นิตยสาร WhO?
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์
แต่งหน้า : บัณฑิต บุญมี ทำผม : สุวภัทร ทองปาน สถานที่ : โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ
หมวดเจี๊ยบ-ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต
What are you doing ?
“ทักษิณเป็นแค่นายจ้าง” ?!?
หลายปีก่อน เธอเคยถูกตั้งคำถามถึงการทำงานในฐานะนักเขียน กับผลงานพ็อกเกตบุ๊กสะท้านการเมือง “Thaksin where are you” และ “ทักษิณ Are you o.k.? วันนี้เธอคนเดิมถูกตั้งคำถามอีกครั้งถึงการพลิกเส้นทางอาชีพจากอดีตนายทหาร ประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบก และผู้สื่อข่าว ททบ. 5 ในฐานะว่าที่นักการเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย “หมวดเจี๊ยบ What are u doing?”
หมวดเจี๊ยบ-ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต อดีตทหารหญิงใบหน้าคมคายผู้กลายเป็นที่รู้จัก ของคนทั้งประเทศจากผลงานพ็อกเกตบุ๊ก “Thaksin where are you” และ “ทักษิณ Are you o.k.? หลังลาออกจากกองทัพในเดือนตุลาคม 2552 หมวดเจี๊ยบเดินทางไปเรียนต่อ ปริญญาโทใบที่ 2 ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ กระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2553 เธอเรียนจบและกลับมาเมืองไทย และถูกทาบทามจากคนในพรรคเพื่อไทยให้มาร่วมงานการเมือง
/// จุดอ่อนชีวิต…สู่จุดแข็งการเมือง
เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางการเมืองหมวดเจ๊ียบเผยว่า “ทางพรรคเปิดกว้างให้ทำงานการเมือง และมีทีมงานรุ่นพี่เป็น สส.กทม.คอยมาเป็นพี่เลี้ยงให้ เจี๊ยบก็ตัดสินใจลงเลือกตั้งครั้งนี้ ทางคุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านคงคิดว่าเราไตร่ตรอง อย่างดีทีี่สุดแล้ว” สาวสวยกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมบอกต่อว่าการตัดสินใจทำงานการเมือง ไม่ได้คิดเล่นๆ แต่เธอจริงจังและทุ่มเท โดยมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และยาวอยู่แล้วว่าจุดหมาย ปลายทางจะเป็นเช่นไร
“เจี๊ยบอยากเติมเต็มสิ่งที่ขาดของประชาชนในพื้นที่เขตบางแค คืออยากไปพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เจี๊ยบไปเห็นต่างประเทศเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั้น เขาได้ประโยชน์จากการเมือง จากท้องถิ่นอย่างไร แต่ด้วยความที่เราเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ด่านแรกที่เจี๊ยบต้องผ่านให้ได้ คือความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสียก่อน”
แต่ก่อนจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่ ขอใช้ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านความยากลำบากมาเป็นจุดเด่นในการเข้าถึงพี่น้องประชาชน “การเป็นนักการเมืองที่จะเข้ามาแก้ปัญหาประชาชน ถ้าตัวเองไม่ได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมา ไม่รู้จักความหิวว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร จะไปแก้ปัญหาคนอื่นได้อย่างไร เจี๊ยบคิดว่าอยากนำจุดอ่อนตรงนี้มาเป็นจุดแข็งในการทำงานแก้ไขปัญหาให้คนอื่น”
//ใบสั่งจาก “ทักษิณ”
การก้าวสู่ถนนการเมืองแบบคาดไม่ถึงของหมวดเจี๊ยบ คงไม่อาจปฏิเสธเสียงวิพากย์ วิจารณ์ในแง่ลบโดยเฉพาะคำครหาท่ีว่า เธอเล่นการเมืองตามคำสั่งอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หมวดเจี๊ยบทำหน้าครุ่นคิดก่อนให้คำตอบ
“การตัดสินใจของพรรคน่าจะเป็นมืออาชีพ น่าจะมองอะไรที่มากกว่านั้น เจี๊ยบตอบแทนไม่ได้ว่าพรรคคิดอย่างไรที่เลือกเรา แต่เจี๊ยบคิดว่าพรรคน่าจะดูความพร้อม ว่าเรามีแค่ไหนที่จะเรียนรู้ในการเป็นนักการเมืองอาชีพ พอได้สัมผัสก็คิดว่าเป็นงานที่ยากกว่าที่คิด เป็นการเมืองระดับชาติที่ต้องทำงานด้วยการอุทิศตน เจี๊ยบลงพื้นที่ก็เข้าใจว่า นักการเมืองต้องทำงานหนักแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนๆ เดียวจะมีคนกากบาทเป็นแสนให้เพื่อเป็นผู้แทนของเขา เจี๊ยบคิดว่าพรรคเลือกคน ก็ต้องใช้วิจารณญาณใช้เหตุผลมากที่จะเลือกเรามาลงสมัครเป็นผู้แทน”
หรืออาจเป็นเพราะหัวใจเธอเป็นสีแดงเต็มดวง? หมวดเจี๊ยบหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พลันบอกว่า “คำถามนี้เจี๊ยบเจอมาเยอะ ตรงนี้เจี๊ยบว่าไม่สำคัญนะ คนเรามีทัศนคติอย่างไร ไม่สำคัญเท่าไหร่ อยู่ที่ว่าขณะนี้เรามีบทบาทหน้าที่อย่างไร เราต้องทำให้สอดคล้องกัน อย่างวันนี้เจี๊ยบอาสาเข้ามาเป็นผู้แทน มาเป็นปากเสียงแทนคนในพื้นที่ ไม่ว่าคนในพื้นที่จะมีทัศนคติเป็นสีเหลือง สีแดง เจี๊ยบต้องทำหน้าที่รับใช้ทุกคนเหมือนกันหมด ต่อให้บางคนไม่ได้เลือกเรา เจี๊ยบก็ทำงานให้ทุกคน แบบไม่แบ่งว่าเป็นฝ่ายไหน ตอนนี้เจี๊ยบคิดว่าเมื่อเราโชคดีที่อาจจะได้เข้ามาทำงานในสภา เราต้องคิดแล้วว่าจะทำ ประโยชน์ให้ใครได้มากแค่ไหน” คำอรรถธิบายพรั่งพรูราวกับนักการเมืองเก๋าเกม
//ผู้หญิงของทักษิณ ?!?
แม้ยืนยันด้วยเกียรติว่าไม่ได้รับเงินอดีตนายกทักษิณแม้แต่บาทเดียวมาเขียนหนังสือ แต่ดูเหมือนว่าประเด็นระหว่างหมวดเจี๊ยบกับอดีตผู้นำพลัดถิ่นกลับถูกวิพากย์วิจารณ์ในวงกว้าง จนได้รับฉายาต่างๆ นานาที่อาจทำให้เจ้าตัวระคายใจไม่น้อย อาทิ “ผู้หญิงลวงโลก” “ทาสรับใช้ทักษิณ” และ “หมวดสาวจอมแ_ล”
หมวดเจี๊ยบกล่าวความรู้สึกถึงฉายาที่ได้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เจี๊ยบว่าความจริงก็คือความจริง เป็นสัจธรรม ถ้าเราทำอะไรไม่ดีจริง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เจี๊ยบเชื่อว่าเวลา 5 ปีก็ไม่น่าจะน้อยเกินไปกับการพิสูจน์ว่า สิ่งที่คนเคยเข้าใจผิดไป ไม่เข้าใจเรา มองเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ เวลา 4-5 ปีน่าจะพอพิสูจน์ให้เห็นว่า เจี๊ยบไม่ได้ทำเรื่องเหล่านั้น ซึ่งบางคนเข้าใจผิด มันก็แค่คนเข้าใจผิด เพราะถ้ามีเรื่องจริงก็ต้องมีหลักฐาน”
หรือแม้แต่ข่าวแรงที่ว่า หมวดเจี๊ยบเป็นผู้หญิงของคนทักษิณ? เจ้าตัวอึ้งเล็กน้อยก่อนย้อนถามกลับสีหน้าจริงจัง “ผู้หญิงของคุณทักษิณหมายถึงอะไรคะ…ความสัมพันธ์เจี๊ยบกับคุณทักษิณ เป็นแค่คนสัมภาษณ์กับผู้ถูกสัมภาษณ์ คุณทักษิณเป็นแค่นายจ้างเท่านั้น” น้ำเสียงหนักแน่น เช่นเคย
มรสุมข่าวแต่ละเรื่อง “แรง” จนต้องถามถึงความรู้สึกว่าเธอโกรธ หรือกดดันกับชีวิตบ้างไหม “เจี๊ยบไม่โกรธหรอกค่ะ เราไม่ได้ทำอะไรผิด เรารู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่เรื่องจริงก็เลยเฉยๆ เพียงแต่ทำให้เราได้เรียนรู้การวางตัวในสังคมมากขึ้น ยังจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคม เรื่องที่เกิดขึ้น สอนให้เราว่าจะทำอะไร ต้องระวังตัวมากขึ้น เพื่อไม่ให้คนเข้าใจเราผิด คิดแบบนี้มีประโยชน์กว่า เจี๊ยบเข้าใจสังคมในยุคข้อมูลข่าวสาร ที่มันล้นทะลักแบบนี้ คุณเป็นผู้บริโภคสื่อ บริโภคข้อมูล ในแต่ละวันข้อมูลข่าวสารเข้ามาเยอะแยะมากมาย เจี๊ยบไม่โทษคนในสังคม แต่เคยทำงานด้านสื่อมา อยากให้ทุกคนที่รับข่าวสารนี้ต้องใช้สติให้มากๆ ต้องดูหลักฐานที่เป็นรูปธรรมด้วย เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจ แต่พอเขียนหนังสือก็มีคนสนใจเรื่องของเรามากขึ้น เวลาเจอใครจะเล่าเรื่องจริงให้ฟังเท่านั้น เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราบริสุทธิ์ใจ”
///ลูกสาวแม่ค้า
เรื่องของเธอที่คนสนใจย่อมหมายถึงประวัติชีวิตของผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่มีคุณแม่เป็นแม่ค้า คุณพ่อเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ และมีน้องชาย 1 คน สมัยเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 4 คุณพ่อประสบอุบัติเหตุทำให้ชีวิตหักเหต้องไปอาศัยอยู่กับคุณยาย
“ครอบครัวเจี๊ยบเหมือนล่มสลาย อยากให้เป็นตัวอย่างว่า ถึงชีวิตครอบครัวไม่พร้อม แต่ไม่ใช่จะต้องเศร้าตลอดไป แต่เราสามารถยืนขึ้นได้ ฝ่าฟันอุปสรรคการงานและ การเรียนมาด้วยตัวเอง วันหนึ่งจะเป็นวันของเรา ถ้าเราไม่ย่อท้อกับ อุปสรรคก็จะประสบความสำเร็จได้” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจ พลางเล่าย้อนคำสอน ของผู้เป็นพ่อที่ยังระลึกถึงทุกครา
“เจี๊ยบจำได้ว่าตอนพ่อขับรถแท็กซี่ไปถึงสามย่าน พ่อชี้ให้ดูที่นี่คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ่ออยากให้เรียนที่นี่ แม้พ่อแม่ไม่ค่อยมีความรู้ แต่ท่านทั้งสองก็พยายามทำงานหนัก หาเงินส่งเสียให้เราได้เรียนสูงที่สุด เขาไม่รู้ว่าจะให้ไปเรียนอะไร แต่ขอให้ไปเรียนเยอะๆ ให้ดีที่สุด ลูกต้องตั้งใจเรียน พ่ออยากให้ลูกเข้าไปเรียนที่นี่ มันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่คอยกระตุ้นลึกๆ อยู่ในใจ เตือนเราตลอดเวลา เมื่อสิ่งที่เจี๊ยบไม่เคยคาดคิด พอคุณพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุระหว่างหาเงิน เพื่อเลี้ยงดูเรา วันนี้ถ้าวิญญาณคุณพ่อรับรู้ก็อยากบอกว่า คุณพ่อไม่ได้ตายฟรี สิ่งที่พ่อปลูกฝังเรามันอยู่ในหัวตลอด จนทำให้เรามีวันนี้” น้ำตาคลอเบ้า ยามเอ่ยถึงคุณพ่อ
ความมุ่งมั่นทำให้เธอทำตามฝันจนสำเร็จโดยการคว้าปริญญาตรีรัฐศาสตร์ ด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นสอบเข้าเป็นทหาร ที่กรมสรรพาวุธทหารบก ทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการได้เกือบปี จึงย้ายมาประจำที่สำนักงานเลขานุการกองทัพบก แผนกโฆษก แปลข่าวภาษาอังกฤษ ที่เกี่ยวกับกองทัพบกให้ผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไปเรียนต่อปริญญาโท คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แม้ไม่มีประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชน แต่ในวัยเด็กอยากเป็นนักเขียน เพราะชอบเล่าเรื่อง เขียนบันทึก กระทั่งมาเขียนข่าวอย่างจริงจัง ตอนทำงานสังกัดศูนย์วิทยุกองทัพบก ผู้บังคับบัญชาเปิดโอกาสให้ทำรายการสั้นๆ เกี่ยวกับคนพิการ เธอจึงได้เขียนสคริปต์ สัมภาษณ์ และลงเสียงเอง ทั้งนี้ ช่วงนั้นเกิดสถานการณ์อเมริกาบุกอิรัก จนมีผู้ใหญ่ช่อง 5 เห็นแววให้มาทำหน้าที่แปลข่าว แผนกข่าวต่างประเทศ ตรงนี้เป็นโอกาสทำให้เธอได้ทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวสายทหาร และผู้ประกาศข่าว
“ครอบครัวเจี๊ยบเป็นคนธรรมดา แม่เป็นแม่ค้า พ่อเป็นคนขับรถแท็กซี่ มีความรู้แค่ ป.3- ป.4 ไม่ได้เป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม คุณพ่อคุณแม่ทำงานทุกอย่าง เพื่อให้เราได้มีการศึกษาสูงที่สุด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้ เจี๊ยบทำงานการเมืองตรงนี้ก็อยากขอเป็นกำลังใจให้คนที่มีแบล็กกราวน์ในชีวิตแบบเรา แม้ว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่มีอะไรเพียบพร้อม แต่ถ้าเราทำทุกขั้นตอนของชีวิตให้ดีที่สุด วันหนึ่งก็จะพบโอกาสชีวิตที่ดีแบบเจี๊ยบได้”
บทเรียนชีวิตที่ลำเค็ญของ “หมวดเจี๊ยบ” เป็นจุดแข็งที่จะนำพาไปให้เธอประสบความสำเร็จบนถนนการเมืองหรือไม่ คงพิสูจน์ได้อีกไม่นาน…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น