแห่งชาติบรรลุวัตถุประสงค์ ภาพ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ในฐานะเกษตรกรพันล้านเดินตลาดสด...คงเป็นความรู้สึกใหม่ที่ใครๆ ก็อยากเห็นในเร็ววัน...
/// ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์
กำลังใจคนสำคัญ
ในวันที่สามีนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) คู่ชีวิตที่อยู่เคียงข้าง พล.ต.สนั่น มาตลอด 30 ปี คุณน้อย-ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ยังคงทำหน้าที่หลังบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ทุกวันนี้เสธ.มีงานเยอะมากๆ ตอนนี้ก็ต้องไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมเยอะมาก ส่วนตัวเองก็มีงานเชิญมากอยู่เหมือนกัน ยอดก็มีงานของเขาไป เราก็มีงาน เสธ.ก็มีงาน ทุกคนก็แยกกันไปทำงาน พ่อไปทาง แม่ไปทาง ลูกไปทาง อาทิตย์หนึ่งยังไม่ค่อยได้เจอกันเลย (หัวเราะ) บางครั้งมีคนนัดเจอกับเสธ. พอมีงานเข้ามากะทันหันบางครั้งยังต้องยกเลิกไปก็บ่อยครั้ง” น้ำเสียงสดใส ทว่าแฝงความห่วงใยในตัวสามีที่ต้องเผชิญกับงานหนัก
เหตุนี้คุณน้อยจึงเป็นคนสำคัญที่คอยให้กำลังใจสามีเสมอไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใด
“เสธ.เคยถามทำแบบนี้ดีไหม ก็จะช่วยเสนอแนะความคิดไป จริงๆ จะอธิษฐานจิตให้กับเสธ.ทุกครั้งที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดศรีจอมทอง และวัดดอยจั่น จ.เชียงใหม่ เพื่อให้เสธ.ทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อบ้านเมือง แล้วเสธ.เขาก็อยากทำงานเพื่อบ้านเมืองเหมือนกัน เช่น เหตุการณ์ที่มีคนทะเลาะกัน ฆ่ากัน เสธ.ก็จะบ่น ตอนที่ทหารตาย เสธ.ก็นอนไม่หลับ อุทานออกมา...ตายอีกคนหนึ่งแล้ว ช่วงนั้นเสธ.ไม่มีความสุขเลย บ่นกลุ้มใจมาก เพราะเสธ.ไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากันเอง ไม่อยากเห็นคนไทยตาย ไม่อยากเห็นบ้านเมืองระส่ำระสาย”
นอกจากนี้คุณน้อยยังยืนยันว่าสามีไม่เคยเอ่ยปากว่าอยากเป็นนายกฯ เลยสักครั้ง “เสธ.ไม่เคยพูดเลยว่าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่เสธ.พูดว่าไม่อยากเป็นนายกฯ นั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่กลับหน้ามือเป็นหลังมือ จริงๆ เสธ.เป็นคนที่นึกยังไงก็พูดออกไปอย่างนั้น ไม่ใช่เป็นคนพูดอย่างทำอย่าง เขาเป็นคนพูดจริง แต่อีกอย่างเสธ.เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งด้วย ทุกวันก็พยายามให้กำลังใจ บางอย่างที่พูดดีแล้วเราก็จะบอกเขาว่าพูดแบบนั้นดีแล้ว เพราะเป็นการพูดออกมาจากใจ บางครั้งก็จะกลับมาถามลูกๆ ว่าสิ่งที่พ่อพูดแบบนั้นดีไหม ลูกๆ ต่างก็ให้กำลังใจ”
ส่วนประเด็นที่ พล.ต.สนั่น เคยบอกว่าจะวางมือทางการเมืองนั้นอาจมีวาระซ่อนเร้นในเกมการเมือง? คุณฉวีวรรณส่งยิ้มก่อนจะโบกมือในเชิงปฏิเสธ “เสธ.วางมือทางการเมืองแน่นอนถ้าเขาเดินหน้ากับแผนปรองดองสำเร็จ แล้วจริงๆ เสธ.อยากลาออกจากตำแหน่งตั้งนานแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ให้ออก เพราะเสธ.เป็นผู้ใหญ่ ครม.ก็นับถือ พูดอะไรออกไปก็จะมีน้ำหนัก ใน ครม.ก็อยากให้เสธ.อยู่ก่อน ส่วนยอดจะนั่งในตำแหน่งทางการเมืองที่สูงๆ เมื่อไหร่ก็ได้ อายุยังน้อย ไม่ต้องรีบร้อน เป็นเมื่อไหร่ก็เป็นได้ เพราะมีโอกาสได้เป็นอยู่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่นายกฯ พูดกับเสธ.นะ เพราะอยากให้เสธ.อยู่ จริงๆ เสธ.อยากลาออกตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ถ้าลาออกไปก่อนหน้านี้ก็คงไม่สามารถทำงานแผนปรองดองตรงนี้”
////////////////
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ WhO? Magazine ฮู แมกกาซีน
ทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของเดือน
http://www.whoweeklymagazine.com/
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์
โทร.086-389-5835
โทรสาร 02-654-7577 02-654-7577
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น