เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง
ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์
แต่งหน้า : กฤษฎา น้อยรังษี
สถานที่: โรงแรม โซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ
"บิ๊กฮั่น” มิตติ ติยะไพรัช
ประธานสโมสรฟุตบอลอายุน้อยที่สุด
เบื้องหลังธุรกิจการเมือง หรือ ทำทีมเพราะบ้าบอล!?!
เปิดใจ “บิ๊กฮั่น” ประธานสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด วัย 24 ปี ทายาทคนโตของนักการเมืองดังแห่ง จ.เชียงราย ยงยุทธ ติยะไพรัช ลงสนามฟุตบอลก่อนชิมลางสนามการเมือง พร้อมเผยเบื้องหลังเกม กีฬาที่มาพร้อมกับคำครหาและการเมือง
[Body]
หากไม่นับ นักธุรกิจ - นักการเมือง “รุ่นใหญ่” ที่พากันตบเท้าเข้ามาเป็นประธาน สโมสรฟุตบอลไทยกันคึกคักในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ว่าที่นักการเมือง “รุ่นเล็ก” มิตติ ติยะไพรัช บุตรชายคนโตของ ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นับเป็นประธานสโมสรฟุตบอลอีกคนที่สร้างสีสันให้วงการลูกหนังไทยเป็นอย่างมาก
ไม่เพียง “บิ๊กฮั่น” จะดำรงตำแหน่งประธานสโมสรที่อายุน้อยที่สุดของลีกภูมิภาค แต่สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2552 กลับทำผลงานได้โดดเด่น จนสามารถขยับชั้นขึ้นมาแข่งในไทยลีก ดิวิชั่น 1 ได้ และที่สำคัญไปกว่านั้น ในฐานะทายาทนักการเมืองดัง เขาจึงถูกตั้งคำถาม ถึงเบื้องหลังของเกมกีฬาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
///กัปตันทีมก้าวสู่ประธานสโมสร
ก่อนออกเดินทางไปเชียร์ลูกทีมที่จังหวัดจันทบุรี WhO? มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณมิตติ หลากหลายประเด็น โดยชายหนุ่มผู้ถอดแบบใบหน้าและบุคลิกมาจากบุพการี เริ่มต้นเล่าถึงที่มาของการทำทีมฟุตบอลว่า ทั้งเขาและคุณพ่อในฐานะที่ปรึกษา ต่างเล็ง เห็นโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพทางด้านกีฬาฟุตบอลของจังหวัดเชียงราย เพื่อให้ฟุตบอลเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่น และดึงเยาวชนให้ห่างไกลจากการมั่วสุมและเสพยาเสพติด
“มีผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอล 2 - 3 ท่านเข้ามาช่วยกันทำทีมเชียงราย ยูไนเต็ด จนปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว จริงๆ ผมชอบฟุตบอลมาตั้งแต่เป็นเด็ก เรียกว่าเป็นคนบ้าบอลก็ได้ (หัวเราะ) สมัยเป็นเด็กอยากดูบอลก็จะรบเร้าให้คุณพ่อพาไปดู ทำให้ผมอยากเป็นนักฟุตบอล อยากเป็นโค้ช
“ผมเล่นฟุตบอลจริงจังตอนเรียนมัธยมปลาย เพราะมีโอกาสไปเรียนที่นิวซีแลนด์ 2 ปี พอเอ็นทรานซ์เข้าคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ อยู่ปี 1 ก็เป็นกัปตันทีมและเป็นกองหน้า เล่นจนได้อันดับ 3 ของกีฬาเฟรชชี่ ตอนนั้นคณะวิศวะหรือวิทยาศาสตร์ เรื่องกีฬาก็เก่ง มากๆ แต่ผมสามารถพาทีมมาได้ที่ 3 ก็ภูมิใจมาก” น้ำเสียงและรอยยิ้มบ่งของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความภูมิใจที่เคยทำหน้าที่กัปตันทีม
นอกเหนือจากความชอบในกีฬาลูกหนัง แรงบันดาลใจที่ทำให้เขาก้าวเดินตามความฝันก็ ล้วนมาจากนักฟุตบอลในดวงใจหลายต่อหลายคน
“ผมคิดว่าเด็กผู้ชายเกือบทุกคนฝันอยากเป็นนักฟุตบอล เป็นนักกีฬา ส่วนตัวผมเองก็อยากเป็นนักฟุตบอล แต่เราก็รู้ตัวเองว่าเล่นไม่เก่งขนาดนั้น แต่ไอดอลของผมก็เป็น อเลสซานโดร เดล ปิเอโร ของอิตาลี ,เซนาดีน ซีดาน อดีตนักฟุตบอลของฝรั่งเศส และ โรนัลโด้ แห่งเรียลมาดริด ผมก็ค่อยๆ พัฒนามาเรื่อยๆ ตามยุคสมัย แล้วก็ชอบคนที่ทำทีม โจเซฟ มาเลนโย” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
/// เป้าหมายสู่ที่ 1 ในเอเชีย
จากความชอบส่วนตัว ได้พัฒนาและต่อยอดจนกลายมาเป็นการสร้างทีมในนามจังหวัด เพื่อทำการแข่งขันในลีกภูมิภาคโดยตรง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นฟุตบอลระดับภูมิภาค ก่อนจะก้าวไปสู่ฟุตบอลระดับประเทศ โดย “บิ๊กฮั่น” เผยรอยยิ้มกว้างขวางก่อนจะกล่าวว่า “ปีที่แล้วถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะได้รองแชมป์ดิวิชั่น2”
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลในประเทศจะมี 3 ฤดูกาล คือ ไทยลีก ดิวิชั่น 1 ดิวิชั่น 2 ซึ่งปีที่แล้วเชียงราย ยูไนเต็ดแข่งในดิวิชั่น 2 สามารถคว้าที่สองมาได้ แล้วก็เป็น 1 ใน 3 ของดิวิชั่น 2 ที่ขึ้นมาอยู่ดิวิชั่น 1 ซึ่งตอนนี้ทีมเชียงราย ยูไนเต็ดอยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางการแข่งขัน และในอนาคตอันใกล้เขากำลังลุ้นทีมให้ขึ้นไปอยู่ในไทยพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้าให้ได้
“ผมตั้งใจเอาไว้ว่าอยากทำทีมฟุตบอลให้เป็นที่ 1 ในเอเชียให้ได้ เราก็รู้ว่าความ เป็นไปได้ค่อนข้างลำบากมาก แต่เราก็ตั้งใจที่จะทำไปเรื่อยๆ แล้วทำให้ดีที่สุด ซึ่งตรงนี้เป็นเป้าหมายหลักของการทำทีมฟุตบอลนี้ขึ้นมา ผมเชื่อว่าอาชีพนักฟุตบอล จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับกลุ่มเยาวชนได้ เพราะเงินเดือนนักฟุตบอลไม่ใช่น้อย รายได้เยอะมากๆ” เขาลากเสียงยาวบ่งบอกว่ารายได้นักบอลไม่น้อยอย่างที่คิดกัน
และเพราะเป้าหมายคือที่ 1 ในเอเชีย จึงเป็นเหตุผลให้นักฟุตบอลในทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ต้องอิมพอร์ตนักกีฬาจากต่างชาติมาในช่วงแรก
“ผมทำฟุตบอลอาชีพก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทีมเชียงรายยูไนเต็ดจะมีนักเตะที่เป็นชาว เชียงรายประมาณ 1 - 2 คนเท่านั้น นอกนั้นเป็นนักเตะชาวญี่ปุ่น บราซิล เพราะเราต้องเอานักเตะเก่งๆ มารวมกันเพื่อให้ทีมสู้เขาได้ แต่อนาคตกำลังสร้างนักเตะ ของเชียงรายให้เพ่ิมมากขึ้น” คุณมิตติเผยความตั้งใจในอนาคตที่จะปั้นนักเตะฝีเท้าดี สายเลือดชาวเชียงราย
///สร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน
ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นตั้งใจสร้างทีมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันเท่านั้น เพราะอีกเป้าหมายสำคัญที่ีเขาหวังจะให้ชาวเชียงรายได้ประโยชน์นั่นคือ การสร้างเศรษฐกิจให้ชาวเชียงราย เนื่องจากการแข่งขันฟุตบอลแต่ละแมทช์จะมีผู้ชมนับหมื่น จึงต้องใช้คนดูแลไม่ต่ำกว่า 100 คน และยังรวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของอยู่บริเวณรอบๆ สนามอีกด้วย
“ผมไม่ได้แค่ขายตั๋วอย่างเดียว แต่ยังขายของที่ระลึกสร้างรายได้ให้กับสโมสร โดยของที่ระลึกเหล่านั้น บางส่วนผมให้กลุ่มแม่บ้านช่วยกันออกแบบ พัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ตรงนี้ก็เป็นการสร้างงานสร้างรายได้เพิ่มให้กับกลุ่มแม่บ้าน ส่วนใหญ่สินค้าจะเป็นกระเป๋า หมอน แล้วก็ใช้แบรนด์เป็นของทีม ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับแม่บ้าน 300 บาท ต่อวันต่อคน
“ก่อนหน้านี้ผมกับทีมงานจะขายของที่ระลึกเอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโปโล หรือเสื้อแข่ง พอเข้าปีที่สองผมก็ให้แฟนคลับที่อยู่ในทุกจังหวัดนั้นๆ เป็นผู้ขาย ซึ่งก็จะมารวมตัวกันทำให้เกิดความรัก เกิดความสามัคคีกัน ส่วนแฟนคลับคนไหน อยากมีรายได้เพิ่มเราก็นำสินค้าไปฝากขายแล้วก็หักเปอร์เซ็นต์ไป” ชายหนุ่มอธิบายแนวคิดในการสร้างรายได้ให้กับชาวเชียงราย
//ดูแลทีม ดูแลครอบครัว “พ่อครัวจำเป็น”
ปัจจุบัน คุณมิตติทุ่มเทเวลาให้กับสโมสรอย่างจริงจัง ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทั้งยังต้องเดินทางระหว่าง กรุงเทพฯ - เชียงราย บ่อยๆ จึงทำให้ไม่มีเวลาให้กับ ครอบครัวมากนัก แต่โชคดีที่น้องๆ ได้แก่ โอม-ปิยะรัฐชย์ เรียนจบคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรฯ แล้ว ส่วนฮาย-ปวิษรัช กำลังเรียนนิติศาสตร์ จุฬาฯ จึงไม่ต้องดูแลเหมือนแต่ก่อนมากนัก
“ผมจะรับประทานอาหารกับครอบครัวสัปดาห์ละครั้ง เพราะทุกวันผมต้องทำงานอยู่กับทีม ต้องซ้อมกันตั้งแต่ 8 โมงถึง 10 โมง ผมต้องประชุมกับโค้ช พอตอนเย็นก็มีการซ้อมอีกรอบ ผมทำงานถึง 1 - 2 ทุ่ม ปีที่แล้วผมต้องเป็นพ่อครัวจำเป็น เพื่อลดค่าใช้จ่าย ทีมผมเองไม่ได้ร่ำรวย อยู่เชียงรายจะมีแม่ครัวทำอาหารให้นักเตะกินทุกมื้อ แต่พอเดินทางไปแข่งต่างจังหวัด เราไม่มีแม่ครัวตามมาด้วย ผมเลยต้องลงมือทำอาหารให้กับทีมกินกันเอง โดยที่ผมเองเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว ทำทุกอย่างทั้งจ่ายตลาด ปรุงอาหาร ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก แต่ช่วงนี้้มีลูกน้องมาช่วยเป็นแม่ครัวแทนแล้ว” พูดจบ ประธานสโมสรวัย 24 ปี ก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
จากความตั้งใจที่มีอยู่เต็มร้อย บิ๊กฮั่นไม่ได้ทำหน้าที่ประธานสโมสรหรือผู้นำทีมเท่านั้น แต่เขายังทำทุกอย่าง เรียกได้ว่าตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ
“จริงๆ จะว่าไปแล้วสโมสรของผม อาจพูดได้ว่าผมทำเองมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะไปหานักฟุตบอล หาโค้ช ขนาดงานธุรการเก็บกวาด สโมสรผมก็ทำเอง (หัวเราะ) รวมถึงงานประชาสัมพันธ์ผมก็เขียนป้ายเอง มาระยะหลังเราเริ่มมีความรู้ในการทำ Photoshop หรือ Elustation เดี๋ยวนี้ก็เลยทำเป็นป้ายไวนิลแทน แล้วก็ทำใบปลิวไปแจกให้กับแฟนฟุตบอลด้วยตัวเอง ซึ่งโลโก้ของทีมผมก็มีศิลปินภาคเหนือท่านหนึ่งช่วยออกแบบโลโก้”
//ทุน - การเมือง?...เบื้องหลังทีมสโมสรฟุตบอลไทย
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีนักธุรกิจ - นักการเมือง รวมถึง “คนมีสี” ต่างพากันเข้ามาเป็น ประธานสโมสรทีมฟุตบอลไทยกันมากขึ้น จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายทุนที่เข้ามานั้นอาจต้องการผลประโยชน์แอบแฝงในลักษณะของการไซฟ่อนเงิน
จากข้อมูล ****(เช็คกับหนุ่มก่อน)**** ระบุว่าที่ผ่านมาอย่างทีมเมืองทองยูไนเต็ด ในอดีตเคยมีไข่มุกดำ วีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธานสโมสรมาก่อน จากนั้นถูกบริษัทสยามกีฬาเทคโอเวอร์ รวมถึงกลุ่มทุนครอบครัวมหากิจศิริ ที่มีสายสัมพันธ์กับทักษิณและพรรคเพื่อไทยมาร่วมบริหารทีม ขณะที่เนวิน ชิดชอบ ก็เทคโอเวอร์ทีมสโมสรการไฟฟ้าฯ รวมทั้งทีมฟุตบอล เชียงใหม่ เอฟซี ที่น่าจะเป็นของคนเสื้อแดง แต่กลับมีนายทุนการเมืองกลุ่มเสื้อน้ำเงินอยู่เบื้องหลัง
“ผมตั้งใจทำทีฟุตบอลมาตั้งแต่กระแสฟุตบอลยังไม่บูมเลย แล้วก็ยังไม่มีใครเข้ามาทำเลย แล้วฟุตบอลมาบูมจริงๆ เมื่อกลางปีที่แล้ว การแข่งขันเลยค่อนข้างสูง ตอนที่ผมทำทีมฟุตบอลผมเล็งแล้วว่า ถ้าบอลไม่บูมปีนี้ก็ต้องเป็นอีกสองปีข้างหน้า แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะบูมเร็วขนาดนี้
“มีนักการเมืองเข้ามาเป็นประธานสโมสรฟุตบอลกันมาก ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่ผมเข้ามาทำทีมฟุตบอลเพราะว่าผมบ้าฟุตบอลจริงๆ (หัวเราะ) ผมรักฟุตบอล ผมทำด้วยใจรัก แล้วทีมฟุตบอลของผมไม่มีเรื่องของการฟอกเงินอะไรเลยครับ ไม่มีแน่ๆ ผมทำตรงนี้ผมมีสปอนเซอร์ แล้วผมก็มีที่มาที่ไปของเงินชัดเจน และไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง” ประธานสโมสรฯ มีสีหน้าจริงจังขณะยืนยันคำตอบ
รวมถึงทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ที่ประธานสโมสรคนเก่งยืนยันว่า แม้ตัวเองจะเป็นทายาทนักการเมือง แต่ฟุตบอลปลอดการเมืองแน่นอน
“แม้ว่าผมจะมีคุณพ่อเป็นนักการเมือง แต่คุณพ่อก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเลย จะเข้ามาช่วยก็ตอนที่ไปช่วยกันหาสปอนเซอร์เท่านั้น ส่วนการบริหาร การเฟ้นหานักเตะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผมทั้งหมด แล้วทีมฟุตบอลของผมไม่มีแบ็คจริงๆ แต่ก็ท้าทายที่จะได้แข่งขันกับทีมที่มีนักการเมืองหนุนหลัง” คุณมิตติกล่าว พร้อมแจกแจงรายชื่อสปอนเซอร์หลักและรอง ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์เบียร์ยี่ห้อดัง และเคานต์ เจรัลด์ แวน เดอ สตราเทน พอนโธส หรือ เจอร์รี่ หนุ่มเบลเยี่ยม ประธานมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามนุกูลกิจ เจ้าของสถานีวิทยุ และเรดิโอ 94 MHz.ซึ่งเป็นสถานีวิทยุชุมชนที่จะเข้ามาช่วยถ่ายทอดสดในเวลาที่มีการแข่งขันของทีม
//ว่าที่ สส.แห่งเมืองเชียงราย
อดีตบัณฑิตคณะเศรษฐศาสตร์ สาขานานาชาติ (EBA) จุฬาฯ และมหาบัณฑิต EMBE คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ชายหนุ่มผู้มีความฝันในชีวิต 2 อย่าง คือ การได้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอล และการก้าวไปสู่การเป็นนักการเมืองตามรอยเท้าพ่อ ซึ่ง ณ วันนี้เขาสามารถทำตามความฝันได้สำเร็จแล้ว 1 อย่าง
“ถ้ายังทำทีมฟุตบอลสนุกก็จะทำไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้ทำทีมสนุกอย่างเดียว แต่ทีมต้องประสบความสำเร็จด้วย เมื่อถึงวันที่ทีมสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ผมถึงจะผละออกมาจากตรงนั้นได้ ส่วนฝันที่สอง ผมชอบงานการเมือง ได้ทำงานกับชาวบ้าน ตอนนี้ผมค่อนข้างจะรู้จักผู้คนในจังหวัดเชียงรายพอสมควร ผมคิดว่ามันเป็นงานในอนาคตที่ท้าทายแน่นอน ผมได้สัมผัสการเมืองมาตั้งแต่เป็นเด็ก ได้ลงพื้นที่กับคุณพ่อ พอผ่านไปเห็นชาวบ้านดำนา คุณพ่อก็ให้คนขับรถจอดแล้วก็ลงไปดำนากับชาวบ้าน ผมก็เลยได้ดำนากับชาวบ้านด้วย
ผมชอบการเมืองจริงๆ จังๆ ตอนเรียนอยู่ ม.4 - ม.5 ตอนนี้ผมอายุ 24 ก็ยังไม่รู้จะ เลือกตั้งปีไหน ผมเลยยังไม่คิดวางแผนในสิ่งที่ผมยังไม่รู้ แต่ขอทำในสิ่งที่ผมจับต้องได้ ไปก่อน”
เนื่องจากสิ่งที่ีเขาจับอยู่ตอนนี้ ดูจะมีแนวโน้มที่ดี และประสบความสำเร็จ ได้ดังเป้าหมาย หากไม่มีอะไรมาทำให้ความตั้งใจในกีฬาไขว้เขวไปเสียก่อน
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ WhO? Magazine ฮู แมกกาซีน
http://www.whoweeklymagazine.com/
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์
โทร.086-389-5835
โทรสาร 02-654-7577
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น