สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553


















































W79.Travel.สุราษฎร์ธานี.noom

เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์

ท่าลมหนาว…กลางทะเลสาบแห่งขุนเขา

“กุ้ยหลินเมืองไทย”

สุราษฎร์ธานี มีประวัติความเป็นมายาวนานมีหลักฐานการเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัย ปรากฏอยู่ที่อำเภอไชยามีวิวัฒนาการต่อเนื่องมา รัชกาลที่ 6 พระราชทานนามว่า สุราษฎร์ธานี ซึ่งแปลว่าเมืองแห่งคนดี ความกว้างของพื้นที่ทั้งเทือกเขา,ถ้ำ, น้ำตก, แอ่งน้ำ ลำธารมากมาย บริเวณเหนือเขื่อนรัชชประภา เป็นทะเลบนภูเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านรอคอยนักท่องเที่ยวได้มาเยือนและสัมผัสกับธรรมชาติที่มีลมหนาวพัดผ่าน

แม้ยามนี้เมืองไทยเรากำลังจะผ่านน่าฝนน้ำท่วมไปหมาดๆ และทิ้งความโศกเศร้าให้กับคนไทยในหลายพื้นที่ แต่ความโหดร้ายกับเรื่องเศร้าๆ ก็ผ่านไปแล้ว ผมว่าเรามาเริ่มต้นศักราชใหม่กันด้วยการท่องเที่ยวให้ลืมวันอันโหดร้ายกันดีกว่า ผมเชื่อว่าหลายคนคงตั้งใจจะไปรับลมหนาวทางภาคเหนือหรือไม่ก็อีสานตอนบนอย่างแน่นอน เพราะกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าจากนี้ไปสภาพอากาศเมืองไทยในหลายพื้นที่จะเริ่มมีความกดอากาศสูงหรือมวลเย็นจากจีนเริ่มแผ่ลงมาปกคลุมเป็นระยะๆ ทำให้มีอากาศเย็นสบาย เพราะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และปีนี้คาดว่าอากาศจะหนาวที่สุดในรอบ 30 ปี

ว่าแล้วผมต้องหยิบเสื้อกันหนาวที่เก็บเอาไว้จนเป็นม่ายมาหลายปี มาใส่เพื่อให้ชีวิตมีสีสันกันครับ ในรายงานกรมอุตุฯยังบอกอีกว่า ภาคเหนือ และภาคอีสานตอนบนจะมีอุณภูมิต่ำกว่า 2-3 องศาฯ กันทีเดียว ความหนาวที่ว่านี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อต้นปี 2553 ผมได้เดินทางไปท่องเที่ยวปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สภาพอากาศมีอุณหภูมิติดลบที่ 13-15 องศาฯ หนาวสุดๆ ทำให้ผมเข้าใจในคำว่าที่ “หนาวเข้ากระดูก” นั้นมันเป็นยังไง นึกถึงที่ไรขนลุกทุกที

ผมเกริ่นไปตั้งมากมายทริปนี้ผมตั้งใจเดินทางมาเที่ยว จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ผมขอบอกก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้เที่ยวทะเลหรือเกาะแก่งที่สวยงามดังคำกล่าวว่าเป็นเมืองร้อยเกาะที่มีชื่อเสี่ยงไปทั่วโลก เช่นเกาะสมุย เกาะพะงันหมู่เกาะอ่างทอง จนถูกเรียกขานว่าเป็นสวรรค์กลางอ่าวไทยหรอกครับ แต่ผมอยากพาทุกท่านมาท่องเที่ยวสถานที่ ที่มีกลิ่นอายของความเป็นขุนเขาแห่งเมืองจีน ที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าท่ามกลางธรรมชาติและสายน้ำ

หากใครไม่ได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงปีใหม่ ยังไงลองเดินทางมารับลมหนาวกันที่ อุทยานแห่งชาติ เขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ขนานนามให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” ท่ามกลางขุนเขาสูงล้ำค้ำฟ้าตระหง่านเงื้อมประดุจภูผาปราการ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งกำเนิดของพืชพันธุ์เฉพาะถิ่นหลากหลาย ให้ผู้คนค้นหาคุณค่าป่าดงดิบอันพิสุทธิ์ของแดนใต้ ตามคำกล่าวขาน ที่ใครอาจเผลอนึกไปได้ว่านี่คือกุ้ยหลินเมืองไทย ที่ไม่ต้องบินไปดูไกลถึงเมืองจีน แต่การมาเที่ยวครั้งนี้ผมยังได้ไกด์กิตติมศักดิ์พาเที่ยวกันด้วยครับ เขาก็คือ คุณแทน เทือกสุบรรณ ประธานกรรมการบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด แถมเป็นบุตรชายของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และการเดินทางของเราก็กำลังเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้....


//สักการะ... พระธาตุศรีสุราษฎร์

ไหนๆ มาเยือน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า "เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรม" ก่อนที่เราจะไปเที่ยวกัน คุณแทนได้พาไปสักการะพระธาตุศรีสุราษฎร์ เพื่อให้เป็นมงคลกับชีวิต แล้วใครได้มากราบพระธาตุแห่งนี้ถือว่า มาถึงสุราษฎร์ธานีแล้วครับ ซึ่งยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเมืองสุราษฎร์ธานีได้ทั้งหมด ดูแล้วสวยงามมาก และสถานที่แห่งนี้ เมื่อวันที่ 27 มีค.2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จนมัสการพระธาตุแห่งนี้ ต่อมาในปี 2527 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุสาวก พร้อมกับทรงปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึกด้วย

จากนั้นไกด์กิตติมศักดิ์ของเราก็พาไปบ่อน้ำพุร้อนท่าสะท้อน ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี น้ำพุแห่งนี้ มีจุดเด่นที่อาจไม่เหมือนที่ไหนก็ได้ครับ โดยตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 20 ไร่ มีลักษณะธรณีสัณฐานหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นสระน้ำร้อนและลานน้ำร้อน นอกจากนี้น้ำในสระยังมีสีแตกต่างกันตามอุณหภูมิของน้ำ เช่น บริเวณศูนย์กลางซึ่งมีความร้อนสูงกว่าที่อื่นจะมีสีน้ำเงิน ถัดออกมาซึ่งน้ำอุ่นขึ้นจะมีสีเขียว ส่วนตามขอบสระจะมีสีน้ำตาลหรือสีขาว 

ความสวยงามของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ ผมถือว่าโชคดีมาก เพราะกระทรวงมหาดไทยเพิ่งได้ทุ่มงบประมาณกว่า 50 ล้าน ให้บ่อน้ำพุร้อนท่าสะท้อนได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยชาวบ้านและโรงเรียนในพื้นที่ร่วมกันพัฒนา เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์และยกระดับให้เป็นสปาธรรมชาติกันทีเดียวครับ แบบนี้ผมเชื่อว่าโชว์ชาวต่างชาติได้สบายๆครับ

ไหนๆ ผมกับคุณแทนมาแล้ว ก็เลยลองทิ้งเท้าลงไปแช่น้ำพุร้อน ก็รู้สึกสบายๆ ขึ้นมาทันที และประโยชน์ที่ได้จากการแช่น้ำร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาปวดเมื่อย แล้วยังรักษาโรคเชื้อราตามร่างกายได้ด้วย สิ่งสำคัญยังสามารถช่วยกระตุ้นระบบประสาทของเราได้ด้วยละครับ ...แหม!! มันช่างแสนสบายและสุขใจเสียจริงๆ

//อุทยานแห่งชาติเขาสก...สัญลักษณ์แห่งขุนเขากุ้ยหลิน

เขาว่าความสุขจะผ่านไปเร็ว มันก็เร็วจริงๆด้วยละครับ เผลอแป๊บเดียวเที่ยงวันอีกแล้ว แม้วันนี้อากาศจะดูดี ภาคใต้ตามสภาพอากาศที่มีฝนมีร้อนตลอดปี แต่ท้องฟ้าจะดูขรึมๆ คุณแทนและผมไม่ไว้ใจท้องฟ้าสักเท่าไหร่ เลยมุ่งหน้าไปที่อุทยานแห่งชาติเขาสก ที่มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในอำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอพนม และอำเภอบ้านตาขุน ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยหุบลึก ร่องลำธาร ถ้ำ และน้ำตก อุดมสมบูรณ์ด้วยพรรณไม้หายากระดับโลกหลายชนิด เช่น ปาล์มหลังขาว หมากพระราหู กระพ้อสี่สิบ บัวผุด ฯลฯ และมีนกป่าอาศัยอยู่กว่า 155 ชนิด ใจกลางผืนป่าเขาสก คือเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) ที่แสนจะสวยงามจริงๆ ครับ และไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะฉายาว่า กุ้ยหลินเมืองไทย

ระหว่างนั้นผมไม่รอช้ารีบลงเรือ ล่องไปในเขื่อนเชี่ยวหลาน ผมทอดสายตาทั้งคู่ออกไปกลางสายน้ำของเขื่อนก็ได้เห็นน้ำใสๆ ที่เป็นเหมือนสีเขียวมรกต ซึ่งว่ากันว่าน้ำในเขื่อนเป็นสีเขียวนั้นเกิดจากการกั้นลำคลองแสงจนเกิดทัศนียภาพของทะเลสาบขนาดใหญ่กว่า 1 แสนไร่ และเกาะหลายร้อยเกาะที่เหมาะจะผจญภัยเดินป่า พายเรือ ว่ายน้ำเล่น และยังมีพรรณไม้หลากชนิดให้เราได้ศึกษากันด้วยครับ

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงที่อยู่ในเขื่อนเชี่ยวหลาน สิ่งที่ผมได้ก็คิดอิ่มเอมกับธรรมชาติ ได้เห็นเกาะหินต่างๆ ที่สวยงามมาก คิดไปเล่นๆ นึกว่าอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรไม่แห่งใดก็แห่งหนึ่งกันเชียว แล้วพวกเราต้องรีบกลับเข้าฝั่งเพราะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า จากน้ำที่กระทบแสงอาทิตย์จนเป็นแสงเจิดจ้า ก้อนเมฆก็กำลังบดบังธรรมชาติจนมืดครึ้ม ในที่สุดผมและคุณแทนก็มาถึง เขาสามเกลอคือยอดเขาหินปูนที่เป็นไฮไลท์ของกุ้ยหลินเมืองไทย คุณแทนบอกว่าใครมาเที่ยวเขื่อนแห่งนี้แล้วมาไม่ถึงเขาสามเกลอแสดงว่ามาไม่ถึงกุ้ยหลินเมืองไทยครับ เผลอแป๊บเดียวสายน้ำมรกตที่ผมเห็นก็ค่อยๆมืดลงจากเฆมนั่นเอง บ่งบอกว่าฝนกำลังจะตามมาในเวลาอันใกล้ เรือจึงแล่นกลับเข้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็โชคดีเรือเทียบฝั่งสายฝนก็โปรยปรายลงมาพอดี พวกเราเลยไม่มีใครเปียกสักคนครับ

//อิ่มท้อง อิ่มใจ ริมเขื่อนแม่น้ำตาปี

ล่องเรือกันมาครึ่งวันท้องผมเริ่มร้องซะแล้ว ไกด์แทนเลยพาพวกผมไปตลาดศาลเจ้าในเมืองสุราษฎร์ฯ ไม่น่าเชื่อมีอาหารหลากหลายให้ได้เลือกกัน ใครที่ชอบปลาหมึกไข่เป็นตัวๆ ย่างกันสดๆ จิ้มน้ำจิ้มหวานเปรี้ยว เผ็ด แซ๋บหลายๆ แล้วผมยังได้กินเงาะโรงเรียนที่มีรสชาติดีที่สุดของเมืองไทย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ แล้วความคิดของผมก็ฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า คุณแทนเป็นถึงลูกชายอดีตรองนายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง

แต่วันนี้ผมเห็นภาพคุณแทนเดินหาซื้ออาหารในตลาดอย่างเป็นกันเองกับแม่ค้า ดูแล้วเขาช่างเป็นหนุ่มติดดิน เดินตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาดคุณแทนซื้ออาหารกินได้หมด โดยระหว่างทางจะมีแม่ค้า ชาวบ้านต่างเข้ามาทักทายคุณแทนตลอดทาง จนคุณแทนพูดเล่นๆกับผมว่า “พี่หนุ่มผมเหมือนนักการเมืองไหมพี่” พอได้ยินคำถามแบบนั้นก็ตอบกลับไปทันที “เหมือนมากคุณแทนลงเลือกตั้งชนะแน่ๆ” แต่คำตอบที่เคยได้จากคุณแทนก็คือ “ผมไม่ชอบการเมือง!...”

เมื่อเดินซื้ออาหารที่ตลาดศาลเจ้าเรียบร้อยแล้ว ไกด์กิตติมศักดิ์และผมก็ได้ไปนั่งรับประทานอาหารกันที่ร้าน... สายตามองออกไปก็จะเห็นเรือแล่นไปมาบนสายน้ำที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ริมเขื่อนแม่น้ำตาปีในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ช่วงเวลาเย็นๆในวันที่ท้องฟ้าพอเป็นใจให้บ้าง แสงสีก็น่าชมใช่น้อยเลย และวันนี้ผมได้อิ่มทั้งอาหารใจด้วยการทำบุญ อาหารตาได้ไปเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมไปถึงได้มาอิ่มท้องในตลาดแห่งนี้ แล้วค่ำนี้ก็มาเยือนผมอีกจนได้ ...หนังท้องเริ่มตึง หนังตาเริ่มหย่อน ผมขอซุกหลับบนหมอนนิ่มๆ กับภาพแห่งความสุขก่อนนะครับ... แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า อย่าลืมทำความดีรับปีใหม่กันด้วยนะครับ...ธรรมแห่งความโชคดีจงเกิดกับทุกท่านครับ


//การเดินทางไปยังสุราษฎร์ธานี

1.รถยนต์ จากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35(ธนบุรี-ปากท่อ)ถึงแยกวังมะนาวอำเภอปากท่อเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (เพชรเกษม)ผ่านจังหวัดเพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ ถึงแยกปฐมพรจังหวัดชุมพรแล้วตรงเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 จนถึงสุราษฎร์ธานีรวมระยะทางประมาณ 645 กม.

2.รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพ(หัวลำโพง)มีขบวนรถเร็วรถด่วนให้บริการทุกวันผู้โดยสารต้องไปลงรถที่สถานีสุราษฎร์ธานีในอำเภอพุนพิน แล้วต่อรถโดยสารเข้าตัวจังหวัดอีกประมาณ 13กม.สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.1690, 0-2220-4334สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี โทร.0- 7731-1213หรือwww.railway.co.th

3.รถโดยสารประจำทางบริษัทขนส่งจำกัดเปิดบริการเดินรถระหว่างกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานีและกรุงเทพฯ-เกาะสมุย ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ถนนบรมราชชนนี ทุกวันสอบถามรายละเอียดโทรศัพท์ 0-2435-1199 หรือ www.transport.co.th

รถโดยสารปรับอากาศเอกชน สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท โสภณทัวร์ โทร.0-2435-5023, 0-2435-7477 และบริษัท กรุงสยามทัวร์ โทร.0-2435 -5024, 0-2282-2118, 0-2884-9383 เครื่องบิน สอบถามไปได้ที่ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีโทร.0-7744-1137 หรือ www.thaiairway.com





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น