สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รักหวาน…ข้าวใหม่ปลามัน ผู้ประกาศข่าว & ทายาท 3 เค กฤติกา - วีรวิน ขอไพบูลย์ ชีวิตจริงที่ไม่ใช่เจ้าหญิงในนิยาย




นิตยสาร WhO?

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง

ภาพ : นพพล ภาคสุทธิผล

แต่งหน้า : ฐิติรัตน์ เชื้อเมืองพาน

รักหวาน…ข้าวใหม่ปลามัน ผู้ประกาศข่าว & ทายาท 3 เค

กฤติกา - วีรวิน ขอไพบูลย์

ชีวิตจริงที่ไม่ใช่เจ้าหญิงในนิยาย

กว่า 2 เดือนที่ชีวิตผู้ประกาศข่าววิก 3 พระราม 4 ก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูล เจ้าของธุรกิจพันล้าน กับนิยามความรักที่ผ่านบทพิสูจน์ และต้องเรียนรู้ หากรักจะอยู่ร่วมกัน คำมั่นจะดูแลซึ่งกันและกันตลอดชีวิต หาใช่เพียงลมปาก…ทั้งสองพร้อมใจทำให้เกิดขึ้นจริง

“มีน้องชาย หน้าตาดี แต่นิสัยไม่ค่อยดี สนใจไหม” จากประโยคแรกที่พ่อสื่อจำเป็น คุณหนึ่ง-วีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ พี่ชายคนโตแนะนำน้องชายที่ยังโสดสนิท และปากกาสื่อรักที่หมึกไม่มีวันหมด เพราะจะมีความรักเติมให้เต็มตลอดชีวิต ของขวัญชิ้นแรกตัวแทนความรู้สึกจากฝ่ายชายที่ หญิงสาวใช้ไม่ห่างมือ กระทั่งบ่มความรักจนสุกงอมเต็มที่ ฉากขอแต่งงานที่สาวๆ ใฝ่ฝันถึง ซึ่งมีท้องทะเล และสายลมเป็นพยานเกิดขึ้นที่หมู่เกาะมัลดีฟส์ พร้อมคำสัญญาจะดูแลซึ่งกันและกันตลอดชีวิต

กระทั่งเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาผู้ประกาศข่าววิก 3 พระราม 4 กุ๊ก-กฤติกา ศักดิ์มณี กับทายาทเจ้าของ 3K แบตเตอรี่ หนุ่ม-วีรวิน ขอไพบูลย์ ตกลงเซ็นสัญญาใจใช้ชีวิตร่วมกันในที่สุด ทั้งสองปลีกเวลาหลังเลิกงานมาอัพเดตชีวิตข้าวใหม่ปลามันเป็นครั้งแรก

/// รักยังหวาน หลังผ่านช่วงดื่มน้ำผึ่งพระจันทร์

กว่า 2 เดือนของชีวิตการแต่งงานหลังพากันไปดื่มน้ำพระจันทร์ที่เชียงใหม่ ทุกเช้าภรรยาวัย 32 ปีมีหน้าที่ทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ ไว้คอยท่าสามีวัย 35 ปีตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่เธอจะไปรับหน้าที่ผู้ประกาศข่าว ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ฯ และ Economic Time ทางช่อง TNN

“ถ้ากุ๊กอยู่บ้านก็จะตื่น 05.45 น. เพราะเป็นเลขดีจะได้ร่าเริง (หัวเราะ) อาบน้ำ แล้วก็ลงมาเตรียมอาหารให้พี่หนุ่ม ส่วนนาฬิกาพี่หนุ่มจะปลุกตั้งแต่...” สามีพูดบ้างว่า “นาฬิกาผมจะปลุกตั้งแต่หกโมงถึงหกครึ่ง” ภรรยาส่งเสียงเย้า “หกโมง หกโมงครึ่ง เจ็ดโมง บางทีก็เจ็ดโมงครึ่งมาเรื่อยๆ แล้วเขาก็จะตื่นมาอาบน้ำ กินข้าว” ฝ่ายสามีได้แต่หัวเราะที่ภรรยารู้ทางเสมอ

“วันที่กุ๊กต้องทำรายการเรื่องเล่าฯ เราก็จะนอนพร้อมกันคือ สองทุ่ม แต่พี่หนุ่ม ตื่นหกโมงยังบอกนอนไม่พอ ในขณะที่เราตื่นตีสองครึ่ง (หัวเราะ) แล้วคุณแม่ของพี่หนุ่มจะ ส่งอาหารมาให้ตอนเย็น ซึ่งกุ๊กก็จะเตรียมไว้ให้พี่หนุ่มสำหรับมื้อเช้า แต่ตอนนี้มีแม่บ้านแล้ว เขาก็จะเตรียมอาหารเช้าให้ แต่พอเบรกโฆษณาก็จะโทรมาถามแม่บ้านว่า พี่หนุ่มตื่นหรือยัง ทานอาหารหรือเปล่า” สามีทำหน้าแปลกใจในห่วงใยของภรรยาที่ไม่เคยรู้มาก่อน “กุ๊กโทรมาเช็คด้วยเหรอ ไม่เคยรู้เลย” เธอส่งเสียงเย้าสามีพลางหัวเราะชอบใจ “แน่นอนจะรู้เลยว่า กินเยอะหรือน้อย กุ๊กรู้ทุกวัน”

ไม่เพียงเท่านี้เธอยังทำหน้าที่สไตลิสต์ดูแลเสื้อผ้าให้กับสามีเพิ่มขึ้นอีกตำแหน่ง “สมอง ของผมส่่วนที่ต้องคิดว่าพรุ่งนี้จะใส่ชุดอะไร ได้หายไปแล้ว” ภรรยามองตาสามีเสมือนบอกเป็นนัย ว่ามีความสุขกับหน้าที่นี้ “ตอนเช้ากุ๊กจะเตรียมไว้ว่าจะต้องใส่อะไรบ้าง แล้วเดี๋ยวนี้ทำงานไม่ต้อง ผูกเนคไทด้วยก็ยิ่งง่ายใหญ่” แต่หากวันไหนจะต้องไปงานสังคมคุณหนุ่มต้องเป็นคนตามใจภรรยา เห็นว่าภรรยาใส่ชุดสีอะไรก็แค่เตรียมเน็กไทให้เข้าธีมเดียวกันเท่านั้นเอง

//// นอนสองทุ่ม สวดมนต์ติดจรวด
นอกจากไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นชอบอยู่บ้าน นอนหัวค่ำ สองทุ่มก็หัวถึงหมอน ทุกเช้าวันอาทิตย์จะตระเวนทำบุญใส่บาตร และก่อนนอนต้องสวดพระคาถาชินบัญชรเป็นประจำ จนมีเรื่องเล่าสนุกๆ มาเม้าท์ให้ฟัง “เราจะสวดมนต์เป็นจรวด” สามีเปิดฉากเย้าภรรยาที่ขอแก้ต่างหลังจากถูกพาดพิง “กุ๊กสวดคาถาชินบัญชรตั้งแต่เด็กๆ จึงสวดเร็วเป็นนิสัย เพราะถ้าช้ามักจะผิด บางครั้งพี่หนุ่ม จะสะกิดว่า ประโยคยาว หายใจไม่ทัน” เธอยิ้มไปทางสามีที่เล่าวีรกรรมต่อ “มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมกลั้นหายใจได้นานที่สุด ไม่หายใจเลย ก็จะถูกกุ๊กบังคับให้สวดใหม่” อุปนิสัยใกล้เคียงกันจน ราวกับว่า ธรรมะจัดสรรให้ชีวิตคู่ลงตัวเหมือนถูกจัดวางเอาไว้อย่างไงอย่างนั้น

ถามถึงกิจกรรมวันหยุดที่ทั้งสองคนชื่นชอบได้ยินเสียงตอบพร้อมกัน “ชอบอยู่บ้าน” โดยไม่ได้นัดหมาย “คนนี้ชอบดูหนัง แต่กุ๊กชอบให้หนังดู เพราะชอบนอน” เธอหัวเราะ พร้อมไล่เรียงชีวิตในวันหยุดสุดสัปดาห์ให้ฟังต่อว่า “วันอาทิตย์จะตื่นเช้าไปใส่บาตร ตอนนี้มาอยู่ย่านบางพลีก็กำลังหาวัดใกล้ๆไปใส่บาตร ตอนแต่งงานแรกๆ ก็จะอยู่ที่บ้านพี่หนุ่ม ตรงสุขุมวิท 101 พอมาอยู่บ้านใหม่วันอาทิตย์ก็จะตระเวนไปตักบาตรตามวัดต่างๆ เขาบอกว่า ทำบุญไม่ต้องเลือกที่” จบจากช่วงเช้าแล้ววันอาทิตย์ยังเป็นวันครอบครัวที่พี่น้อง เขย สะใภ้ และหลานๆ ทุกคนต้องไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่บ้านของคุณพ่อ-คุณแม่ของฝ่ายชาย

/// ประทับใจสามี ไม่ใช่ลูกเศรษฐีที่เที่ยวเล่นไปวันๆ

“ทุกวันนี้สี่โมงเย็น ผมก็กลับบ้านแล้ว” ประโยคยืนยันความหวานจนน้ำตาลจืดของ ผู้บริหารหนุ่มทายาทแบตเตอรี่ 3K ที่ต้องรีบกุลีกุจอกลับบ้านเร็วเป็นพิเศษตั้งแต่แต่งงาน
จนอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ถึงโมงยามหวานชื่นหลังแต่งงาน รวมถึงเคล็ดลับในการปรับตัวเข้าหากันของคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ที่ย่อมต้องมีปัญหาไม่เข้าใจกันบ้าง สามีผายมือเชิงให้สิทธิ์ภรรยาพูดก่อน “กุ๊กประทับใจพี่หนุ่ม ตรงที่จิตใจดี เป็นคนดีจริงๆ พอเวลาทำงานอาจจะมีดุมีอะไรบ้าง” ระหว่างนั้นคุณหนุ่มจึงหันไป ถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บริษัท 3K ที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นด้วยว่า “ผมเป็นคนดุไหม” ยินเสียงหัวเราะแว่วๆ พร้อมสุ้มเสียงเฉลยว่า…ไม่ดุ

“พี่หนุ่มเป็นคนจริงจังในเรื่องของการทำงาน จริงๆ เป็นคนใจดี ขี้เล่น อารมณ์ศิลปิน และชอบเล่นดนตรี เวลาที่อยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกสบายใจ ปลอดภัย รู้สึกว่าพี่หนุ่มคบใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือพนักงานจะจริงใจมากๆ เหมือนที่เขารักเราและ อยากดูแลเราจริงๆ บางครั้งอยู่ด้วยกันอาจไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ก็มีน้อย เพราะเราอยู่ด้วยกันที่ภาพของพวกเราจริงๆ โดยไม่ต้องประดิษฐ์อะไร มีอะไรก็เปิดเผยออกมาก็เลยอยู่ด้วยกันง่ายโดย ไม่มีปัญหา ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็คุยกัน”

เธอว่า สำหรับตัวเองการจะเลือกใครเป็นหัวหน้าครอบครัว สำคัญที่สุดเขาคนนั้นต้องเป็น คนทำงานจริงจัง ซึ่งคุณหนุ่มก็เป็นคนแบบนั้น แต่ก็ยังสามารถแบ่งเวลาให้กับครอบครัวได้อย่าง ลงตัว “การที่ลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่เลือกใครมาแต่งงาน ไม่ใช่ว่าเลือกคนที่เขาเกิดมามีฐานะ ที่พร้อมไปทุกอย่าง แต่ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ขับรถเที่ยวเล่น ตกเย็นต้องออกไปดื่มเหล้า” ช่วงจังหวะภรรยาบรรยายความดีสามี คุณหนุ่มสัพยอกเขินๆ “เมื่อก่อนก็เคย”

ภรรยายิ้มรับพร้อมไล่เรียงต่อ “ก่อนแต่งงานเป็นอย่างไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น พี่หนุ่มเป็นคนไม่ติดเที่ยว ไม่ติดเพื่อน ไม่เจ้าชู้” จากนั้นจึงถามย้ำเพื่อเรียกเสียงยืนยันจากสามี “พี่หนุ่มไม่เจ้าชู้ใช่ไหม” คุณหนุ่มอมยิ้มอยู่ข้างๆ เช่นเดิม ก่อนที่คุณกุ๊กจะสรุปปิดท้าย “พี่หนุ่มมีความพร้อมที่จะคอยดูแลเรา ไปตราบนานเท่านาน เราก็ดีใจที่เลือก น่าจะไม่ผิดใช่ไหม”

จากนั้นจึงเป็นคิวขอสามีที่เผยความรู้สึกประทับใจในตัวภรรยาตั้งแต่รักแรกที่ได้พรั่งพรู ออกมาไม่แพ้กัน “กุ๊กเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนมาก และเป็นคนมองคนใกล้ตัวเป็นหลัก ไม่เหมือนบางคนที่ให้ความสำคัญกับคำพูดจากคนที่ไกลตัวมากกว่าคนใกล้ตัว แล้วเขาก็ ให้ความสำคัญกับคำพูดผมก่อนเสมอ ด้วยความดีของเขาเองทำให้ผมรู้สึกดี อันที่จริงผม เป็นคนอารมณ์ร้อน เวลาทำงานจะหงุดหงิดถ้าไม่ได้ดั่งใจ แต่กุ๊กจะเตือนเสมอว่า ‘ไม่ดี อย่าทำ ลองคิดดูซิ ถ้าใครมาทำกับเรา แล้วเราจะรู้สึกยังไง’ คำที่เขาพูดเป็นคำง่ายๆ แต่ทำให้เราเข้าใจได้ กุ๊กเป็นคนมีเหตุผล เป็นคนไม่ต้องหวือหวา” ภรรยายิ้มกว้างอยู่ข้างๆ พร้อมบอกเทคนิค สลายอารมณ์ขี้หงุดหงิดของสามี “เราอยู่ด้วยกันแล้วอารมณ์ดี อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แต่พอพี่หนุ่มเริ่มงอแง พูดจาไม่รู้เรื่อง กุ๊กแค่บอกว่าเดี๋ยวกุ๊กจะโกรธแล้วนะ พี่หนุ่มจะหายทันที” “เราไม่ค่อยชอบทะเลาะกันจะเตือนกันเสมอ มีกฎ คือ ถ้าทะเลาะกัน ห้ามออก จากห้อง ต้องคุยให้จบในเวลานั้น ผมไม่อยากให้บังคับอยู่ในสถานการณ์นั้นนานๆ” สามีว่าจบ ภรรยาก็บอกว่าคุณหนุ่มเป็นคนแสนงอนและขี้น้อยใจ เช่นเดียวกับตัวเธอที่บางครั้งมักเก็บงำ เรื่องต่างๆ ไว้ในใจ จนคนรอบข้างยากที่จะรู้สึกถึงความผิดปกติ แต่โชคดีที่ต่างคนสามารถ จับความรู้สึกที่ผิดปกติของกันและกันได้เร็ว นอกจากไม่เป็นปัญหาระหว่างกันแล้ว บ่อยครั้งยังเป็นที่ปรึกษาซึ่งกันและกันด้วย

/// ปัดฉายาเจ้าหญิงแห่ง 3K

จากผู้ประกาศข่าวก้าวไปเป็นสะใภ้เจ้าของธุรกิจพันล้าน หลายคนพูดตรงกันว่า เธอเป็นเจ้าหญิงแห่ง 3K สิ้นคำถามนี้เจ้าตัวถึงกับหัวเราะดังลั่น “กุ๊กเป็นเจ้าหญิง 3 K พี่หนุ่มก็เป็นเจ้าชายนะซี ถ้าถามว่ากุ๊กเป็นถึงขนาดเจ้าหญิงไหม กุ๊กว่าไม่นะ เพราะก่อนหน้าที่ จะมาแต่งงานกับพี่หนุ่ม เคยมาทำงานเป็นพิธีกรให้กับทาง 3K พนักงานทุกคนเคยปฏิบัติตัวกับ เราอย่างไรก็เป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าพอกุ๊กมาแต่งงานกับพี่หนุ่มแล้วทุกคนต้องมาดีกับกุ๊กหลายร้อยหลายพันเท่า แต่เขาน่ารักกับกุ๊กตั้งแต่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง แต่เป็นคนปกติ ธรรมดาที่แต่งงานกับพี่หนุ่ม” เธอว่าก่อนหน้านี้อาจจะทำความรู้จักกับพนักงานในแผนก ที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกัน แต่หลังจากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว “ขอไพบูลย์” แล้ว จึงจำเป็นต้องสร้างความคุ้นเคยกับพนักงานในฝ่ายอื่นๆ มากขึ้นเท่านั้นเอง “เวลาที่เขาไปเชียร์กีฬากัน เราก็ต้องไปทักทายเฮฮาก็ได้รู้จักกันมากขึ้น” สะใภ้คนดังเล่าน้ำเสียงสนุกสนาน

วางทีท่าบวกวาจาอ่อนน้อมถ่อมตนจนสามีลอบมองภรรยาด้วยสายตารักและเอ็นดู และเสริมขึ้นมาว่า “3K เราอยู่กันแบบครอบครัว และเราทุกคนคิดเสมอว่า เราไม่ใช่ลูกเศรษฐี อยู่กินไปวันๆ หนึ่ง แต่เราเป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ เพราะเรามีหน้าที่ต้องบริหารองค์กรให้ ไปข้างหน้า ไม่ใช่เป็นภาพตามที่หลายคนคิดว่า คุณกุ๊กเข้ามาแล้วต้องเป็นไฮโซ มันไม่ใช่ ผมใช้ชีวิตคนทำงานจริงๆ ทีมงานก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว บางทีวันเสาร์ผมมีประชุม กุ๊กไปที่บริษัทเขาก็นั่งรอดูข่าวอะไรของเขาไป ไม่ได้ทำอะไรให้พิเศษไปกว่าใครเลย”

ผู้ประกาศข่าวสาวอารมณ์ดี เล่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นว่า “เวลามีกิจกรรมของ 3K ด้วยความที่เป็นคนทำงานอยู่หน้าจอทีวี ปกติก็มักจะมีคนมาขอถ่ายรูปอยู่แล้ว เวลาไปบริษัท พี่หนุ่มก็จะมีพนักงานมาขอถ่ายรูป ถามว่าชีวิตเราเปลี่ยนไหม ก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร แต่ที่เปลี่ยนคือ นอกจากขอถ่ายรูปคู่กับกุ๊กแล้ว ยังได้ถ่ายกับสามีซึ่งเป็นเจ้านายเขาด้วย (หัวเราะ)” คุณหนุ่มขำตามภรรยาพร้อมแสดงความคิดเห็นในอีกมุม “ถ้าไปแข่งรถในทีม 3K RACING TEAM ซึ่งเป็นกีฬาที่ผมชอบ กุ๊กก็ยังทำให้พวกเราสนุก เพราะเด็กๆ เขาคงเบื่อๆ เหมือนกันว่ามาแข่งรถทีไรเจอแต่คุณหนุ่ม คุณหนุ่ย อ้าว..คราวนี้มีกุ๊กเพิ่มเข้ามาอีกคน สวยด้วย เหมือนเป็นการเพิ่มรอยยิ้มให้กับองค์กรเราได้อีกทาง”

/// โอกาสและปรารถนา บ่อนทำลายชีวิตคู่

ตลอดระยะเวลาสนทนาเห็นทั้งสองส่งสายตาหวานซึ้ง กุมมือกันและกันไม่ได้ห่าง สะท้อนถึงความรักที่ยังหวานฉ่ำไม่สร่างซา ซึ่งเขาและเธอยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า หากจะประคองนาวารักให้ตลอดรอดฝั่ง ความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทั้งยังมีแนวคิดดีๆ มาแบ่งปันได้อย่างน่าสนใจ “ต้องมีความเข้าใจและจริงใจให้กัน ถ้าอยู่กันแบบไม่เข้าใจ เราไม่เข้าใจงานสามี สามีไม่เข้าใจงานเรา มันคงอยู่ด้วยกันไม่รอด แต่ต้องมองตาแล้วเข้าใจ มีพื้นที่ส่วนตัวให้กัน ไม่ใช่มองตากันแล้วยังมีอะไรปิดบังซ่อนเร้น ยังต้องมานั่งเดาว่า คุณเป็นอะไร เราเป็นอะไรแบบนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้” เธอบอกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรา ได้พูดคุยกัน รู้จักให้อภัยกันทุกอย่างจะผ่านไปได้

ขณะที่สามีได้นำคำสอนของแม่(ศรีสุวรรณ ขอไพบูลย์) มาใช้ในการครองเรือนซึ่งเจ้าตัว ถึงกับเอ่ยปากว่าได้ผลเกินคาด “ผมมีข้อหลักๆ คือ ถ้าอยู่ที่บ้าน…กุ๊กจะมาก่อนเสมอ” คุณกุ๊กหัวเราะพลางหยอดมุกใส่สามี “กุ๊กมาก่อนเสมอ พอนัดกันก็ให้กุ๊กไปนั่งรอ…พูดเล่นค่ะ” จากนั้นคุณหนุ่มจึงอธิบายต่อ “ให้ความสำคัญกันก่อน ถ้าจะมีการทะเลาะอะไรก็ตาม ผมจะมองเขาสำคัญที่สุด เหมือนกับว่าเขาถูกเสมอ และมีเรื่องหนึ่งที่คุณแม่สอนเราทั้งสองคนว่า โอกาส กับ ปรารถนา อย่าให้มันมาเจอกัน ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น”

ภรรยาอธิบายเสริมคำสอนจากคุณแม่สามีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “คุณแม่จะสอนว่า คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานให้เรา หรือว่าคนที่จะมาใกล้ชิดเราทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการลักขโมย ชู้สาว หรือเรื่องอะไรก็ตามที่จะทำให้เราเสียผู้เสียคน ถ้าเราให้้ทั้งสองคำนี้ มาเจอกันเมื่อไหร่ก็จะเกิดปัญหา แต่พอเราตัดเพื่อให้อยู่กับครอบครัว ก็ไม่ทำให้ โอกาส กับปรารถนามาเจอกัน ปัญหาชีวิตคู่ก็จะไม่เกิด สำคัญที่สุดพี่หนุ่มเป็นคนพูดแล้วทำ เพราะถ้า พูดดีแต่ไม่ทำก็ไม่มีความหมายอะไร การที่เราอยู่เป็นครอบครัวตลอดรอดฝั่ง เราต้องมีความ จริงจัง จริงใจ เข้าใจ ให้อภัยกัน พูดอะไรไปก็ต้องทำ เหมือนกับการรับผิดชอบ ที่ต้องมีต่อกันและกัน” คนฟังได้แต่ยิ้มตาม พร้อมแอบยกตำแหน่งคู่รักตัวอย่างแห่งปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น