สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

สุขสันต์วันเกิดครบรอบ 77 ปี ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล


























นิตยสาร WhO?


สุขสันต์วันเกิดครบรอบ 77 ปี

ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล

ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล จัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิด 77เปี โดยมี ท่านผู้หญิงอรสา ล่ำซำ, ดร.สุณี พรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล, วันชัย จิราธิวัฒน์, พล.. จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์, ยุพา ล่ำซำ, นวลพรรณ ล่ำซำ, ดร.พาชื่น รอดโพธิ์ทอง, นวลศรี อุทกธรรม, เดช บุลสุข, แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกร และแขกผู้มีเกียรติคนสนิทมาร่วมอวยพรอย่างคับคั่ง พร้อมทั้งดารา ศิลปิน ที่ต่างมาร่วมให้ความบันเทิง ท่ามกลางบรรยากาศความอบอุ่นเป็นกันเอง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่แผนกประชาสัมพันธ์ โทร. 02-2098888 ต่อ 2702-5

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554





เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง • ภาพ : มาโนช ภาชีรัตน์,นพพล ภาคสุทธิผล •
แต่งหน้า : สุดใจ ตั้งสิริประชา . นิตยสาร WhO?

ชีวิตที่ไม่แน่นอนของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
กลับมาเป็นแม่อีกครั้ง
หลังพักยกการเมือง...
เป็นผู้หญิงแถวหน้าในแวดวงการเมืองที่มีบทบาทโดดเด่น นับตั้งแต่เริ่มเดินเข้าสู่ เส้นทางสภาหินอ่อนตั้งแต่ปี 2535 ในสังกัดพรรคพลังธรรม กระทั่งมาร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2541 ปัจจุบันเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย สั่งให้เว้นวรรคเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ 30 พฤษภาคม 2550 เป็นต้นมา
เมื่อถึงวันที่ต้องวางมือ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกรดเอหลายสมัย ซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นนักการเมืองหญิงที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับเก็บตัวใช้ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางครอบครัวและบุคคลอันเป็นที่รัก จึงไม่บ่อยนัก ที่จะเห็นเธอปรากฏตัวในงานสังคมมากมายเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา
นอกจากนั้นยังแบ่งสรรเวลายามว่างมาพัฒนาทักษะอันเป็นพรสวรรค์ที่ซุกซ่อนโดยไม่มี ใครรู้มากนัก เช่นการวาดภาพสีน้ำ เธอเปิดตัวผลงานสู่สาธารณชนครั้งแรกด้วยผลงานภาพ ชุดดอกไม้ จัดทำเป็น ส.ค.ส. ปี 2553 โดยนำรายได้สมทบทุนโครงการ “แก้วตาดวงใจ เทิดไท้องค์ราชา ราชินี” เพื่อผู้ป่วยยากไร้
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยอมเปิดบ้านพักย่านลาดปลาเค้าเป็นครั้งแรกให้ WhO? ได้ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา พร้อมอัพเดตสถานะใหม่ในบทบาท นักวาดรูป และนักเขียนมือใหม่ในวงการ
//เป็นสุขกับบทบาท “แม่” ที่ได้ดูแลครอบครัว
กว่า 2 ปีที่ว่างเว้นจากการเมือง คุณหญิงหน่อยยังคงทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการมีเวลาให้กับครอบครัวอย่างเต็มที่ รอยยิ้มและแววตาที่คุ้นเคยดูสดใสกว่าเคย ยามเอ่ยถึงภารกิจการทำหน้าที่ภรรยาของสามี แม่ของลูก และลูกสาวของพ่อแม่
“เวลาถูกแบ่งให้กับครอบครัวในการดูแลลูกๆ สามี และดูแลคุณพ่อคุณแม่ เหมือนเพิ่ง ได้เริ่มเป็นแม่อีกครั้ง ได้ทำอาหารให้ลูกๆ รับประทานบ้าง เพราะปกติลูกชายคนโต (น้องบอส-ภูมิภัทร) กับสามี (สมยศ ลีลาปัญญาเลิศ) จะทำกับข้าวให้รับประทาน
“ตอนที่ลูกชายคนโตยังเล็กมีนักข่าวมาถามว่า คุณแม่ทำอาหารให้รับประทานบ้างหรือเปล่า เขาก็ตอบว่า ทำคอนเฟล็ก ก็คือเทคอนเฟล็กแล้วก็ใส่นมให้กิน คือสิ่งที่เขาจำได้ แต่ตอนนี้พอ จะทำอาหารให้กับลูกคนเล็กสองคนรับประทานได้ ก็จะเป็นข้าวผัด สเต๊กง่ายๆ พอให้ลูกปลื้มใจว่า แม่ทำอาหารให้เขาได้บ้างแล้ว” คุณแม่ลูกสาม เล่าพลางยิ้มเขินสลับหัวเราะชอบใจกับบทบาท แม่บ้านเต็มตัว
“นอกจากเวลาที่ให้กับครอบครัวแล้ว ยังได้ดูแลตัวเอง มีเวลาตกแต่งบ้าน ทำอะไร ที่เราชอบ อาทิ การวาดรูป ได้ทำงานที่เราชอบ ออกกำลังกายด้วยการเดินและว่ายน้ำ จากเดิมเป็นคนรณรงค์ให้คนอื่นออกกำลังกาย แต่ตัวเองกว่าจะกลับถึงบ้านก็ 3 ทุ่ม ไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปออก พอตื่นเช้าก็ต้องรีบไปทำงาน แต่วันนี้ชีวิตได้ออกกำลังกายจริงๆ เสียที ช่วงก่อนป่วยเป็นไข้หวัด 2009 น้ำหนักก็ลดไปหลายกิโลฯ แต่พอให้น้ำเกลือน้ำหนักขึ้น มาอีกหลายกิโลฯ” น้ำเสียงอารมณ์ดี บ่งบอกความสุขที่มีเวลาดูแลเอาใจใส่สุขภาพตัวเองกว่าเดิม
// บ้าน คือ ครอบครัวที่มีชีวิต…เต็มเปี่ยมสุข
ระหว่างพูดคุยคุณหญิงหน่อยพาเดินเล่นรอบๆ บริเวณบ้านที่รายล้อมไปต้นสนสูงตระหง่านโดยรอบให้ความรู้สึกร่มเย็น ชวนสบายใจ
ความที่ชื่นชอบดอกไม้จึงทำให้ทั่วทั้งบริเวณบ้านมีดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่งอยู่โดย รอบ ทว่ามุมสุดโปรดที่ชอบมานั่งหย่อนใจมากที่สุด คงยกให้ศาลาพักใจในสวนหลังบ้าน “ชอบมานั่งเล่นหลังกลับมาจากทำงานแล้วจะรู้สึกสบายใจ บางทีก็มาอ่านหนังสือ วาดภาพ ปลูกต้นไม้ ถ้าถามถึงความหมายของบ้านสำหรับตัวเอง คงต้องบอกว่าการมีครอบครัวที่เรารัก อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น และมีความรักให้แก่กัน ทำงานข้างนอกเหนื่อยกลับบ้าน ก็เหมือนได้ เติมน้ำมันให้มีพลังในการต่อสู้กับปัญหาข้างนอกต่อไป”
// สานฝันวัยเด็ก “อยากเป็นนักวาดภาพ”
หลังเว้นวรรคจากงานการเมือง ทำให้อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ใช้เวลาว่าง ฝึกวาดรูปที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เยาว์วัย เธอฝันว่าอยากฝึกวาดภาพมานานแล้ว แต่หมดเวลาไปกับ การทุ่มเทให้การเมืองตลอด 17 ปี ฉะนั้นยามว่างจากการเมือง ทำให้มีโอกาสได้กลับมาเรียน วาดรูปพร้อมกับลูกๆ แบบเป็นจริงเป็นจัง จนกลายเป็นผลงานภาพวาดดอกไม้หลากหลายชนิด
“ชอบวาดรูปมานานแล้ว เวลานั่งประชุมจะชอบเขียนลายกนก หรือดอกไม้เล็กๆ บนกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า ตอนที่ทำงานการเมืองใหม่ๆ คิดเสมอว่าจะทำไม่นาน สักระยะหนึ่งก็จะขอรีไทร์มาเรียนวาดรูป แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที เผลอแป๊บเดียว 17 ปีแล้ว พอถูกตัดสิทธิทางการเมืองเลยได้มีโอกาสเลี้ยงลูก ดูแลพ่อแม่ ยังได้พาท่านไปเที่ยวประมาณ 2 ครั้ง แล้วคุณแม่ (เรณู เกยุราพันธุ์) ก็จากไปแบบไม่มีวันกลับ” คุณหญิงเล่าถึงคุณแม่ที่ เสียชีวิตไปเมื่อกลางปี 2551 ถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานใจที่สุด แต่ทำให้เข้าใจถึงการสูญเสีย
“หลังเหตุการณ์ปฏิวัติในปี 2549 ตอนแรกก็ตั้งใจใช้เวลาในการดูแลครอบครัวและพาคุณพ่อคุณแม่เที่ยว แต่โชคไม่ดีหลังปฏิวัติได้ไม่นานคุณแม่ก็ล้มป่วย จึงได้ทุ่มเทเวลา 2 ปีดูแลคุณแม่ ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างเต็มที่ หลังจากคุณแม่เสียก็เสียใจมากต้องทำใจอยู่นาน จนสงกรานต์ปี 2552 เริ่มตั้งหลักชีวิตใหม่ เลยตั้งใจทำในสิ่งที่ฝันคือการวาดรูป เดือน พฤษภาคมถึงได้เรียนแบบจริงจังกับกลุ่มเพื่อนเซนต์โยฯ ที่พาลูกมาเรียนด้วยกัน พอดีเพื่อนของสามี อาจารย์พันศักดิ์ ว่องกสิกร เป็นเจ้าของโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ ส่งครูมาสอนที่บ้าน ทำให้ได้รู้เทคนิค สิ่งสำคัญเราต้องขยันฝึกหน่อย จากชีวิตที่เป็นคนใจร้อน เป็นคนที่ทำอะไรเร็ว ทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน” ศิลปินมือใหม่เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี
ความที่เป็นคนชอบทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน อย่างเวลา ทำการบ้าน ตาก็ดูโทรทัศน์ และปากยังสามารถคุยกับผู้คนได้ด้วย ถือเป็นพรสวรรค์ที่ยากในการ เลียนแบบ “เป็นคนไฮเปอร์เล็กๆ จะไม่ค่อยอยู่นิ่ง แต่พอคุณแม่ป่วยก็เลยได้สวดคาถาชินบัญชร ให้ท่าน ตอนเช้า-เย็นข้างๆ เตียงทุกวัน ทำให้จิตใจนิ่งขึ้น พอมาวาดรูปจิตใจยิ่งนิ่งมีสมาธิมากขึ้น”
สำหรับเทคนิคการวาดรูป ครูจะให้เลือกวาดในสิ่งที่ถนัด เธอจึงเลือกวาดรูปดอกไม้ อาทิ ลีลาวดี, กระดังงาเขียว, ว่านสี่ทิศ, คาร์เนชั่น และดอกหน้าวัว จนกลายมาเป็น ส.ค.ส. ปี 2553 ช่วยการกุศลที่ตั้งเป้าจะนำรายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ยากไร้ โครงการ “แก้วตาดวงใจ เทิดไท้องค์ราชา ราชินี” มิหนำซ้ำเธอยังวาดฝันไปถึงอนาคต อาจจัดนิทรรศการภาพให้ทุกคนได้ชื่นชมฝีมือก็เป็นได้
//สู่ทำเนียบ “นักเขียนหน้าใหม่”
นอกจากได้สำแดงฝีมือวาดรูปเป็นศิลปินมือใหม่ตามความฝันแล้ว อีกบทบาทที่ก้าวตาม มาติดๆ คือ การหันมาจับปากกาเขียนหนังสือเล่มแรกในชีวิต “พ่อ Hero ในดวงใจ” ที่ตั้งใจทำขึ้น มาแจกเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ที่มาร่วมงานวันเกิดคุณพ่อในวันที่ 21 ตุลาคม 2552 อายุครบ 72 ปี
“หนังสือเล่มนี้พยายามเรียบเรียงใหม่เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์กว่าเดิม คาดว่าปี 2553 คงได้พิมพ์ออกมาจำหน่ายจริงๆ ตั้งใจให้หนังสือออกตอนวันพ่อที่ผ่านมา เพราะอยาก บอกให้ลูกๆ รู้ว่า ชีวิตของตัวเองที่ได้ดิบได้ดีมาถึงวันนี้เพราะคำสอนของพ่อ แต่ในสิ่งที่พ่อสอน ตอนเด็กๆ เราอาจไม่เข้าใจ ซึ่งคิดว่าเด็กๆ หลายคนในตอนนี้ก็น่าจะเป็นเหมือนกันที่ไม่เข้าใจ คำสอนของพ่อแม่ แต่จะมีคำถามตลอดว่าทำไมต้องมาบังคับ จู้จี้กับเรา แต่วันที่เราโตขึ้น ถึงจะเข้าใจ
“เนื้อหาของหนังสือต้องการจะบอกลูกๆ ว่า คำสอนของพ่อถ้าเราทำความเข้าใจตั้งแต่ เป็นเด็กจะทำให้ทุกคนเติบโตเป็นคนดีของสังคม ดูได้จากตัวเองที่เติบโตมาทำหน้าที่เป็น นักการเมือง ซึ่งต้องทนแรงเสียดทานจากคนรอบข้าง ต้องขยันทำงานแบบนี้ ต้องซื่อสัตย์ กับคนอื่น และซื่อสัตย์กับองค์กร เพราะถูกปลูกฝังคำสอนมาจากพ่อทั้งสิ้น” ลูกสาวคนเดียวของ คุณพ่อสมพล และคุณแม่เรณู เอ่ยถึงคำสอนที่ได้รับการปลูกฝังตั้งแต่วัยเยาว์
นอกจากนี้ ยังเตรียมเขียนหนังสือเล่มที่ 2 เกี่ยวกับการทำงานในเหตุการณ์สึนามิ จ.พังงา โดยมีความตั้งใจว่าจะต้องทำให้สำเร็จตามที่วางโครงเรื่องไว้ เพื่อบันทึกเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต การทำงานที่จำไม่รู้ลืม
//คำทำนายโหรฟองสนาน “อีก 5 ปีเมืองไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิง”
จากนี้ไปเหลือเวลาอีกประมาณ 2 ปี คุณหญิงสุดารัตน์จะพ้นจากสถานภาพสมาชิก บ้านเลขที่ 111 เมื่อใครเจอหน้าเป็นต้องถามว่าจะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ รวมทั้งกระแส ข่าวที่จะตั้งพรรคการเมืองเป็นของตัวเองยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งธงไว้ในใจเช่นกัน
“วันนี้ยังตอบไม่ได้ 100% ว่าจะต้องกลับไปทำงานการเมืองอีกหรือไม่ แต่อยากบอกว่าอะไรที่ทำแล้ว เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเราทำแน่ ขณะนี้ไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองก็ยังมาทำงาน มูลนิธิไทยพึ่งไทยเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ตกงานให้มีอาชีพและโครงการแก้วตาดวงใจ เพื่อช่วยผ่าตัดหัวใจและดวงตาให้ผู้ป่วยที่ยากไร้ ก็เป็นเรื่องที่ทำเพื่อสังคม และส่วนรวม จริงๆ ก็มีข้อแม้ในใจเหมือนกันว่า สถานการณ์บ้านเมืองต้องเป็นประชาธิปไตย แล้วจะต้องมีกฎกติกาที่เป็นสากล เพราะถ้าเราไม่ยึดกติกาสากล หรือไม่เป็นประชาธิปไตยบ้านเมือง จะเดินยาก ทำงานก็ยาก บ้านเมืองเลยไม่สงบเสียที ยังอยากทำงาน แต่กติกาต้องเอื้ออำนวย ให้ทำงานได้ด้วย ถ้ากติกาไม่เป็นประชาธิปไตย สู้อยู่ข้างนอกทำงานช่วยเหลือสังคมอย่างทุกวันนี้จะได้ประโยชน์มากกว่า ” มุมมองการเมืองในอนาคตอันใกล้ของอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ส่วนประเด็นการทำนายดวงของโหรฟองสนาน จามรจันทร์ ที่เคยทำนายลงใน WhO? ว่า เมืองไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกที่ชื่อมี ส. นำหน้า? เจ้าตัวยิ้มเขิน หัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนตอบว่า “ถามว่า เชื่อไหมว่าจะได้เป็นนายกฯ นะหรือ ไม่รู้เป็นนายกสมาคมไหนนะพี่ฟอง เขียนตกไปหรือเปล่าไม่รู้ พี่ทำงานการเมืองไม่ได้คิดว่าจะต้องได้ตำแหน่งใดๆ แต่ทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้ว เกิดประโยชน์กับส่วนรวมและกับประเทศชาติ เช่น โครงการ 30 บาท ที่เห็นได้ชัดว่าสามารถช่วยคนได้จริง
“เวลาที่ทุ่มเทให้กับงานการเมืองที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีเวลาที่จะดูแลพ่อแม่ ลูกและสามีเลย ดังนั้นเมื่อเราต้องเสียสละเวลาที่คุณจะให้ครอบครัวมาทำงานเพื่อส่วนรวมก็ต้องการให้งานที่เรา ทำประสบความสำเร็จ เป็นผลประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่อยากเสียเวลาไปเปล่า ๆ และยังตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวมอยู่ เพราะคุณพ่อปลูกฝังไว้ในสายเลือด ถ้าพูดตามภาษาคอมพิวเตอร์คือ พ่อฝังชิปเอาไว้แล้ว”
//พบสัจธรรมชีวิต “ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน”
กับชีวิตที่โลดแล่นบนถนนการเมืองมาตลอด 17 ปี ทำให้คุณหญิงหน่อยพบสัจธรรมชีวิต ที่ว่า “แม้จะเป็นคนพุทธก็ไม่ค่อยได้เข้าวัดเข้าวามากนัก แต่ก็ได้ศึกษาธรรมะอยู่ตลอด ทำให้เมื่อชีวิตเกิดอะไรขึ้น เราต้องมีสติ ศาสนาพุทธสอนให้เราใช้สติในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช้อารมณ์ ความโลภ โกรธ หลง แม้ว่าจะทำงานเหมือนเครื่องจักรที่ถูก วางโปรแกรมไว้ตั้งแต่เช้าจนค่ำ กลับมาถึงบ้านยังต้องมานั่งเซ็นงานต่อ กว่าจะได้กินข้าวเย็นตอน 4 ทุ่ม เห็นหน้าลูกก็ตอนที่เขาเข้านอนแล้ว ดังนั้นพอได้หยุดงานการเมือง และคุณแม่ ล้มป่วยลงและเสียชีวิต ทำให้ได้คิดทบทวนในสิ่งที่ลูกต้องทำให้กับพ่อแม่ จนได้รู้ซึ้งถึงคำว่า ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน จริงๆ
“ช่วงคุณแม่ป่วยเหมือนได้กลั่นกรองพิจารณาชีวิต โชคดีที่เคยทำงานอยู่กระทรวงสาธารณสุขมาทำให้ ได้นำความรู้มาช่วยดูแลแม่ตลอด 2 ปีที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พอเสียคุณแม่ และ คุณพ่อป่วย ยิ่งได้เห็นสัจธรรมว่า ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เหมือนกับว่าถ้าเราไปยึดถือตัวตน ท้ายที่สุดเราก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลย ทำให้ได้คิดว่า เราจะทำยังไงที่จะอยู่กับโลกปัจจุบันนี้ แล้วทำในสิ่งที่ดีที่สุด อยากฝากถึงลูกทุกคนว่า การที่เราบอกว่ารักพ่อแม่ แต่ทำความดีให้ท่าน ตอนที่ท่านไม่มีชีวิตอยู่แล้ว มันจะไม่เกิดประโยชน์อะไร ตอนนี้จึงตั้งใจดูแลคุณพ่อและครอบครัวให้ดีที่สุด
“สมัยเป็นรัฐมนตรี ทุกเช้าก่อนไปทำงานจะต้องเข้าไปหอมแก้มพ่อหอมแก้มแม่ ตอนเย็นกลับมาก็จะต้องเข้าไปหอมแก้มท่านอีก สำหรับลูกก็เหมือนกัน ถ้าลูกนอนคว่ำอยู่ ก็จะเข้าไปหอมก้นลูกเป็นประจำ (หัวเราะ) ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าทำอะไรต้องทำอย่างดีที่สุด และต้องตั้งอยู่ ในความไม่ประมาท สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องรู้จักประมาณตัวเอง สำหรับตัวเองเป็นคน ไม่ยึดติดกับหัวโขน ยังต้องการใช้ชีวิตเยี่ยง คนธรรมดา” อดีตรัฐมนตรีหญิงหลายกระทรวงสะท้อนตัวตนชัดเจน
แม้วันนี้บทบาทของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะไม่ใช่นักการเมืองหญิงแถวหน้า อย่างที่เคยเห็น หากบทใหม่ในฐานะศิลปินมือใหม่ทั้งนักวาดภาพ และนักเขียน คงเสมือนกระจกสะท้อนความคิดอีกมุมหนึ่งในชีวิตของเธอมากกว่าที่คุณเคยรู้จัก

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

“นครไทเป” เมืองหลวงหลากเสน่ห์แห่งไต้หวัน






















































เรื่อง/ภาพ : สุทธิคุณ กองทอง

นครไทเปเมืองหลวงหลากเสน่ห์แห่งไต้หวัน

INTRO:

ไทเป เมืองหลวงของประเทศไต้หวัน เพิ่งฉลองวันชาติครบรอบ 99 ปี ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว มีทั้งความเจริญและทันสมัย แต่ก็ยังคงความงดงามแบบโบราณของสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างที่อยู่ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างกลมกลืน

ปีที่แล้วได้เดินทางไปนครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะอุณหภูมิติดลบที่ 13-15 องศา มีหิมะตกหนักมาก เรียกว่าหนาวสุดๆ ทำให้ผมเข้าใจในคำว่าหนาวเข้ากระดูกนั้นมันเป็นยังไง เรียกว่านึกถึงทีไรขนลุกทุกที แต่คราวนี้ผมไปไต้หวัน ตรวจสอบอุณหภูมิอยู่่ที่ 20-25 องศา สภาพอากาศค่อนข้างสบายๆ เลยไม่เตรียมเสื้อผ้าอะไรมาก

ผมเดินทางไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 16.00 . เพื่อเช็กอินไปกับสายการบินอีวาแอร์ ที่เป็นเพื่อนเดินทางให้กับผมตลอดทริปนี้ ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องผมก็อ่านหนังสือจนสายตาอ่อนล้า จึงพักสายตาอยู่ครู่ใหญ่ เวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง สายการบินอีวาแอร์ก็พาผมไปถึงสนามบินนานาชาติเถาหยวน ที่ถือเป็นประตูสู่โลกภายนอกของประเทศไต้หวัน เมื่อทุกคนผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วก็ปาเข้าไป 4 ทุ่ม รถมารับพวกเราแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงแรมเพื่อนอนเอาแรงไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ยังไงค่ำคืนนี้ผมขอกล่าวว่า หวั่นอัน (ราตรีสวัสดิ์)

/// “ฟลอรา เอ็กซ์โปมหกรรมพืชสวนโลกฉบับไต้หวัน

เช้าวันรุ่งขึ้นรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ช่วงที่ผมนั่งรถเลยมีเรื่องเล่าขำๆ เกี่ยวกับสภาพอากาศของไต้หวันมาเล่าสู่กันฟัง เขาบอกว่า สภาพอากาศของไต้หวันเหมือนเป็นตัวแทนแม่เลี้ยง หลายคนคงงง มันเกี่ยวกันยังไง เกี่ยวครับ...เพราะเขาบอกว่า จิตใจและอารมณ์ของแม่เลี้ยงจะแปรปรวน ไม่คงที่ ไม่ต่างจากสภาพอากาศไต้หวันที่มีฝนตกทั้งปีนั่นเองฟังดูแล้วก็ทำให้เราอมยิ้มได้นะครับ

เดินทางไม่นานทางคณะเราก็ไปถึงโรงแรมแกรนด์ในกรุงไทเป เป็นโรงแรมที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นโรงแรมของ ซ่งเหม่ยหลิง ภรรยาของ เจียงไคเชก ประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน ที่สร้างขึ้นมาเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา จังหวะเดินชมโรงแรมที่มีอายุเข้าวัยกลางคน สังเกตว่าสภาพของโรงแรมยังดูดี ซึ่งว่ากันว่าซ่งเหม่ยหลิงเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลของจีน และเธอเสียชีวิตลงเมื่ออายุ 104 ปี

ส่วนด้านขวาถัดจากโรงแรมแกรนด์ยังมีอนุสรณ์สถานวีรชน (The Martyr’s Shrine) เป็นที่สักการะดวงวิญญาณของทหารจำนวน 330,000 คน ที่สังเวยชีวิตในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่น และสงครามกลางเมืองของประเทศจีน มีการจัดพิธีสักการะ โดยทหารจะแต่งเครื่องแบบและเดินสับเปลี่ยนเวรยามทุกชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 . เป็นต้นไป เป็นภาพที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เจ้าหน้าที่บรรยายพร้อมพาชมสถานที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฉบับไต้หวัน ไทเป ฟลอรา เอ็กซ์โป 2010 (The 2010 Taipei International Flora Exposition) มีดอกไม้นานาชนิดจากกว่า 40 ประเทศให้ได้ชม แต่เราค่อนข้างโชคร้าย เนื่องจากก่อนหน้านี้สถานที่แห่งนี้พายุเข้า ทำให้ต้นไม้ภายในงานเกิดความเสียหายมากมาย เลยต้องปิดปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ให้อยู่ในสภาพเดิม แต่ถึงเราไม่ได้เข้าไปยังด้านใน ผมก็เดินเที่ยวชมโดยรอบ ก็ทำให้คิดได้ว่าดอกไม้ที่มีอยู่ทั่วไป จริงๆ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็เกิดความสวยงามแทบทั้งนั้น แต่งานฟลอรา เอ็กซ์โป เปรียบเทียบกับพืชสวนโลกที่เชียงใหม่มีความสวยไม่แพ้กันเลย แต่ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ลองบินไปชมกันดูครับ

แม้ผมจะไม่ได้เข้าไปดูภายในงานฟลอรา เอ็กซ์โป ผมได้ไปดูพื้นที่โซนแรก สถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมากคือ อาคารรูปเรือขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่สร้างจากขวดน้ำ1,520,000 ขวด เป็นทรงหกเหลี่ยม ออกแบบให้เป็นรังของผึ้ง แล้วใช้หลอดไฟแอลอีดี 40,000 หลอด ประดับด้านใน เมื่อเปิดไฟ แสงไฟจากหลอดซึ่งมีความสว่างมากกว่าหลอดไฟทั่วไปถึง 10 เท่า ก็สะท้อนผ่านเหลี่ยมมุมของขวดหกเหลี่ยมออกมาทำให้ตัวอาคารดูสวยงามมาก

ยังไม่สายครับ เพราะงานไทเป ฟลอรา เอ็กซ์โป 2010 จะจัดไปจนถึงเดือนเมษายน 2554 โดยจัดอยู่กลางกรุงไทเป รวมพื้นที่ 918,000 ตารางเมตร ด้วยงบประมาณการลงทุน 12,300 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่การจัดงานเกือบ 1 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็น 4 โซน ภายใต้คอนเซปต์รวมชื่อ River Flower New Horizon เป็นธีมการจัดงานที่นอกเหนือจากความสวยงามที่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินสัมผัสกับสวนไม้ดอกไม้ประดับจากนานาประเทศแล้ว สิ่งที่รัฐบาลไต้หวันต้องการสอดแทรกให้พลเมืองก็คือ การรักษาสิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงาน

/// ซีเหมินติง หรือสยามสแควร์ไต้หวัน

หลังรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยก็ได้ไปเดินอัพเดตแฟชั่นและการตกแต่งร้านค้าสไตล์ไต้หวันกันที่ย่านช็อปปิ้งซีเหมินติง หรือสยามสแควร์ไต้หวันแห่งนี้ ถือเป็นแหล่งช็อปปิ้งสำหรับวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก แต่ละจุดจะได้เห็นวัยรุ่นรวมตัวกันทำกิจกรรมการแสดงตามท้องถนน อาทิ เล่นดนตรีร้องเพลง,บางกลุ่มก็เป็นเอ็นจีโอหาทุนช่วยเหลือสุนัขจรจัด

ที่นี่มีสินค้าหลากหลายรวมทั้งสินค้าแฟชั่นเทรนใหม่ๆ เยอะมาก ไม่น่าเชื่อว่าวัยรุ่น นักท่องเที่ยวจะมาเดินช้อปปิ้งกันเนื่องแน่นทุกซอย ทุกถนนที่ผมเดินไปมีสิ่งให้เราตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังมีภาพที่ทำให้นึกถึงเมืองไทย ก็คือตอนที่บรรดารถเข็นขายอาหาร ที่ใครกำลังซื้ออาจต้องรีบซื้อรีบจ่ายเงิน เพราะเป็นสัญญาณว่าเทศกิจไต้หวันกำลังเดินมาแม่ค้าพ่อค้าอาจจะวิ่งหนีหายไป ดูไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเทศกิจบ้านเราเลยครับ

/// Modern Toilet ร้านอาหารส้วม...

ค่ำนี้ทางคณะได้รับประทานอาหารกันที่ Modern Toilet เป็นร้านขายอาหารและไอศกรีม มีจุดเด่นที่การออกแบบตกแต่งร้านและใช้จานชามจากโถสุขภัณฑ์ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตึก MPM ตรงข้ามกับห้าง Langham Place ย่าน Mongkok เชื่อไหมว่า ทุกคนที่ไปร่วมรับประทานอาหารต่างเห็นอาหารที่มาเสิร์ฟกับโถส้วม พร้อมเครื่องดื่มที่มาในกระบอกคอมฟอร์ด100 ต่างคนต่างหัวเราะ แต่ก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย เลยมองเรื่องส้วมๆผ่านไปจะด้วยความหิวหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ แต่พอปิดท้ายด้วยไอศกรีมที่มาในรูปทรงแบบอุจจาระจำลอง ทุกคนกลั่นหัวเราะกันไม่อยู่งานนี้ความเหมือนเลยทำให้ทุกหยุดกินกลางคัน ต่างคนก็ขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกเสียเลย อย่างไรก็ตาม หวังซีเว่ย เจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ เล่าให้ฟังว่า ได้เปิดร้านโมเดิร์นทอยเล็ตสาขาแรกเมื่อปี 2547 หลังจากที่ได้เห็นภาพการ์ตูนญี่ปุ่นที่วาดรูปห้องสุขา และมีสัญลักษณ์เกี่ยวกับส้วมปรากฏในเมนูอาหารและเครื่องดื่ม เลยทำให้ปิ้งไอเดียในการเปิดร้าน Modern Toilet

/// ความยิ่งใหญ่ตึกไทเป 101”

ภายหลังเดินทางเข้าที่พักก็ได้ออกไปท่องราตรี ด้วยการนั่งรถไฟใต้ดินที่ดูจะวิ่งเร็วกว่าบ้านเราเสียอีกนะครับ เพียง 5 สถานีใช้เวลาประมาณ 10 นาที ผมก็มาถึงตึกไทเป 101 ก็ขึ้นไปถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งตึกไทเป 101 นี้ยังเคยเป็น ตึกที่สูงที่สุดในโลก อยู่ช่วงหนึ่ง แต่เพิ่งมาถูกล้มแชมป์เมื่อไม่นานมานี้เพราะถูกตึกเบิร์จดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่สร้างขึ้นได้สูงกว่าชิงอันดับหนึ่งไป สำหรับตึกไทเป 101 นี้มีความสูง 509.2 เมตร มีจำนวนชั้นทั้งหมด 101 ชั้น การสร้างตัวอาคารนั้นใช้เทคโนโลยีลดอันตรายจากแรงลม หรือระบบแดมเปอร์รวม (Mass Damper) และมีการตกแต่งตัวตึกด้วยรูปหัวมังกรที่มุมอาคารทั้ง 4 ด้านทุกปล้องตามความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ยของชาวจีนอีกด้วย

ภายในตึกไทเป 101 นั้นก็เป็นทั้งศูนย์การค้า มีสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลายขายอยู่หลายร้าน และยังมีสะพานลอยสำหรับเดินจากอาคารไทเป 101 ไปโรงแรมและห้างที่อยู่บริเวณนั้นได้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังเป็นสำนักงาน เป็นภัตตาคาร และที่สำคัญยังเป็นจุดชมวิวเมืองไทเปได้กว้างไกลทั้งสี่ทิศ สามารถขึ้นไปชมได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน

/// อาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพ

เช้าวันรุ่งขึ้นทางคณะเดินทางออกจากไทเปโดยมีจุดหมายปลายทางเพื่อไปอาบน้ำแร่ อำเภอเจียวซี จังหวัดอี๋หลัน รถบัสวิ่งไปบนถนนเหินกว้านกงลู่ เป็นถนนสายยุทธศาสตร์ โดยตัดจากตะวันออกไปตะวันตกผ่านใจกลางเกาะไต้หวัน ผ่านหุบเขาที่สั่งสมชั้นของหินแกรนิตและหินอ่อน...เห็นแล้วต้องทึ่ง เพราะเขาทั้งลูกเจาะเป็นอุโมงค์ให้รถวิ่งผ่านไปได้กว่า 10 กิโลเมตร

เมื่อเดินทางเข้าสู่เมืองเจียวซีแล้วยังได้เดินเท้าเข้าไปชมน้ำตกหลินเหม่ยสือผัน ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ค่ำนี้เราได้เข้าพักที่ โรงแรม เอเวอร์กรีน รีสอร์ท ได้ลงแช่และอาบน้ำแร่ เชื่อไหมครับว่า มันช่างเป็นช่วงสวรรค์บนดินโดยแท้ เพราะน้ำแร่นั้นเป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์ ว่ามีผลช่วยขจัดปัญหา และรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ผลดี และยังช่วย ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับไขข้อและกล้ามเนื้อ

จะว่าไปแล้วการอาบน้ำแร่ หรือบ่อน้ำพุร้อนเจียวซี ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมา เรียกว่าเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกในเรื่องการลงแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ปกครองโดยญี่ปุ่น ในช่วงเวลานั้นบ่อน้ำพุร้อนถูกสร้างขึ้น เพื่อให้ประชา ชนทั่วไปสามารถลงไปแช่อาบได้ จึงทำให้การแช่น้ำที่บ่อน้ำพุร้อนเป็นที่นิยมมากกว่าเดิม คนท้องถิ่นที่นี่ใช้น้ำแร่ในการรดผัก ทำให้ผักอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ซึ่งเป็นอาหารจานพิเศษของเมืองเจียวซีเอาเป็นว่าหากใครได้มีโอกาสมาไต้หวันอย่าลืมแวะมาแช่น้ำแร่ที่นี่นะครับ

/// พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ & สะพาน Lovers

วันสุดท้ายทางคณะได้เดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไต้หวัน (National Palace Museum) หรือเรียกว่า กู้กง ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อันดับต้นๆของโลก ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมศิลปวัตถุโบราณที่มีค่ามหาศาล อายุกว่า 5,000 ปี จากยุคหินใหม่ จนถึงสมัยราชวงศ์ชิง ในตอนต้นศตวรรษ ที่ 20 ศิลปวัตถุมีค่าดังกล่าว ประกอบด้วย เครื่องเคลือบ เครื่องทองเหลือง หยก งานแกะสลัก ภาพวาด และงานเขียนลายมือ รวมกว่า 650,000 ชิ้น รูปแบบภายนอกจำลองจากพระราชวังกู้กงของเมืองปักกิ่ง มีการจัดแสดง ศิลปวัตถุ อย่างเป็นหมวดหมู่ อาทิ เครื่องทองเหลือง เครื่องเซรามิก งานศิลป์ และ งานเขียนลายมือ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆเราสามารถเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างประวัติศาสตร์กับศิลปะจีน

ภายในยังจัดแสดง งานศิลปะร่วมสมัย ทางเข้าที่ท่านเข้าสู่พิพิธภัณฑ์คือความงดงามของสวนจี๋ชานที่ออกแบบโดย งานเขียนลายมือของ หวัง ซื่อ ฉี ที่ วาดภาพออกมาสะท้อนถึงความงามของสวนแบบจีนได้อย่างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายภาพมาให้ดูได้ เพราะทางพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายเด็ดขาด เลยมีเฉพาะภาพด้านนอกมาฝากกันเท่านั้น

จากนั้นผมเดินทางไปเที่ยวบนถนนสายเก่าตันสุ่ย ตันสุ่ยเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อย่างมากมาย เมืองแห่งนี้เคยเปิดเป็นท่าเรือแห่งชาติดเมื่อปี ..1858 ซึ่งถือว่าเป็นท่าเรือแห่งแรกทางตอนเหนือของไต้หวัน บทบาทของเมืองท่าที่มีแต่ความอลหม่านวุ่นวายมาเป็นเวลานาน แต่บนถนนสายเก่า นักท่องเที่ยวยังสามารถพบกับซากของวันวานที่เคยรุ่งเรือง รวมไปถึงตึกที่สร้างในสไตล์ตะวันตก

ผมและคณะเลยได้ลงเรือตรงแม่น้ำตันสุยเพื่อไปขึ้นที่ท่าเรือประมง ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่อยู่บนฝั่งขวาของปากแม่น้ำตันสุ่ย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะเป็นท่าจอดเรือขนาดใหญ่ปากทางของท่าเรือแห่งนี้เชื่อมติดกับสะพานสีขาวที่มีชื่อว่า"คู่รัก" (Lovers) ซึ่งเป็นสถานที่แห่งใหม่ในการนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่มีชื่อเสียงของตันฉุ่ย และวันนี้ผมได้พาเที่ยวไทเปแทบทุกซอกทุกมุมแล้ว ยังไงผมขอไปพักผ่อนเพื่อกลับเมืองไทย และผมขอกล่าวคำว่าไจ้เจี้ยน” (พบกันใหม่ครับ)


นิตยสาร WhO?

ขอบคุณ

สายการบินอีว่าแอร์ Eva Airways อาคาร Green Tower, ชั้น 2 เลขที่ 3656/4-5 ถนนพระราม 4

แขวงคลองเตย เขตคลองตัน กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 02-2400890 โทรสาร 02-2400887

http://www.evaair.com/