ทูตความดีรุ่นแรกของประเทศไทย “ดี แอมบาสเดอร์”
เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ห้องแกรนด์บอลรูม อาคาร E คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) ถนนรามอินทรา กลายที่รวมตัวของเหล่าเยาวชนผู้เชื่อมั่นในการทำความดีและผู้สนับสนุนที่มาจากทั่วประเทศกันอย่างคับคั่ง เพื่อเป็นสักขีพยานในการตัดสินรอบชิงชนะเลิศของ “โครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย” หรือ “ดี แอมบาสเดอร์” โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ จาติกวณิช ให้เกียรติมาเป็นประธาน
โครงการนี้เป็นการเปิดเวทีให้การทำความดีเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ด้วยการผนึกกำลังขององค์กรภาคีทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม สถาบันวิมุตตยาลัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSRI) ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีงามแก่เยาวชน และกระตุ้นให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคม ตามแนวคิด “วาดอนาคตประเทศไทย ด้วยหัวใจเยาวชน”
เยาวชนที่เข้ารอบสุดท้ายจำนวน 24 คน ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครกว่า 2,000 ทีมทั่วประเทศ มีภารกิจในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาใหญ่ในสังคม โดยแบ่งออกเป็น 3 ทีม ได้แก่ ทีม D1 คิดดี ไม่คิดโกง มีภารกิจในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น โดยได้จัดทำหนังสั้นเรื่อง “ครองโลก” เพื่อปลูกจิตสำนึกที่ดีแก่เด็กๆ และจัดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการโกงในจังหวัดและองค์กรต่างๆ ทีม D2 รักดี ไม่มีท้อง กับภารกิจในการแก้ไขปัญหาการตั้งท้องในวัยเรียน มุ่งสร้างความตระหนักถึงผลกระทบจากการตั้งครรภ์ในวัยเรียนผ่านกิจกรรมหลากหลายทั้งดนตรี การเสวนา ละครเวที ทัศนศึกษา และหลักสูตรพัฒนาท้องถิ่น และทีม D3 เสพดี ไม่เสพยา มีภารกิจในการแก้ไขปัญหายาเสพติด จึงชักชวนเยาวชนกลุ่มเสี่ยงและนักโทษคดียาเสพติดมาร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เพื่อให้เห็นคุณค่าของการทำความดีและเอาตัวออกห่างจากยาเสพติดทุกชนิด
ในรอบชิงชนะเลิศนี้ แต่ละทีมต้องนำเสนอโครงการและกิจกรรมที่ได้ทำไปในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมาภายในเวลาที่กำหนด ต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน และศิลปินดารา รวมทั้งสิ้นถึง 31 ท่าน อาทิ คุณเมตตา อุทกะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด คุณดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย ทพ. กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดร. สุรศักดิ์ จิรวัสตร์มงคล อุปนายกฝ่ายบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานคณะทำงาน โครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย คุณรัชฏะ ศรีบุญรัตน์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายพลังเยาวชนเพื่อการปฏิรูป คุณประสาน อิงคนันท์ ดร. วรภัทร ภู่เจริญ และคุณสุวิกรม อัมระนันทน์ (เปอร์)
ทูตความดีรุ่นแรกของประเทศไทย “ดี แอมบาสเดอร์” (หน้า 2)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พร้อมกันนี้แต่ละทีมรวมถึงผู้เข้าชิงรางวัลทูตความดีประเภทบุคคลยังต้องตอบคำถามของกรรมการกันสดๆ ไม่ว่าจะเป็นคำถามของคุณเมตตาที่ว่า “หลังจากนี้จะทำให้โครงการที่ได้ทำมาเกิดผลต่อเนื่องยั่งยืนได้อย่างไร” คำถามจากคุณประสานที่ว่า “ทำสิ่งต่างๆ เพื่อเปลี่ยนคนอื่นมามากแล้ว แต่ได้เปลี่ยนแปลงตนเองอย่างไรบ้างหรือไม่” คำถามเกี่ยวกับบทบาทที่ควรจะเป็นของสื่อมวลชนในการส่งเสริมการทำความดีจาก ดร. สุรศักดิ์ วิธีการชักชวนวัยรุ่นที่ไม่สนใจให้มาร่วมกิจกรรมต่างๆ จากเปอร์-สุวิกรม ไปจนถึงคำถามสุดหินจากดร. วรภัทร ที่ให้ตั้งคำถามและตอบเอง และถามว่าหากได้ไปอยู่ต่อหน้าผู้นำจากทั่วโลกในเวทีสหประชาชาติ สิ่งที่อยากจะบอกคนเหล่านั้นคืออะไร
แต่ละทีมต่างพยายามนำเสนอโครงการกันอย่างสุดฝีมือและตอบคำถามอย่างสุดความสามารถ ทำให้เหล่ากรรมการรวมถึงผู้ชมต่างพากันทึ่งและตื้นตันใจ จนหลายๆ คนหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติไปกับความคิดดีๆ กิจกรรมดีๆ และความตั้งใจดีของเยาวชนทุกคน
สิ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือ นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยก็ว่าได้ที่มีคนกว่า 1,000 คนมารวมตัวกันจนเต็มความจุของสถานที่จัดงาน เพื่อส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้กับ “คนทำดี” โดยเหล่ากองเชียร์ของแต่ละทีมเดินทางมาจากทั่วประเทศ สวมเสื้อกองเชียร์ที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมอุปกรณ์การเชียร์ครบมือ ไม่ว่าจะเป็นป้ายไฟ ป้ายข้อความ กระบองลม พร้อมเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือเชียร์ทีมโปรดของตนอย่างไม่ขาดระยะ สร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและอบอุ่นไม่แพ้การประกวดความสามารถเวทีอื่นๆ เลยทีเดียว
สำหรับทีมชนะเลิศในปีนี้คือ ทีม D1 คิดดี ไม่คิดโกง ได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษา 400,000 บาท และสิทธิ์ในการดูงานด้าน CSR ในต่างประเทศจาก AIESEC ส่วนผู้ได้รับรางวัลทูตความดีประเภทบุคคล คือ นายปฏิภาณ บุณฑริก (อิฐ) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทีม D1 ผู้มีความโดดเด่นทั้งในด้านการออกความคิด ความเป็นผู้นำ ทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ ซึ่งทันทีที่สิ้นเสียงประกาศรางวัล สมาชิกของทุกทีมต่างกรูกันเข้ามายกตัวเขาชูขึ้นด้วยความดีใจ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับจากเพื่อนๆ ร่วมโครงการอย่างเป็นเอกฉันท์
นอกเหนือจากความดีใจ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของผู้ได้รับรางวัลต่างๆ แล้ว โครงการทูตความดีแห่งประเทศไทยยังได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้เกิดขึ้นกับเยาวชนหลายคนที่เข้าร่วมโครงการ เช่น นายณัฐพงศ์ โพธิเกิด (จ๊อบ) ทีม D2 ที่เคยเป็นเด็กเกเร เที่ยวเตร่ กินเหล้า ไม่สนใจการเรียน ทั้งยังมีความขัดแย้งกับพ่อจนไม่พูดจากันมานาน แต่จากการทำภารกิจและลงพื้นที่จนเห็นปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง ทำให้เขาหันมาคิดถึงครอบครัวและสังคมมากขึ้น พร้อมทั้งเกิดแรงผลักดันที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อผู้อื่น ทัศนคติที่เปลี่ยนไปยังนำมาสู่การปรับความเข้าใจและปรับตัวเข้าหากันระหว่างเขากับพ่อจนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น
ทูตความดีรุ่นแรกของประเทศไทย “ดี แอมบาสเดอร์” (หน้า 3)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ นายจิรัฏฐ์ จงมั่นคง (แท็งค์) ทีม D3 จากที่เคยเป็นคนที่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง เชื่อมั่นในความคิดตัวเองเป็นใหญ่ พอได้มาอยู่ในทีมซึ่งมีสมาชิกที่มีความบกพร่องทางร่างกายรวมอยู่ด้วย รวมถึงได้ลงมือทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมตามโจทย์ของทีม ก็เริ่มมีความคิดที่เปิดกว้างมากขึ้นทีละน้อย ลดอัตตาลง มีความเสียสละที่จะทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงใจ อีกทั้งเรียนรู้ที่คอยช่วยเหลือเพื่อน ใส่ใจพ่อแม่ ช่วยดูแลน้อง และช่วยทำงานบ้านต่างๆ เป็นที่มาของการได้รับรางวัลพัฒนาการดีเด่นในที่สุด
เหนือสิ่งอื่นใด โครงการทูตความดีแห่งประเทศไทยได้สานสายใยแห่งมิตรภาพที่มั่นคงหนักแน่น ในหมู่เยาวชนทั้ง 24 คนที่ต่างช่วยเหลือให้กำลังใจกันและร่วมยินดีกับความสำเร็จของเพื่อน โดยไม่แบ่งแยกทีมเขาทีมเรา และไม่ได้คิดว่ากำลังแข่งขันกันอยู่แม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังรวมถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างที่แต่ละทีมกำลังปฏิบัติภารกิจและต้องประสานความร่วมมือกับเครือข่ายองค์กรหรือกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ต่างๆ เช่น ทีม D3 กับชมรมเพื่อนผู้พิการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกลุ่ม NDR หรืออดีต “แก๊งค์ซามูไร” แห่งภาคเหนือ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รวมตัวของเหล่าวัยรุ่นกลับใจที่มุ่งทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม
ทั้งนี้ ทุกทีมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะสานต่อโครงการที่ตัวเองได้ทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมอย่างกว้างขวางและยั่งยืน ส่งต่อความดีให้คนรอบข้างได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตสดใสให้เมืองไทย ด้วยความเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความดีอยู่ในหัวใจ และมีโอกาสที่จะทำดีได้เสมอ
จากปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย กับการเปิดเวทีความดีให้กับเยาวชนทั่วประเทศ เชื่อว่าจะทำให้หลายคนได้แรงบันดาลใจในการทำความดี หรือรู้สึกคันไม้คันมืออยากออกไปทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมและคนรอบข้าง ในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศไทยคนหนึ่ง เพราะ “ความดี ยิ่งพูด ยิ่งทำ ยิ่งมีพลัง” !
----------------------------------------
บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์จำกัด
พิมพกานต์ ไชยสังข์ / มณฑิรา นิ่งสมบูรณ์ / ปพนพัชร์ ณัฐวีรพจน์
โทร. 08-4362-5857 โทรสาร 0-2610-2346
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น