สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

ชีวิตสันโดษในบ้าน รมว.สาธารณสุข หมออ๊อด-วิทยา บุรณศิริ ลงพื้นที่น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา



นิตยสาร WhO?

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : นพพล ภาคสุทธิผล

แต่งหน้า : อิสรีย์ พงศ์พฤกษ์ชาติ

ชีวิตสันโดษในบ้าน รมว.สาธารณสุข

หมออ๊อด-วิทยา บุรณศิริ

ลงพื้นที่น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา

ตามติดภารกิจและชีวิตสันโดษภายในบ้านแสนสงบของ รมว.สาธารณสุข ใน จ.พระนครศรีอยุธยา อดีตเด็กมหา'ลัยเหมืองแร่ที่ไต่เต้าจนได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมีผู้หญิง อยู่เบื้องหลัง!!

วันที่ควรจะเป็นวันว่างของ วิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กลับกลายเป็นวันที่แน่นเอี้ยดด้วยภารกิจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น ในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะ ส.ส.ในพื้นที่ มออ๊อด-วิทยา ใช้เวลาเท่าที่อำนวยลุยน้ำแก้ปัญหาพร้อมให้กำลังใจผู้ประสบภัยในหลายอำเภอ

WhO? มีโอกาสตามติดการทำงานของ “หมออ๊อด” ตั้งแต่เช้ามืด เริ่มตั้งแต่ลงพื้นที่นอนค้างคืนที่ วัดสะตือ .ท่าเรือ กับหัวหน้าส่วนราชการและผู้นำท้องถิ่น เพื่อประสานระหว่างชลประทาน ในการวางแผนป้องกัน รวมทั้งเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยให้ทุเลาจากความเดือดร้อน โดยเฉพาะด้านจิตใจากนั้นเดินทางไปประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับนายกรัฐมนตรี ที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและการให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ก่อนจะมุ่งหน้าไป อ.มหาราช พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่

กว่าจะถึงบ้านพักที่ อ.บางปะอิน ตะวันชิงพลบไปก่อนแล้ว แต่โชคดีที่บ้านคุณวิทยาอยู่ใกล้ ถนนสายหลักน้ำจึงยังท่วมไม่ถึง แต่กระนั้นการเห็นประชาชนโดนผลกระทบจากน้ำท่วม ท่านรัฐมนตรีถอนหายใจก่อนบอกถึงความรูู้สึกเห็นใจด้วยสีหน้าเศร้า ว่าจากนี้ไปคงเตรียมนำปัญหาไปสู่การปฏิบัติเป็นวาระแห่งชาติ

“อุทกภัยไม่ใช่มีประเทศไทยประเทศเดียวที่ประสบภัยพิบัตินี้ แต่มีอีกหลายประเทศที่เจอ เราต้องเตรียมรับมือ และจัดการ 25 ลุ่มน้ำให้เป็นระบบ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะเสียโอกาส ในการพัฒนาหลายๆ ด้าน” แต่หากถามว่าอยากได้รับความช่วยเหลืออะไรมากที่สุด เจ้าตัวกล่าวพลางพูดติดตลกว่า "ตอนนี้อยากจะเสกน้ำออกไปจากจังหวัดให้หมด"

//บ้านรักสง

แม้จะตรากตรำกับการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนนอกบ้าน แต่เมื่อกลับถึงบ้านเขาได้รับความสุขกลับคืนมาเสมอ ภายใต้ชายคาที่ตกแต่งแบบเรียบง่ายขนาด 2 ไร่ ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่และรายล้อมด้วยเสียงหรีดหริ่งเรไร บ้าน 2 ชั้น หลังนี้สร้างผสมผสานระหว่างไม้กับปูน ภายนอกเป็นสีโทนเหลือง บวกกับอิฐสีน้ำตาลอ่อนสลับตัวผนังของบ้าน

ย่างก้าวเข้าไปในบ้าน ชั้นล่างถูกจัดแบ่งเป็นห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร ห้องทำงาน ห้องพักผ่อนส่วนตัวที่ใช้ร้องเพลงและดูข่าวสาร ส่วนบริเวณชั้น 2 แบ่งเป็นห้องนอน และมีระเบียงที่ท่านรัฐมนตรีชอบนั่งมองดูสวนที่ปลูกด้วยมือของตัวเอง

“ส่วนใหญ่ผมอยู่กับคุณแม่ บ้านหลังนี้ผมเป็นคนออกแบบ รวมทั้งสวนรอบๆ บ้าน สไตล์การแต่งบ้านของผมชอบรับสงบ สันโดด ชอบอยู่เงียบๆ สังเกตให้ดีบ้านหลังนี้มีมุมนั่งเล่น ต้อนรับแขกอยู่ทุกซอกทุกมุม ส่วนแบบบ้านเป็นการประยุกต์ อะไรที่ดูโมเดิร์นจะประยุกต์เข้าไป เน้นไม้เข้ามาแทรกทุกส่วนของบ้าน ทั้งพื้นบ้าน ผมเป็นคนชอบไม้ สีที่ใช้จะออกเย็นๆ ” สีหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อเอ่ยถึงบ้านที่เขาออกแบบเองกับมือ

//สร้างสุขด้วยธรรมชาติ

เมื่อบ้านเป็นสถานที่สร้างความสุข ดังนั้นจึงไม่มีที่ไหนสำคัญไปกว่าบ้าน รมว.สาธารณสุข กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “บ้านเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนความรู้สึกว่า บ้านเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ ขอให้มีที่อยู่ อยู่แล้วให้ชีวิตมีความสุขน่าจะพอแล้ว (ยิ้ม)”

เช่นนั้นความสุขของหมออ๊อด จึงรายล้อมด้วยธรรมชาติของต้นไม้ เพราะนั่นเป็นวิธีเดียว ที่ทำให้เขาสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และช่วยให้สบายใจ “ชีวิตทั้งวันเหนื่อยกับงานดูแลพี่น้องประชาชนมาแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือธรรมชาติ เพราะธรรมชาติช่วยให้คลายเครียด” โดยเฉพาะบริเวณโต๊ะรับแขกหน้าบ้านที่เป็นมุมประจำ และเรือนรับรองที่ใช้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน เป็นมุมที่เจ้าของบ้านชื่นชอบเช่นกัน “ผมชอบมุมรับแขกที่มีต้นไม้ปลูกรอบๆ เพื่อแสดงให้แขกที่มาว่าเราดูแลเขาเป็นอย่างดี เขามาหาเพราะมีเรื่องทุกข์ใจ มีมุมกาแฟให้คนที่มาพบได้ดื่มและพูดคุยกันไปด้วย ซึ่งผมรับแขกตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ทำแบบนี้มา 10 ปีแล้ว (หัวเราะ)”

หย่อนอารมณ์บริเวณมุมรับแขกหน้าบ้านได้สักพัก แขกไปใครมาต้องสะดุดตากับของตกแต่ง อย่างน้ำเต้าเงินน้ำเต้าทองที่ตั้งไว้คู่กัน เชื่อกันว่าจะมีเงินทองไหมาเทมา สร้างความร่ำรวย ก้าวหน้าให้ผู้อยู่อาศัยในที่นั้นๆ นอกจากนี้รอบๆ บ้านยังมีเทพเจ้ากวนอูซึ่งถือเป็นเทพแห่ง ความยุติธรรมตั้งบูชาไว้หลายองค์ เพื่อเป็นหลักยึดในการทำงาน “จริงๆ เวลาส่วนตัวของชีวิตนักการเมืองแทบจะไม่มี จึงต้องทุ่มเททั้งร่างกาย เวลา และสติปัญญา บางครั้งเป็นทุนทรัพย์ หรือกำลังทรัพย์ สรุปง่ายๆ คือการเสียสละ” ประมุขของบ้านกล่าวใบหน้ายิ้มแย้ม

//เสน่ห์ปลายจวักรัฐมนตรี

อีกมุมหนึ่งของคุณวิทยาที่หลายคนกล่าวถึงกันมากคือ ฝีมือการทำอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณแม่ เล็ก-ถาวร บุรณศิริ เจ้าของร้านอาหาร “ป้าเล็ก” ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์ปลายจวักเป็นอย่างดี “ผมมีความสุขกับการทำอาหาร เหมือนได้พักผ่อน นอกจากอยู่กับธรรมชาติแล้ว ชีวิตคนเราเป็นเรื่องสมมติ โชคดีที่เรามีคุณแม่ทำอาหารเก่ง ผมพยายามเรียนรู้ในส่วนนี้ เพราะวันหนึ่งไม่มีคุณแม่ เราต้องทำเอง อาหารโปรดของผมส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยพื้นบ้าน เช่น น้ำพริกต่างๆ (หัวเราะ)” ลูกชายวัย 51 ปีกล่าวชื่นชมฝีมือการทำอาหารของบุพการีด้วยสีหน้าปลื้มใจ

ฝ่ายคุณแม่รัฐมนตรีจึงบอกว่า “หมออ๊อด” เป็นคนชอบรับประทานก๋วยเตี๋ยวเป็นชีวิตจิตใจ เจ้าตัวถึงกับพยักหน้า “ก๋วยเตี๋ยวเป็นอะไรที่กินง่ายสุด ผมไปไหนมาไหนถ้าหิวจะแวะกิน ตามร้านก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวแกงข้างทางทุกที่ เพราะชีวิตเราก็แค่นั้น กินมากก็แค่อิ่ม”

จากนั้นคุณแม่เล็กขอเป็นฝ่ายเล่าถึงลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้อง (วิทยา,วรวิทย์,ธนนันท์ และ ธเนศ) ทั้งหมด 4 คนว่า “แม่เลี้ยงลูกแบบชาวบ้าน พ่อของอ๊อด (วิทูร) เป็นทหารเรือ อยู่บ้านบ้างไม่อยู่บ้าง (หัวเราะ) ตอนนั้นถือว่าชีวิตลำบากมาก แม่เป็นแม่ค้าหาบของขาย พอย้ายไปอยู่ที่ดินแห่งนี้ก็ยังขายของขายขนม รับจ้างซักผ้ารีดผ้า และให้คนงานไฟฟ้า ขุดบาดาล เช่าที่ริมๆ อยู่ ตอนนั้นยังไม่มีบ้านหลังนี้ ที่ดินสมัยนั้นไร่ละ 6,500 บาท ซื้อไว้ 2 ไร่ ผ่อนด้วย”

/// ชีวิตเด็กมหาลัย เหมืองแร่

เมื่อครอบครัวฐานะธรรมดาๆ ครอบครัวหนึ่งสามารถส่งลูกชายให้เรียนจบปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา และปริญญาโทสาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง คุณวิทยาจึงเปรียบเสมือนความหวังของบ้าน “บุรณศิริ”

“ผมเป็นพี่ชายคนโตต้องคิดถึงอนาคต เคยประกอบอาชีพหลายอย่าง ทั้งเหมือแร่ดีบุก 3 ปี เหมือนจบมหาวิทยาลัยเหมืองแร่ เขาเรียกเด็กมหา’ลัยเหมืองแร่ (หัวเราะ) อนที่ทำงานหนักนั้น มีความใฝ่ฝันในเรื่องรายได้ ยิ่งเป็นลูกผู้ชาย ต้องเป็นผู้นำครอบครัว พอลำบากเราก็คิดหารายได้ มาจุนเจือ ช่วงทำเหมืองแร่เป็นช่วงที่ท้าทายชีวิต” แม้ช่วงชีวิตในตอนนั้นจะหฤโหดแค่ไหน เขาถือว่าเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุด

จนกระทั่งเขามีโอกาสก้าวสู่สนามการเมืองด้วยเหตุผลเพียงเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม จากภาครัฐ “ด้วยอาชีพที่ทำอยู่ ต้องติดต่อหน่วยงานราชการแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม บางเรื่องมันไม่ชอบธรรม มีอดีตนักการเมืองแนะนำว่า ถ้าเราเป็นนักการเมือง พวกราชการเขาจะเกรงใจ”

คุณวิทยาเริ่มชิมลางารเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ส.จ.) และ นายก อบจ. พระนครศรีอยุธยา รวมทำงานการเมืองท้องถิ่นทั้งหมด 17 ปี ต่อมาในปี 2544 ลงสมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย ก่อนที่พรรคถูกยุบในปี 2550 จึงย้ายไปพรรคพลังประชาชน และได้รับเลือกเป็น ส.ส.อีกครั้ง โดยนั่งเป็นประธานวิปรัฐบาลในสมัยที่ สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ตอนที่เขาลงเลือกตั้งเป็น ส.จ. และ ส.ส. แม่ลงพื้นที่ช่วยเขาหาเสียงด้วย (ยิ้ม) วันนี้เป็นรัฐมนตรีแล้วแม่รู้สึกภูมิใจในตัวเขามาก เพราะเขาเป็นคนถึงพริกถึงขิง ลงพื้นที่หาชาวบ้าน ในใจของแม่ให้เขาอันดับ 1 เลย แต่คนอื่นไม่รู้นะ ซึ่งเขาต้องไปให้ถึงชาวบ้านในยามที่เขาท้อ แม่จะบอกว่าอย่าท้อ ต้องเดินหน้าอย่างเดียว ชาวบ้านมาหาเราไม่แปลก แต่ถ้าเราไปหาชาวบ้านเป็นเรื่องที่แปลกมาก เขาคงทั้งยินดียินร้ายกับเรา แต่ถ้าชาวบ้านมาหาเราแสดงว่าเขารักเรา เราต้องรัเขา แม่ช่วยเขาทำงานด้วย อย่างชาวบ้านมีงานอะไร แม่จะไปกับเขา บางครั้งเขาไม่ว่าง แม่ก็ไปแทน” น้ำเสียงของแม่เล็กกล่าวอย่างภูมิใจในตัวลูกชาย

เช่นเดียวกับ “หมออ๊อด” วิทยา บุรณศิริ ที่กำลังยิ้มปลื้มกับกำลังใจและความรัก ที่ผู้หญิงคนหนึ่งมอบให้เขามาตลอดชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น