สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

ด่วนมาก! สอบสวนข้อเท็จจริงข่มขืนเด็กหญิงนับสิบครั้ง สั่งปลดรองเจ้าคณะอำเภอนาแกจากทุกตำแหน่ง‏






สืบเนื่องจากการที่นางสาวดาว (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ถูกเจ้าอาวาสวัดดังและมีตำแหน่งพระสังฆาธิการระดับรองเจ้าคณะอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม โดยทนายดร. สุกิจ พูนศรีเกษม ได้นำเด็กและบิดาเข้าฟ้องต่อกองปราบปราม กรุงเทพฯ เพื่อดำเนินคดีกับพระครูอุดมธรรมานุกูล (สุนทร อุตตโม) เจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะอำเภอนาแก ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงได้มอบหมายให้นายณัฐกิตติ์ (สมชัย) ไชยวรรณรัตน์ หัวหน้าส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา เดินทางไปสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน ได้สอบถามจากนางสาวดาว (นามสมมติ) และผู้ปกครอง โดยนาวสาวดาว (นามสมมติ) ได้ให้ปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่า ได้ถูกพระครูรูปดังกล่าวข่มขืนใจนับสิบครั้งเป็นเวลากว่าสองปีทั้งในกุฏิและห้องรับรองภายในบริเวณวัด

โดยเริ่มจากให้ตนเข้าไปทำความสะอาด และถือโอกาสไม่มีคนอื่นอยู่ข่มขืนใจโดยครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในกุฎิที่สร้างใหม่เหนือกุฎิหลังเดิมของเจ้าอาวาส และกระทำการข่มขืนใจต่อเนื่องนับสิบครั้งเป็นเวลากว่า 2 ปี เด็กหญิงคนดังกล่าวต้องปิดเรื่องไว้คนเดียวไม่กล้าบอกผู้ปกครองซึ่งเป็นลูกจ้างของวัดและกลัวว่าบิดามารดาจะตกงาน ในที่สุดทนความอับอายไม่ไหวถึงกับต้องหนีออกจากบ้านเพื่อจะได้ไม่ต้องพบกับพระรูปนี้อีก แต่เมื่อเร็วๆ นี้พระรูปดังกล่าวรวมถึงเจ้าหน้าที่บางคนภายในวัดได้โทรศัพท์มาข่มขู่รังควาญบิดามารดารวมถึงตน จึงได้เข้าปรึกษากับทนายให้นำเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีเด็ดขาด

หลังจากที่รับทราบรายละเอียดจากเด็กหญิงและลงบันทึกการให้ปากคำทั้งหมดแล้ว พระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ได้เรียกพระรูปดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการสอบสวน พบว่าได้กระทำผิดข่มขืนใจเด็กตั้งแต่อายุ 15 ปีจริง จึงมีคำสั่งปลดพระครูอุดมธรรมานุกูลออกจากทุกตำแหน่ง รวมทั้ง ตำแหน่งเจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะอำเภอนาแก พระครูรูปดังกล่าวได้เซ็นต์หนังสือยอมรับ และทางจังหวัดได้ส่งหนังสือดังกล่าวไปยังพระธรรมสิทธินายก เจ้าคณะภาค 10 เพื่อรับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะได้มีการขอแต่งตั้งรองเจ้าคณะอำเภอนาแก ส่วนตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้นจะได้ดำเนินการแต่งตั้งพระครูวิชิตวรเขต เจ้าคณะอำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแทนต่อไป

ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีนั้น ทางกองปราบได้ส่งเรื่องต่อไปยังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมให้เร่งดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าว ด้านพระธรรมสิทธินายก เจ้าคณะภาค 10 ได้ให้ความคิดเห็นว่า ต้องดำเนินการทางกฏหมายให้ถึงที่สุด เรื่องนี้เป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้และเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กระทำกับเยาวชน เมื่อตำรวจได้ออกหมายจับก็ต้องสึกจากความเป็นพระอย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น