เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์
แรงศรัทธา…คุณยายทัศนีย์ บุรุษพัฒน์
“เมื่อเกิดก็ไม่มีอะไรถือติดมือมา และเมื่อตายก็ไม่มีอะไรถือติดมือไป”
Intro : อดีตเจ้าของโรงเรียนปริญญาทิพย์ ตั้งใจก่อนหมดลมหายใจขอถวายที่ดิน 100 ไร่ แด่พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี) เป็นพุทธบูชา เพื่อสร้างวัดป่าวิมุตตยาลัย มูลค่า 50 ล้านบาท ของที่ดินนั้น มิอาจเทียบได้กับการทำความดี ที่ช่วยทำให้ชีวิตเป็นสิ่งที่มีราคามากที่สุด
Body: ศรัทธาแห่งธรรมของ คุณยายทัศนีย์ บุรุษพัฒน์ อดีตเจ้าของโรงเรียนปริญญาทิพย์ ซึ่งบริจาคที่ดิน 100 ไร่ รังสิตคลอง 14 จ.ปทุมธานี ถวายพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย จากผืนดินที่ว่างเปล่า บัดนี้กำลังดำเนินการสร้างเป็นวัดป่า วิมุตตยาลัย อันมีความหมายว่า “พุทธศาสนาไทย เพื่อสันติภาพโลก”
/// บริจาคที่ดิน 100 ไร่ มูลค่า 50 ล้าน
ทุกวันนี้คุณยายวัย 93 ปี อาศัยอยู่กับบุตรชายคนกลาง (พ.อ.ประวิทย์ บุรุษพัฒน์) ที่บ้าน ย่านลาดพร้าว แม้จะล่วงเข้าวัยชรามากแล้ว แต่คุณยายทัศนีย์กลับเดินเหินได้อย่างกระฉับกระเฉง พร้อมเล่าความทรงจำที่ยังปรากฏแจ่มชัด ในครั้งแรกที่ได้อ่านงานเขียนของพระนักปราญช์หนุ่ม ที่ใช้นามปากกาว่า ว.วชิรเมธี จากผลงานพ็อกเก็ตบุ๊ก “ธรรมะติดปีก” เมื่อหลายปีก่อน ด้วยความประทับใจในวิธีการถ่ายทอดคำสอนหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ผ่านตัวอักษรที่กลั่นกรองเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย อ่านได้ไม่รู้เบื่อ จึงติดตามผลงานทุกเล่ม และ หวังใจลึกๆ ว่าคงได้มีโอกาสพบพระนักเขียนรูปนี้สักครั้งในชีวิต
กระทั่งวันหนึ่งด้วยความบังเอิญ คุณยายทัศนีย์ได้ไปกราบพระเมธีวชิรญาณ รองเจ้าอาวาส วัดราชโอรสาราม ที่ทำให้ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับสันติอโศก ของ สอาด จันทร์ดี ซึ่งจัดพิมพ์โดย อ.กมล ศรีนอก คุณยายจึงได้ร่วมทำบุญพิมพ์หนังสือเล่มดังกล่าวเป็นธรรมทาน และที่สุดก็ได้ทราบว่าเจ้าของผลงานพ็อกเก็ตบุ๊กที่คุณยายติดตามอ่านทุกเล่มเป็นลูกศิษย์ของ อ.กมล และได้เป็นผู้พาคุณยายไปกราบพระมหาวุฒิชัยที่สถาบันวิมุตตยาลัย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552
หลังจากที่ได้มีโอกาสไปกราบนมัสการและร่วมทำบุญบวชสามเณร และร่วมทำบุญ สงกรานต์ที่วัดครึ่งใต้ จ.เชียงรายแล้ว เอกสารโครงการวัดป่าชานเมืองที่ได้รับจากท่าน ว.วชิรเมธี ถือเป็นปฐมเหตุที่ทำให้คุณยายมีความตั้งใจจะบริจาคที่ดินอีกครั้ง เพื่อร่วมสร้างวัดป่าชานเมือง เช่นเดียวกับเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่เคยบริจาคที่ดิน 7 ไร่ใน จ.ปทุมธานีให้กับมูลนิธิพร รัตนสุวรรณ เพื่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมมาแล้ว
“ในตราสารของมูลนิธิพร รัตนสุวรรณ ระบุว่า หากวันใดมูลนิธิฯ เลิกกิจการ ที่ดินตรงนี้ จะตกเป็นของวัดมหาธาตุฯ ฉันก็เลยสบายใจ ตอนนี้ที่ดินตรงนั้นขายกันไร่ละ 4 ล้านแล้ว ฉันก็ ไม่ได้เสียดายอะไร เพราะอยากทำบุญมากกว่า” คุณยายเล่าถึงเหตุในการบริจาคที่ดินครั้งแรก
หลังจากที่คุณยายแสดงเจตจำนงในการถวายที่ดิน 50 ไร่ เพื่อใช้เป็นที่ก่อตั้งสถาบัน วิมุตตยาลัย ท่านว.วชิรเมธีและคณะกรรมการสรรหาที่ดินจึงได้ลงพื้นที่สำรวจที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ตั้งอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ด้วยความพร้อมของ สภาพพื้นที่ ทางคณะกรรมการจึงตกลงรับที่ดินและให้เป็นสถานที่ก่อตั้งวัดป่าวิมุตตยาลัย (สถาบันวิมุตตยาลัย) เพื่อเป็นสำนักงานถาวรในการขับเคลื่อนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกต่อไป
“ฉันเป็นผู้จัดการมรดกที่ดินของสามี ดังนั้นที่ดินจึงถูกแบ่งเป็นของเมียและเป็นของลูก ฝ่ายละครึ่งหนึ่ง ฉันก็เลยบริจาคที่ดินครึ่งที่เป็นส่วนของตัวเองถวายท่าน ว. ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์ ไปเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 แล้วท่านก็จะขอซื้อที่ดินที่เหลืออีก 50 ไร่ ก็ได้บอกท่านไปว่า ที่ดิน ตรงนี้ไม่ขายหรอกเป็นของลูก แต่หลังจากได้ไตร่ตรองแล้ว ฉันได้ไปคุยกับลูกๆ ว่า ขอแลกที่ดินอีก 50 ไร่ ของลูกมูลค่า 25 ล้าน กับที่ดินของแม่ 2 ไร่ตรงซอยรางน้ำมูลค่า 100 ล้าน ให้ลูก 3 คน แบ่งกัน ก็ได้คนละ 30 ล้านแล้ว ลูกทั้งสามคนก็ยินยอมจึงได้อนุโมทนาบุญร่วมกัน” คุณยายทัศนีย์ เล่าพลางยิ้มอย่างอิ่มเอิบที่ทั้งครอบครัวได้ทำบุญร่วมกุศลกันครั้งใหญ่ในชีวิต
/// ที่มาตระกูลคุณยายใจบุญ
หลายคนคงอยากทราบประวัติความเป็นมาของแลนด์ ลอร์ดผู้นี้ว่ามีที่มาอย่างไร คุณยาย เล่าเรื่องราวของครอบครัวให้ฟังโดยคร่าวๆ ว่า พื้นเพของคุณยายเกิดมาในครอบครัวสัมมาทิฐิที่มี คุณธรรมและประกอบสัมมาอาชีพสุจริตมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ซึ่งเป็นชาวนาจังหวัดลพบุรี มาจนถึง คุณพ่อ ซึ่งบวชเรียนที่วัดมหาธาตุวรราชรังสฤษฏ์ ตั้งแต่เป็นสามเณรกระทั่งเป็นพระภิกษุจบ เปรียญธรรม 6 ประโยค เมื่อลาสิกขาจากสมณเพศไปมีครอบครัวก็ได้ใช้ความรู้ที่ได้ศึกษา วิชากฎหมาย จบเนติบัณฑิต รับราชการในตำแหน่งผู้พิพากษาจนเกษียณ และได้มาช่วยงาน พระพุทธศาสนาด้วยการรับเชิญไปบรรยายธรรมเป็นประจำ กระทั่งได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม ศิษย์มหาธาตุคนแรก ในการขอพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6
“คุณพ่อกราบทูลไปว่าบิดาของท่านชื่อสุด ปู่ของท่านชื่อกล่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงพระราชทานนามสกุลให้ว่า กลัมพะสุต ขอให้ลูกหลานทุกคนที่ใช้นามสกุลนี้ จงภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกหลานของพระทิพย์ปริญญา (ธูป กลัมพะสุต)” นั่นคือความเป็นมา ของตระกูลคุณยายผู้ใจบุญ ซึ่งต่อมาได้สมรสกับพันเอกพิเศษเฟื่อง บุรุษพัฒน์ เมื่อปี 2481 มีบุตรชาย 6 คน เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน
ในปี 2494 คุณยายเริ่มก่อตั้งโรงเรียนปริญญาทิพย์ที่ถนนรางน้ำ ด้วยการลงทุนร่วมกับ พี่สาวซึ่งเป็นครูที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กระทั่งปี 2500 พี่สาวเสียชีวิตลง ทำให้คุณยายจึงต้องรับภาระหน้าที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนตลอดมาจนเลิกกิจการเมื่อปี 2547 ทว่าปัจจุบันคุณยายยังเป็นเจ้าของ “หาดทัศนีย์ & แคมป์กราวนด์” สถานที่พักตากอากาศติดชายทะเล บนพื้นที่ 16 ไร่ ในเขตติดต่อระหว่างชะอำและหัวหินอีกด้วย
///ความดีรักษา ชีวิตรอดปลอดภัย
ตลอดระยะเวลาที่นั่งสนทนากัน ใบหน้าที่แย้มยิ้มแจ่มใสและสุขภาพที่ดูแข็งแรง ด้วยยัง เดินเหินและพูดจาโต้ตอบได้อย่างคล่องแคล่วต่างจากวัย ทว่าหญิงชราที่อายุใกล้หลักร้อยเต็มทน กลับบอกว่า ร่างกายมีปัญหาทั้งมีโรคประจำตัวเป็นโรคลมชัก ประกอบกับมีอาการเจ็บป่วย เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ใกล้สะโพกมีรอยร้าวจากเหตุหกล้ม ทุกวันนี้จึงต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ได้สั่งเสียลูกหลานไว้ว่า หากหมดลมหายใจให้นำร่างไปทำพิธีตามประเพณี ณ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ โดยไม่ต้องจัดพิธีให้ใหญ่โตแต่อย่างใด
คำขอในวาระสุดท้ายที่แสดงถึงความเรียบง่าย สวนทางกับความเป็นอยู่ที่มีอันจะกินของ ครอบครัว ที่สำคัญยังปราศจากการยึดมั่นถือมั่น ถึงขั้นสละทรัยพ์สินที่ดิน มูลค่ามหาศาลได้อย่าง ไม่นึกเสียดาย คุณยายเผยความรู้สึกในการบริจาคที่ดินครั้งล่าสุดว่า
“สาเหตุที่ฉันบริจาคที่ดินให้วัดเป็นความตั้งใจว่า ท่าน ว.จะสร้างวัดป่ายังไงก็แล้วแต่ท่าน ถ้าฉันตายไปแล้วก็เป็นบุญที่ได้ทำบุญไว้ในพระพุทธศาสนา ฉันไม่เคยคิดเสียดายกับที่ดิน ที่บริจาค เมื่อคราวบริจาคที่ดิน 7 ไร่มีคนมาถามฉันเหมือนกันว่า ที่ดินนั้นมูลค่า 30-40 ล้าน ไม่เสียดายหรือ ฉันก็บอกว่าฉันไม่เสียดาย เพราะฉันตั้งใจทำเพื่อพระพุทธศาสนา เราเป็นผู้หญิง บวชก็ไม่ได้ พอได้ทำบุญใหญ่ครั้งนี้ชีวิตมีความสุขมาก จริงๆ การทำทาน ถือศีล ยังไม่เท่ากับ การภาวนา ที่ทุกวันนี้ฉันก็ภาวนาประจำ เพราะชีวิตที่ไม่ปฏิบัติธรรม เหมือนภาชนะที่ปราศจาก อาหาร เหมือนแผ่นดินที่ว่างเปล่า ย่อมหาประโยชน์อันใดมิได้”
“การพยายามทำความดีไว้นั้น เป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตเป็นสิ่งที่มีราคา หากทุกคน พยายามทำความดีให้มากและทำไว้เสมอ ความดีจักรักษาชีวิตของตนให้อยู่รอดปลอดภัยทุกเมื่อ มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้เหมือนกันหมด ทั้งเวลาเกิดและเวลาตาย คือเมื่อเกิดก็ไม่มีอะไรถือ ติดมือมา และเมื่อตายก็ไม่มีอะไรถือติดมือไป” คุณยายทัศนีย์ให้ข้อคิดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจ
///////////////
อานิสงส์การถวายที่ดินเพื่อพระพุทธศาสนา
อานิสงส์ในการซื้อที่ดินถวายวัด
จะส่งผลให้ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน แผ่นดินนั้นก็จะเจริญงอกงาม ด้วยเพราะอานิสงส์แห่งการถวายที่ดินให้แก่พุทธศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดภพชาติใด ก็จะมีที่ดินเป็นของตัวเอง และเป็นที่ดินที่มีทำเลดี เป็นที่ต้องการของคนทั้งหลาย เราจะไม่ต้องเร่ร่อน ไม่อดอยาก เมื่อจากโลกนี้ไปแล้วจะมีวิมานที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แก้กรรมให้กับผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน ต้องเช่าเขา ถูกเขาโกงที่ หรือเกิดมาชาตินี้ต้องมาอยู่ที่แออัด คับแคบ แย่งกันอยู่ แย่งกันใช้
การทำบุญด้วยการถวายที่ดิน
ผู้ที่ทำบุญด้วยการถวายที่ดินแด่พระสงฆ์ นับว่าเป็นการ สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ จะได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้ปกครองแผ่นดินหรือบริหารประเทศ ความที่เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่จึงมีคนพากันยกย่องสรรเสริญจำนวนมาก ในเรื่องของความมั่นคงทางกาย-ใจ ไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องประสบ เพราะเป็นผู้ที่หนักแน่น ทำการใดก็เจริญและได้รับการยอมรับ เสมอ และมีความสุขทั้งชีวิต
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ WhO? Magazine ฮู แมกกาซีน
ทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของเดือน
http://www.whoweeklymagazine.com/
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์
โทร.086-389-5835
โทรสาร 02-654-7577 02-654-7577
🙏🙏🙏
ตอบลบ