เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์
///ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์
ผู้สร้างตำนาน เนเจอร์กิฟ
บริจาคที่ดิน 555 ไร่ และเงิน…ล้าน!!
“ขอทำบุญให้มากที่สุด ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่”
อดีตเด็กชายขายขนมในสลัม ปัจจุบันเขาคือ ผู้สร้างอาณาจักร กาแฟเนเจอร์กิฟและ มั่งคั่งเป็นพันล้าน ด้วยแรงศรัทธาแห่งธรรม จึงเกิดเป็นแรงหนุนให้บริจาคเงินและที่ดิน มูลค่ามหาศาล ผลบุญดังกล่าวสร้างอานิสงส์ให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีได้จริงหรือ?
อาณาจักรเนเจอร์กิฟ ย่านพุทธมณฑล สาย 5 เปรียบเสมือนบทพิสูจน์แห่งความสำเร็จ บนเส้นทางธุรกิจของ ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ กรรมการผู้จัดการ หจก.เนเจอร์กิฟ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตเครื่องดื่มลดความอ้วน และบำรุงสุขภาพปรุงสำเร็จในชื่อ เนเจอร์กิฟ เพราะไม่เพียงรายได้ จากการจำหน่ายกาแฟจะพุ่งพรวดขึ้นจนเจ้าตัวเองยังคาดไม่ถึง ทว่า ดร.กฤษฎา ยังได้รับเลือกให้เป็น บุคคลคุณภาพแห่งปี 2010 จาก มูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยอีกด้วย
/// บริจาคที่ดิน 555 ไร่ เพื่อฟื้นฟูศีลธรรม
จากเด็กสลัมที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ไปมหาวิทยาลัยยังต้องกินน้ำก๊อก แต่วันนี้เขามีทุกสิ่งทุกอย่างดังปรารถนา บ้าน, รถยนต์คันหรู และโรงงาน 3 แห่ง รวมมูลค่านับพันล้าน ทั้งหมดนั้นเขาเชื่อว่าเกิดจากบุญที่ทำมาตลอดชีวิต
“ผมเชื่อว่าบุญที่ผมบริจาคที่ดินจำนวน 555 ไร่ ส่งผลให้ผมมีวันนี้ เพราะจู่ๆ ธุรกิจของผม ก็พุ่งพรวดๆ ขึ้นจากไม่กี่ปี ตั้งแต่บริษัทที่เป็นโรงรถ จากห้องเช่าขยายโรงงานถึง 3 แห่ง โรงงาน DK1 มูลค่า 18 ล้าน, โรงงาน DK2 มูลค่า 200 ล้าน และโรงงาน DK3 มูลค่า 500 ล้าน ซึ่งไม่มีสาเหตุอะไรเลยที่ทำให้ธุรกิจผมโตได้ขนาดนี้ ตอนแรกที่เราทำกาแฟไปยืนขายก็ไม่มีใครซื้อ ให้ชิมฟรียังไม่มีใครกล้าชิมเลย (หัวเราะ) โนเนมบ้าง กาแฟอะไรไม่รู้จัก แต่ผลบุญที่ผมได้ทำ บวกกับเราบริจาคที่ดิน ไม่รู้ตรงนี้หรือเปล่า ทำให้ยอดขายก้าวกระโดด ทุกวันนี้เรามีตัวแทนขายอยู่เป็นหมื่นจุดทั่วประเทศ แล้วส่งไปขายทั่วโลก” ความสำเร็จที่เขาเชื่อว่าเกิดจากการทำบุญและบริจาคที่ดิน
/// ความเชื่อ...ยิ่งบริจาคยิ่งได้
ความตั้งใจในการบริจาคที่ดินจำนวน 555 ไร่ ในจ.ลพบุรีให้กับ “ตะวันธรรม” เพื่อเป็นศูนย์อบรมเยาวชนลพบุรี ให้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา โดยสร้างเป็นธรรมศาลาเพื่อใช้ประชุมสงฆ์ ได้ถึง 5,000 รูป และตลอดปีจะมีเด็กนักเรียนเข้ามาอบรมศีลธรรม ฝึกทำสมาธิ แต่ละเดือน ดร.กฤษฎา จะเป็นผู้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่ายาม เงินเดือนผู้จัดการและทุกปีในเดือนพฤศจิกายน- ธันวาคม จะจัดงานตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 10,000 รูป เพื่อกระตุ้นให้สังคมเมืองตระหนัก ถึงการดำรงชีวิตแบบไทย
“ผมบริจาคที่ดินไปนั้นไม่เคยคิดเสียดายอะไรเลย คิดเพียงว่า ที่ดินอยู่กับเราก็ไม่รู้จะเอามาทำอะไร พอผมหันมาทำกาแฟ จากที่ภรรยาต้องดูแลไร่แก้วมังกรและเดินทางไปมา พอเลิกทำ เขาก็ไม่ต้องเดินทาง ซึ่งน่าจะดีกว่า การบริจาคที่ดิน ลูกๆ และภรรยาก็เห็นด้วยไม่มีใครคัดค้าน” ดร.กฤษฎา เล่าถึงเหตุผลของการบริจาคที่ดินมูลค่านับร้อยล้านด้วยใจเป็นกุศล
นอกจากนี้รายได้จากการขายกาแฟส่วนหนึ่ง เขายังนำไปทำบุญ ทำทาน สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ สร้างพระ สร้างศาลาปฏิบัติธรรม สร้างกุฏิพระ พิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทานตามวัดต่างๆ พร้อมสนับสนุนงานบวชพระ บวชอุบาสิกา ตั้งแต่ปี 2551 รวมถึงการคืนกำไรให้สังคม ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนไปแล้วหลายล้านบาท “ผมให้ทุนการศึกษาเพราะตอนเป็นเด็กผมได้ทุนการศึกษา 300 บาท ทำให้เรียนจบมัธยม วันนี้ผมมีกำลังที่จะตอบแทนได้ผมก็ทำ เมื่อเด็กมารับทุน ก็จะมีการสอนให้เป็นคนดี มีศีลธรรม และแนะวิธีการทำสมาธิ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เด็กในอนาคต” เศรษฐีพันล้านเล่าด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่าบุญยิ่งทำยิ่งนำพาชีวิตไปสู่สิ่งที่ดี
“ทุกวันนี้ผมตั้งเป้าทำบุญไหม ผมอยากบอกว่าเราไม่ได้ตั้ง แต่เราขอทำบุญให้มากที่สุด ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ตรงนี้ ผมเชื่อ กฎแห่งกรรมว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เหมือนกับเราปลูกถั่วงอก เราก็ได้ถั่วงอก ปลูกมะม่วงก็ได้มะม่วง เมื่อเรามีกำลังที่จะบริจาค เราก็จะบริจาค แต่ผมไม่ได้บอกว่า ต้องทำบุญเยอะๆ นะ แต่ขอให้ทำตามกำลังศรัทธา บางเดือนเงินเดือนของผม ผมจะถามลูกสะใภ้เงินเดือนเหลือเท่าไหร่ ลูกสะใภ้ (วิชุดา จ่างใจมนต์) บอกว่าป๋าหักไป ทำบุญหมดแล้ว(หัวเราะ)”
/// เด็กสลัม…สู่มหาเศรษฐีพันล้าน
กว่าจะก้าวสู่นักธุรกิจพันล้านและเป็นที่รู้จักเฉกเช่นทุกวันนี้ ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ หรือชื่อภาษาจีนว่า “ง่ายซอ” ต้องเผชิญกับความลำบากตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของเขาเดินทางจากเมืองจีน มาเช่าห้องพักเล็กๆ ในตลาดปีระกา ย่านวังบูรพา เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นพ่อค้าหาบก๋วยเตี๋ยวขาย (ถัดมาเปลี่ยนมาขายกาแฟที่ดำเนินสะดวก ราชบุรี) ส่วนแม่เป็นช่างเย็บผ้า ในฐานะพี่ชายคนโตที่มีน้องๆ 5 คน (ซูลั้ง, ง่ายกิม, ซูเตียง, ซูง้อ, เซียะล้ง) “ง่ายซอ” จึงขยันทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาจุนเจือครอบครัว ไม่ว่าจะไปรับขนมสาคู, ขนมชั้นมาขายในสลัม วิ่งรอกขายไอติม วันไหนหวยออกก็ต้องไปโรงพิมพ์แถวสี่แยกเฉลิมกรุง เพื่อรับเรียงเบอร์มาเดินขาย…แต่ยามว่างเขาชอบไปเดินเล่นในวัด
“ตอนเด็กๆ ผมชอบดูพระบิณฑบาต ไม่มีเงินทำบุญอะไร แค่ได้เห็นคนตักบาตรผมก็สบายใจ มีความสุข พอพระเดินผ่านมาผมก็ยกมือไหว้ แล้วชอบไปเดินเล่นในวัดสระเกศ, วัดมหรรณพาราม, วัดสุทัศน์ ผมยังชอบอ่านป้ายที่เขียนข้อความเรื่องนรกสวรรค์ คนทำบาป ทำผิดศีล มีภาพต้นงิ้ว กระทะทองแดง พอเดินอ่านเสร็จก่อนกลับบ้านผมจะทำบุญ บางวันสลึง หรือห้าสิบสตางค์ ไม่ได้คิดว่าเงินหายากหรืออยากเก็บเอาไว้ซื้อขนม เวลาทำบุญผมก็อธิษฐาน ขอให้เราคิดแต่เรื่องที่ดี ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง ตายไปจะได้ไม่ต้อง ตกนรกกินน้ำทองแดงเหมือนในรูปข้างผนังโบสถ์” นั่นเองที่หล่อหลอมให้ ดร.กฤษฎา ใฝ่ในทางธรรมมาตั้งแต่วัยเยาว์
//ฉายา “ไอ้ดอกเตอร์”
ดร.กฤษฎา เริ่มต้นเรียนชั้นประถมที่ รร.ราชบพิตร เรียนมัธยมที่วัดสระเกศ ถือว่าเป็นเด็กเรียน จนเพื่อนๆ ให้ฉายา “ไอ้ดอกเตอร์” “ผมชอบท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ จนถูกเพื่อนตะโกนแซวว่าเป็น เด็กประหลาด ท่องอะไรไม่รู้ทุกวัน จนเพื่อนๆ ในห้องก็พากันเรียกผมว่า ไอ้ดอกเตอร์ เพราะในสมุดการบ้านของผมทุกเล่มจะเขียนคำว่า ดร. แทนคำว่า เด็กชาย ตอนนั้นผมก็ไม่รู้แปลว่าอะไร ” บอสใหญ่เนเจอร์กิฟ กล่าวหัวเราะอารมณ์ดี เพราะวันนี้เขากลายเป็นดอกเตอร์ไปแล้ว โดยคุณกฤษฎาเล่าต่อว่า เขาเรียนจบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ไฟฟ้า) จากจุฬาฯ และปริญญาโท เอ็มบีเอ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นก็คว้าปริญญาเอกจาก American Coastline University สหรัฐอเมริกา
ที่ผ่านมา ดร.กฤษฎา ทำงานมาหลากหลายอาชีพ กระทั่งหลังสมรสกับภรรยาคนปัจจุบัน (คุณทัศนีย์) และมีทายาทด้วยกัน 3 คน (ปิยะพงศ์, ศุภสิทธิ์, สุจิตรา) จึงเปิดบริษัท แอ็คติวิตี้ อิเล็คทริค ทำหน้าที่ตั้งแต่เจ้าของ ผู้จัดการ การตลาด เก็บเช็ค เป็นแม้กระทั่งเด็กขับรถส่งของ และปัดกวาดเช็ดถูออฟฟิศ
ธุรกิจขายเครื่องฟอกอากาศ เครื่องทำน้ำแร่ ที่เขาเป็นเจ้าของทำให้ครอบครัว “จ่างใจมนต์” มีฐานะมั่นคง และสามารถสร้างโรงงานเป็นของตัวเอง กระทั่งราวปี 2540 ยุคฟองสบู่แตก จึงทำให้มีหนี้สิน 30 ล้านบาท จากเศรษฐีขับรถบีเอ็มดับบลิว จึงต้องไปจับจอบขุดดินปลูกแก้วมังกร 40 ไร่บนพื้นดิน 500 ไร่ ที่แยกวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้
/// อาหารเสริมพืช...สู่อาหารเสริมคน
เกษตรกรมือใหม่พยายามเรียนรู้และลองผิดลองถูกกับงานไร่ทุกอย่าง ตั้งแต่ผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ และทำอาหารเสริมสำหรับกุ้งขาย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ประสบผลสำเร็จ กระทั่งราวปี 2545 เขาเกิดไอเดียใหม่อีกครั้ง “บ่ายวันหนึ่ง ขณะผมนั่งกินข้าวกับครอบครัวก็เกิดไอเดียใหม่ ผลิตอาหารเม็ดเป็นสารอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์จากธรรมชาติ ลูกสาวก็เอ่ยขึ้นเสียงดัง ป๊าตั้งชื่อ เนเจอร์กิฟ ดีไหม แปลว่า ของขวัญจากธรรมชาติ พอผลิตออกมาลูกชายคนโต (น้องพงษ์) จบปริญญาตรีเกียรตินิยมทางด้านการเงิน ก็มาช่วยขายอาหารเสริมตัวนี้ ช่วงแรกๆ ภรรยาและลูกนำสินค้าไปแนะนำตามร้านต่างๆ แต่ก็ถูกปฏิเสธ
“ตรงนี้เข้าใจได้ว่าอาหารเสริมเป็นสินค้าที่ขายค่อนข้างยาก บุกตลาดอยู่นานก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนวันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2546 คุณปรัชญาซึ่งเป็นสมาชิกอาหารเสริม ได้มาฟังการบรรยายแล้วเดินเข้ามาเปรยว่า ถ้าอาหารเสริมขายยาก ทำไมไม่ลองขายของใช้ประจำวันเช่น สบู่ ยาสีฟัน และกาแฟ ความคิดตรงนั้นก็คิดว่าการผลิตกาแฟน่าจะมีความเป็นไปได้
“ผมเลยไปเดินซื้อกาแฟสารพัดยี่ห้อ เอากลับมาลองชง ลองเติมครีมบ้าง น้ำตาลบ้าง เพิ่มตัวนั้น ลดตัวนี้ เรียกว่ากินกันจนมึนไปทั้งบ้าน จนได้สูตรของเรา ผมเลยลองชงกาแฟ 50 ถ้วยไปเสิร์ฟให้กับสมาชิกในวันที่เรามีการประชุมเครือข่ายที่จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดเลย ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก ผมเลยนำความรู้ด้านอาหารเสริมมาใส่ลงไปในกาแฟ” ไม่น่าเชื่อจากกาแฟธรรมดา กลายเป็นกาแฟที่มีสารอาหารจากธรรมชาติจนสร้างเม็ดเงินเป็นพันล้าน
///”ความฝัน” นำสู่ความสำเร็จ...
ความสำเร็จในวันนี้ อาจมาจากผลบุญที่เขาสั่งสมตามความเชื่อ แต่ประสบการณ์และการต่อสู้บนเส้นทางธุรกิจก็เป็นเข็มทิศที่น่ายกย่องไม่แพ้กัน
“วันที่กำลังผลิตกาแฟขาย ก็มีแบงก์โทรศัพท์เข้ามาถามว่า หนี้จะผ่อนยังไง เห็นหยุดผ่อนมาหลายงวดแล้ว ผมบอกให้รออีกนิดหนึ่งผมกำลังทำกาแฟขาย ผมคิดว่าจะขายดี เขาย้อนถามทันทีเห็น ดอกเตอร์บอกว่าขายดีทุกโปรเจกต์ แล้วก็ล้มทุกที (หัวเราะ) ผมบอกว่าคุณเคยเห็น มิสเตอร์ฮอนด้าไหม เขาบอกว่า สิ่งที่เขาล้มเหลว 95 % แต่สิ่งที่เขาประสบความสำเร็จมีแค่ 5 % เพราะฉะนั้นคุณคอยผมอีกนึดหนึ่ง ถึงยังไงผมก็จ่ายหนี้คุณได้แน่ เรื่องนี้ยกตัวอย่าง เพื่อมองให้เห็นว่า ถึงจะล้มกี่ครั้งก็ตาม ถ้ายังไม่หยุดก็ยังไม่แพ้ แต่ถ้าหยุดเมื่อไหร่ก็แพ้ เมื่อนั้น กว่าจะไปถึงความสำเร็จได้นั้นทุกคนต้องมีเป้าหมายก่อน
“ผมเองสมัยอยู่สลัม ฝันอยากมีรถขับยังไปทำใบขับขี่ล่วงหน้าถึง 5 ปี (หัวเราะพร้อม กับโชว์ใบขับขี่ให้ดู) เรามีเป้าหมายก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้เราไม่หยุดฝัน คนที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องมีความฝันก่อน ผมฝันอยากมีสนามหญ้าหน้าบ้าน ฝันถึงรถ ผมก็ต้องให้เห็นภาพ และต้องมีความเชื่อว่าเราทำได้ เชื่อว่าเราจะได้เป็นเจ้าของสิ่งที่เราฝัน และข้อต่อไปก็คือลงมือทำ ทำไมผมเปลี่ยนธุรกิจตั้งหลายอย่าง บางคนพลาดหวังไม่ได้อย่างที่ฝัน สุดท้ายเขาก็ต้องหาวิธีอื่นเพื่อไปสู่จุดฝันได้”
เรื่องราวความสำเร็จของเจ้าพ่อเนเจอร์กิฟ ที่วันนี้เขาเชื่อว่าผลบุญส่งให้เขามีในสิ่งที่ฝัน และได้ในสิ่งที่ต้องการ…
////////////////
“ผมเชื่อว่าบุญที่ผมบริจาคที่ดินจำนวน 555 ไร่ ส่งผลให้ผมมีวันนี้ เพราะจู่ๆ ธุรกิจของผมก็พุ่งพรวดๆ ขึ้นจากไม่กี่ปี ตั้งแต่บริษัทที่เป็นโรงรถ จากห้องเช่าขยายโรงงานถึง 3 แห่ง”
“ทุกวันนี้ผมตั้งเป้าทำบุญไหม ผมอยากบอกว่าเราไม่ได้ตั้ง แต่เราขอทำบุญให้มากที่สุดตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ ตรงนี้ผมเชื่อกฎแห่งกรรมว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เหมือนกับเราปลูกถั่วงอก เราก็ได้ถั่วงอก ปลูกมะม่วงก็ได้มะม่วง”
“คนที่จะประสบความสำเร็จจะต้องมีความฝันก่อน ผมฝันอยากมีสนามหญ้าหน้าบ้าน ฝันถึงรถ ผมก็ต้องให้เห็นภาพ และต้องมีความเชื่อว่าเราทำได้ เชื่อว่าเราจะได้เป็นเจ้าของสิ่งที่เราฝัน”
/////////////
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ WhO? Magazine ฮู แมกกาซีน
ทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของเดือน
http://www.whoweeklymagazine.com/
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์
โทร.086-389-5835
โทรสาร 02-654-7577 02-654-7577
นับถือมากครับ
ตอบลบ