เรื่อง/ภาพ : สุทธิคุณ กองทอง
“นครไทเป” เมืองหลวงหลากเสน่ห์แห่งไต้หวัน
INTRO:
ไทเป เมืองหลวงของประเทศไต้หวัน เพิ่งฉลองวันชาติครบรอบ 99 ปี ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว มีทั้งความเจริญและทันสมัย แต่ก็ยังคงความงดงามแบบโบราณของสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างที่อยู่ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างกลมกลืน
ปีที่แล้วได้เดินทางไปนครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะอุณหภูมิติดลบที่ 13-15 องศา มีหิมะตกหนักมาก เรียกว่าหนาวสุดๆ ทำให้ผมเข้าใจในคำว่า “หนาวเข้ากระดูก” นั้นมันเป็นยังไง เรียกว่านึกถึงทีไรขนลุกทุกที แต่คราวนี้ผมไปไต้หวัน ตรวจสอบอุณหภูมิอยู่่ที่ 20-25 องศา สภาพอากาศค่อนข้างสบายๆ เลยไม่เตรียมเสื้อผ้าอะไรมาก
ผมเดินทางไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 16.00 น. เพื่อเช็กอินไปกับสายการบินอีวาแอร์ ที่เป็นเพื่อนเดินทางให้กับผมตลอดทริปนี้ ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องผมก็อ่านหนังสือจนสายตาอ่อนล้า จึงพักสายตาอยู่ครู่ใหญ่ เวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง สายการบินอีวาแอร์ก็พาผมไปถึงสนามบินนานาชาติเถาหยวน ที่ถือเป็นประตูสู่โลกภายนอกของประเทศไต้หวัน เมื่อทุกคนผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วก็ปาเข้าไป 4 ทุ่ม รถมารับพวกเราแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงแรมเพื่อนอนเอาแรงไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ยังไงค่ำคืนนี้ผมขอกล่าวว่า หวั่นอัน (ราตรีสวัสดิ์)
/// “ฟลอรา เอ็กซ์โป” มหกรรมพืชสวนโลกฉบับไต้หวัน
เช้าวันรุ่งขึ้นรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ช่วงที่ผมนั่งรถเลยมีเรื่องเล่าขำๆ เกี่ยวกับสภาพอากาศของไต้หวันมาเล่าสู่กันฟัง เขาบอกว่า สภาพอากาศของไต้หวันเหมือนเป็นตัวแทนแม่เลี้ยง หลายคนคงงง มันเกี่ยวกันยังไง เกี่ยวครับ...เพราะเขาบอกว่า “จิตใจและอารมณ์ของแม่เลี้ยงจะแปรปรวน ไม่คงที่ ไม่ต่างจากสภาพอากาศไต้หวันที่มีฝนตกทั้งปีนั่นเอง” ฟังดูแล้วก็ทำให้เราอมยิ้มได้นะครับ
เดินทางไม่นานทางคณะเราก็ไปถึงโรงแรมแกรนด์ในกรุงไทเป เป็นโรงแรมที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นโรงแรมของ ซ่งเหม่ยหลิง ภรรยาของ เจียงไคเชก ประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน ที่สร้างขึ้นมาเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา จังหวะเดินชมโรงแรมที่มีอายุเข้าวัยกลางคน สังเกตว่าสภาพของโรงแรมยังดูดี ซึ่งว่ากันว่าซ่งเหม่ยหลิงเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลของจีน และเธอเสียชีวิตลงเมื่ออายุ 104 ปี
ส่วนด้านขวาถัดจากโรงแรมแกรนด์ยังมีอนุสรณ์สถานวีรชน (The Martyr’s Shrine) เป็นที่สักการะดวงวิญญาณของทหารจำนวน 330,000 คน ที่สังเวยชีวิตในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่น และสงครามกลางเมืองของประเทศจีน มีการจัดพิธีสักการะ โดยทหารจะแต่งเครื่องแบบและเดินสับเปลี่ยนเวรยามทุกชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป เป็นภาพที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
เจ้าหน้าที่บรรยายพร้อมพาชมสถานที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฉบับไต้หวัน ไทเป ฟลอรา เอ็กซ์โป 2010 (The 2010 Taipei International Flora Exposition) มีดอกไม้นานาชนิดจากกว่า 40 ประเทศให้ได้ชม แต่เราค่อนข้างโชคร้าย เนื่องจากก่อนหน้านี้สถานที่แห่งนี้พายุเข้า ทำให้ต้นไม้ภายในงานเกิดความเสียหายมากมาย เลยต้องปิดปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ให้อยู่ในสภาพเดิม แต่ถึงเราไม่ได้เข้าไปยังด้านใน ผมก็เดินเที่ยวชมโดยรอบ ก็ทำให้คิดได้ว่าดอกไม้ที่มีอยู่ทั่วไป จริงๆ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็เกิดความสวยงามแทบทั้งนั้น แต่งานฟลอรา เอ็กซ์โป เปรียบเทียบกับพืชสวนโลกที่เชียงใหม่มีความสวยไม่แพ้กันเลย แต่ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ลองบินไปชมกันดูครับ
แม้ผมจะไม่ได้เข้าไปดูภายในงานฟลอรา เอ็กซ์โป ผมได้ไปดูพื้นที่โซนแรก สถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมากคือ อาคารรูปเรือขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่สร้างจากขวดน้ำ1,520,000 ขวด เป็นทรงหกเหลี่ยม ออกแบบให้เป็นรังของผึ้ง แล้วใช้หลอดไฟแอลอีดี 40,000 หลอด ประดับด้านใน เมื่อเปิดไฟ แสงไฟจากหลอดซึ่งมีความสว่างมากกว่าหลอดไฟทั่วไปถึง 10 เท่า ก็สะท้อนผ่านเหลี่ยมมุมของขวดหกเหลี่ยมออกมาทำให้ตัวอาคารดูสวยงามมาก
ยังไม่สายครับ เพราะงานไทเป ฟลอรา เอ็กซ์โป 2010 จะจัดไปจนถึงเดือนเมษายน 2554 โดยจัดอยู่กลางกรุงไทเป รวมพื้นที่ 918,000 ตารางเมตร ด้วยงบประมาณการลงทุน 12,300 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่การจัดงานเกือบ 1 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็น 4 โซน ภายใต้คอนเซปต์รวมชื่อ River Flower New Horizon เป็นธีมการจัดงานที่นอกเหนือจากความสวยงามที่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินสัมผัสกับสวนไม้ดอกไม้ประดับจากนานาประเทศแล้ว สิ่งที่รัฐบาลไต้หวันต้องการสอดแทรกให้พลเมืองก็คือ การรักษาสิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงาน
/// ซีเหมินติง หรือสยามสแควร์ไต้หวัน
หลังรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยก็ได้ไปเดินอัพเดตแฟชั่นและการตกแต่งร้านค้าสไตล์ไต้หวันกันที่ย่านช็อปปิ้งซีเหมินติง หรือสยามสแควร์ไต้หวันแห่งนี้ ถือเป็นแหล่งช็อปปิ้งสำหรับวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก แต่ละจุดจะได้เห็นวัยรุ่นรวมตัวกันทำกิจกรรมการแสดงตามท้องถนน อาทิ เล่นดนตรีร้องเพลง,บางกลุ่มก็เป็นเอ็นจีโอหาทุนช่วยเหลือสุนัขจรจัด
ที่นี่มีสินค้าหลากหลายรวมทั้งสินค้าแฟชั่นเทรนใหม่ๆ เยอะมาก ไม่น่าเชื่อว่าวัยรุ่น นักท่องเที่ยวจะมาเดินช้อปปิ้งกันเนื่องแน่นทุกซอย ทุกถนนที่ผมเดินไปมีสิ่งให้เราตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังมีภาพที่ทำให้นึกถึงเมืองไทย ก็คือตอนที่บรรดารถเข็นขายอาหาร ที่ใครกำลังซื้ออาจต้องรีบซื้อรีบจ่ายเงิน เพราะเป็นสัญญาณว่าเทศกิจไต้หวันกำลังเดินมาแม่ค้าพ่อค้าอาจจะวิ่งหนีหายไป ดูไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเทศกิจบ้านเราเลยครับ
/// Modern Toilet ร้านอาหารส้วม...
ค่ำนี้ทางคณะได้รับประทานอาหารกันที่ Modern Toilet เป็นร้านขายอาหารและไอศกรีม มีจุดเด่นที่การออกแบบตกแต่งร้านและใช้จานชามจากโถสุขภัณฑ์ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตึก MPM ตรงข้ามกับห้าง Langham Place ย่าน Mongkok เชื่อไหมว่า ทุกคนที่ไปร่วมรับประทานอาหารต่างเห็นอาหารที่มาเสิร์ฟกับโถส้วม พร้อมเครื่องดื่มที่มาในกระบอกคอมฟอร์ด100 ต่างคนต่างหัวเราะ แต่ก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย เลยมองเรื่องส้วมๆผ่านไปจะด้วยความหิวหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ แต่พอปิดท้ายด้วยไอศกรีมที่มาในรูปทรงแบบอุจจาระจำลอง ทุกคนกลั่นหัวเราะกันไม่อยู่งานนี้ความเหมือนเลยทำให้ทุกหยุดกินกลางคัน ต่างคนก็ขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกเสียเลย อย่างไรก็ตาม หวังซีเว่ย เจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ เล่าให้ฟังว่า ได้เปิดร้านโมเดิร์นทอยเล็ตสาขาแรกเมื่อปี 2547 หลังจากที่ได้เห็นภาพการ์ตูนญี่ปุ่นที่วาดรูปห้องสุขา และมีสัญลักษณ์เกี่ยวกับส้วมปรากฏในเมนูอาหารและเครื่องดื่ม เลยทำให้ปิ้งไอเดียในการเปิดร้าน Modern Toilet
/// ความยิ่งใหญ่ “ตึกไทเป 101”
ภายหลังเดินทางเข้าที่พักก็ได้ออกไปท่องราตรี ด้วยการนั่งรถไฟใต้ดินที่ดูจะวิ่งเร็วกว่าบ้านเราเสียอีกนะครับ เพียง 5 สถานีใช้เวลาประมาณ 10 นาที ผมก็มาถึงตึกไทเป 101 ก็ขึ้นไปถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งตึกไทเป 101 นี้ยังเคยเป็น ตึกที่สูงที่สุดในโลก อยู่ช่วงหนึ่ง แต่เพิ่งมาถูกล้มแชมป์เมื่อไม่นานมานี้เพราะถูกตึกเบิร์จดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่สร้างขึ้นได้สูงกว่าชิงอันดับหนึ่งไป สำหรับตึกไทเป 101 นี้มีความสูง 509.2 เมตร มีจำนวนชั้นทั้งหมด 101 ชั้น การสร้างตัวอาคารนั้นใช้เทคโนโลยีลดอันตรายจากแรงลม หรือระบบแดมเปอร์รวม (Mass Damper) และมีการตกแต่งตัวตึกด้วยรูปหัวมังกรที่มุมอาคารทั้ง 4 ด้านทุกปล้องตามความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ยของชาวจีนอีกด้วย
ภายในตึกไทเป 101 นั้นก็เป็นทั้งศูนย์การค้า มีสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลายขายอยู่หลายร้าน และยังมีสะพานลอยสำหรับเดินจากอาคารไทเป 101 ไปโรงแรมและห้างที่อยู่บริเวณนั้นได้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังเป็นสำนักงาน เป็นภัตตาคาร และที่สำคัญยังเป็นจุดชมวิวเมืองไทเปได้กว้างไกลทั้งสี่ทิศ สามารถขึ้นไปชมได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน
/// อาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพ
เช้าวันรุ่งขึ้นทางคณะเดินทางออกจากไทเปโดยมีจุดหมายปลายทางเพื่อไปอาบน้ำแร่ อำเภอเจียวซี จังหวัดอี๋หลัน รถบัสวิ่งไปบนถนนเหินกว้านกงลู่ เป็นถนนสายยุทธศาสตร์ โดยตัดจากตะวันออกไปตะวันตกผ่านใจกลางเกาะไต้หวัน ผ่านหุบเขาที่สั่งสมชั้นของหินแกรนิตและหินอ่อน...เห็นแล้วต้องทึ่ง เพราะเขาทั้งลูกเจาะเป็นอุโมงค์ให้รถวิ่งผ่านไปได้กว่า 10 กิโลเมตร
เมื่อเดินทางเข้าสู่เมืองเจียวซีแล้วยังได้เดินเท้าเข้าไปชมน้ำตกหลินเหม่ยสือผัน ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ค่ำนี้เราได้เข้าพักที่ โรงแรม เอเวอร์กรีน รีสอร์ท ได้ลงแช่และอาบน้ำแร่ เชื่อไหมครับว่า มันช่างเป็นช่วงสวรรค์บนดินโดยแท้ เพราะน้ำแร่นั้นเป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์ ว่ามีผลช่วยขจัดปัญหา และรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ผลดี และยังช่วย ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับไขข้อและกล้ามเนื้อ
จะว่าไปแล้วการอาบน้ำแร่ หรือบ่อน้ำพุร้อนเจียวซี ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมา เรียกว่าเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกในเรื่องการลงแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ปกครองโดยญี่ปุ่น ในช่วงเวลานั้นบ่อน้ำพุร้อนถูกสร้างขึ้น เพื่อให้ประชา ชนทั่วไปสามารถลงไปแช่อาบได้ จึงทำให้การแช่น้ำที่บ่อน้ำพุร้อนเป็นที่นิยมมากกว่าเดิม คนท้องถิ่นที่นี่ใช้น้ำแร่ในการรดผัก ทำให้ผักอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ซึ่งเป็นอาหารจานพิเศษของเมืองเจียวซีเอาเป็นว่าหากใครได้มีโอกาสมาไต้หวันอย่าลืมแวะมาแช่น้ำแร่ที่นี่นะครับ
/// พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ & สะพาน Lovers
วันสุดท้ายทางคณะได้เดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไต้หวัน (National Palace Museum) หรือเรียกว่า กู้กง ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อันดับต้นๆของโลก ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมศิลปวัตถุโบราณที่มีค่ามหาศาล อายุกว่า 5,000 ปี จากยุคหินใหม่ จนถึงสมัยราชวงศ์ชิง ในตอนต้นศตวรรษ ที่ 20 ศิลปวัตถุมีค่าดังกล่าว ประกอบด้วย เครื่องเคลือบ เครื่องทองเหลือง หยก งานแกะสลัก ภาพวาด และงานเขียนลายมือ รวมกว่า 650,000 ชิ้น รูปแบบภายนอกจำลองจากพระราชวังกู้กงของเมืองปักกิ่ง มีการจัดแสดง ศิลปวัตถุ อย่างเป็นหมวดหมู่ อาทิ เครื่องทองเหลือง เครื่องเซรามิก งานศิลป์ และ งานเขียนลายมือ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆเราสามารถเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างประวัติศาสตร์กับศิลปะจีน
ภายในยังจัดแสดง งานศิลปะร่วมสมัย ทางเข้าที่ท่านเข้าสู่พิพิธภัณฑ์คือความงดงามของสวนจี๋ชานที่ออกแบบโดย งานเขียนลายมือของ หวัง ซื่อ ฉี ที่ วาดภาพออกมาสะท้อนถึงความงามของสวนแบบจีนได้อย่างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายภาพมาให้ดูได้ เพราะทางพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายเด็ดขาด เลยมีเฉพาะภาพด้านนอกมาฝากกันเท่านั้น
จากนั้นผมเดินทางไปเที่ยวบนถนนสายเก่าตันสุ่ย ตันสุ่ยเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อย่างมากมาย เมืองแห่งนี้เคยเปิดเป็นท่าเรือแห่งชาติดเมื่อปี ค.ศ.1858 ซึ่งถือว่าเป็นท่าเรือแห่งแรกทางตอนเหนือของไต้หวัน บทบาทของเมืองท่าที่มีแต่ความอลหม่านวุ่นวายมาเป็นเวลานาน แต่บนถนนสายเก่า นักท่องเที่ยวยังสามารถพบกับซากของวันวานที่เคยรุ่งเรือง รวมไปถึงตึกที่สร้างในสไตล์ตะวันตก
ผมและคณะเลยได้ลงเรือตรงแม่น้ำตันสุยเพื่อไปขึ้นที่ท่าเรือประมง ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่อยู่บนฝั่งขวาของปากแม่น้ำตันสุ่ย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะเป็นท่าจอดเรือขนาดใหญ่ปากทางของท่าเรือแห่งนี้เชื่อมติดกับสะพานสีขาวที่มีชื่อว่า"คู่รัก" (Lovers) ซึ่งเป็นสถานที่แห่งใหม่ในการนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่มีชื่อเสียงของตันฉุ่ย และวันนี้ผมได้พาเที่ยวไทเปแทบทุกซอกทุกมุมแล้ว ยังไงผมขอไปพักผ่อนเพื่อกลับเมืองไทย และผมขอกล่าวคำว่า “ไจ้เจี้ยน” (พบกันใหม่ครับ)
นิตยสาร WhO?
ขอบคุณ
สายการบินอีว่าแอร์ Eva Airways อาคาร Green Tower, ชั้น 2 เลขที่ 3656/4-5 ถนนพระราม 4
แขวงคลองเตย เขตคลองตัน กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 02-2400890 โทรสาร 02-2400887
http://www.evaair.com/