สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยวทะเล...เดินป่าหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติในดินแดนแห่งกวีเอก








นิตยสาร WhO?

เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์


เที่ยวทะเล...เดินป่าหน้าฝน

สัมผัสธรรมชาติในดินแดนแห่งกวีเอก


หากใครอยากเล่นน้ำทะเลต้องมาที่หาดสวนสน เป็นชายหาดยาว มีต้นสนแต่งเติมให้หาดมีสีสัน แต่บางคนชอบนั่งดูตะวันตกดินริมหาดก็ได้บรรยากาศดี ส่วนใครชอบภูเขาลำเนาไพรต้องไปเดินป่าบนเขายายดาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น นักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียวไม่ควรพลาด


วันหยุดที่ผ่านมาผมตั้งใจจะไปเที่ยวทะเลและเดินป่า คิดอยู่นาน สุดท้ายตัดสินใจเลือกไปเมืองระยองดีกว่า เพราะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย ได้รับการขนานนามให้เป็นเมือง สุนทรภู่

ผมเชื่อเหลือเกินว่า หากใครมาเยือนระยองนอกจากจะได้อิ่มเอมใจในความงดงามของธรรมชาติกันแล้ว ยังต้องอิ่มท้องกลับไป เพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลที่สำคัญ แถมผลไม้อย่างเงาะ ทุเรียน มังคุด ก็ถูกแสนถูก พร้อมกันหรือยังถ้าพร้อมผมขอพาไปตะลุยสถานที่ท่องเที่ยวเมืองระยองในทริปนี้กันเลยครับ

//พระนอน แปลกที่สุดในเมืองไทย

ขับรถออกจากกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางที่ 5 ทางหลวงหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์) เป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้มากที่สุดในขณะนี้
เริ่มจาก .พัฒนาการ เขตประเวศ ไปสิ้นสุดที่ .ชลบุรี ระยะทาง 75 กิโลเมตร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 36 จนถึง .เมือง .ระยอง รวมระยะทางประมาณ 175 กิโลเมตร

ใครมาถึงระยองต้องไม่พลาดที่จะแวะไปสักการะพระพุทธไสยาสน์ตะแคงซ้าย ที่มีความยาว 12 เมตร สูง 3.60 เมตร ในวัดป่าประดู่ ซึ่งกลายเป็นเป็นสถานที่บังคับสำหรับนักท่องเที่ยวไปเสียแล้ว ว่ากันว่าพระพุทธไสยาสน์องค์นี้แปลกที่สุดในประเทศไทย เพราะโดยปกติแล้วการสร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์มักจะสร้างให้นอนตะแคงขวา แต่ที่วัดป่าประดู่กลับนอนตะแคงซ้าย นับว่าแปลกจริงๆ

นอกจากนี้ หากมาถึงวัดป่่าประดู่แล้วสิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างหนึ่งคือ การลอดโบสถ์เก่า ที่เชื่อกันว่าจะทำให้พ้นจากทุกข์โศกโรคภัย ชาวบ้านบอกว่าใครได้ลอดจะรอดจากความทุกข์ยาก ลำบาก รอดจากความเจ็บไข้ได้ป่วย รอดจากความตาย และความจน ผมจึงไม่รอช้าชวนเพื่อนๆ ไปลอดกัน 9 รอบ เพื่อให้ชีวิตรอดจากโรคภัยทุกอย่าง ทำอะไรก็มีสติและไม่ประมาท ตรงนี้อยากบอกว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ ไม่ได้งมงาย เพียงแต่ทำเพื่อให้เกิดความสบายใจ ยังไงใครมาจังหวัดระยองอย่าลืมแวะมาที่วัดป่าประดู่กันครับ

//ชมตะวันตกดิน หาดสวนสน

ทำบุญสุขกายสุขใจกันแล้ว ผมก็มีเกร็ดเล็กๆ เรื่องของภาษามาเล่าให้ฟังครับ ภาษาระยองจะออกสำเนียงเหน่อๆ และยังมีคำใช้เฉพาะถิ่นแตกต่างจากภาษาถิ่นอื่น อาทิ มะเขือเม่ดคือมะเขือพวงสำมะร่ดคือสับปะรดยั่ดมีความหมายว่ากินล่อเบ็ดคือเบ็ดล่อกะหลุกก็คือหลุมเล็กๆ ที่แปลกสุดเห็นจะเป็นคำว่าเอาได้ถ้าคนจังหวัดอื่นมาพบหญิงสาวชาวระยองรู้สึกพอใจ และถามคนระยองว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างไรชาวระยองมักจะตอบว่าเอาได้คำว่าเอาได้ของชาวระยองหมายถึง มีสรรพคุณเป็นคนสวย มารยาทดีงามพอใช้ อืม! อย่าได้คิดเป็นอย่างอื่นนะครับ

หรือคำว่ามากชาวระยองก็มีมากคำที่ใช้พูดกัน เช่น พอแรง นักนั่ก บานเต บานตะเกียง บานเบอะ เต็มตำ เต็มปึ้ด มากสาฉันไปเที่ยวทั้งวันสนุกสา… (ลากเสียงยาว) หมายความว่าเที่ยวสนุกมาก ภาษาถิ่นของชาวระยองฟังดูแปลกแต่น่ารักดี ยิ่งเมื่อรวมกับสำเนียงเหน่อๆ ด้วยแล้วดูจริงใจดีแท้ ยังไงลองนำไปใช้ดูนะครับ

ผมกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังที่พัก ลัดเลาะไปตามถนนเลียบชายหาดมุ่งสู่แหลมแม่พิมพ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสนริมชายหาด มีต้นสนหลากพันธุ์ขึ้นอยู่ 2 ข้างทาง บริเวณสวนสนแห่งนี้เป็นหาดที่เหมาะแก่การเล่นน้ำ หรือจะออกมานั่งมองพระอาทิตย์ตกดินก็ได้บรรยากาศเหงาๆ ไปอีกแบบ

ประมาณ 20 นาที ก็ถึงที่พัก บารี ละไม รีสอร์ท เป็นรีสอร์ตสไตล์บูติกเพียงแห่งเดียวในจังหวัดระยอง ตั้งอยู่บนถนนเลียบหาดแหลมแม่พิมพ์ เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางความเงียบสงบ ร่มรื่น โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศเป็นส่วนตัว สบายๆ

ตะวันตกดินแล้ว เรามานั่งรับประทานอาหารใต้แสงเทียนอย่างเป็นกันเอง อาหารทะเลสดแสนอร่อย ฟังเสียงคลื่นลมกระทบฝั่ง ลองหลับตาดูก็ได้บรรยากาศจริงๆ ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าการนั่งกินลม ชมวิว เป็นแบบนี้นี่เอง ฮา... โรแมนติกอะไรขนาดนี้ คืนนั้นผมเลยนอนหลับสบายอย่างบอกไม่ถูก

หลับฝันเพลินกระทั่งได้ยินเสียงไก่ขันกับแสงอาทิตย์รำไรนั่นแหละ จึงตื่นรับเช้าวันใหม่ที่มาเยือนอย่างสดชื่น รีบยกตัวขึ้นจากที่นอนอันแสนนุ่ม แล้วอาบน้ำแต่งตัวพอให้ดูดีเสียหน่อย ก่อนออกไปเดินเล่นและสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่วัดจีนในสวนสาธารณะเทศบาลตำบลแกลงกะเฉด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ประดิษฐานอยู่บนเชิงเขาไม่สูงมากนัก จังหวะนั้นมองไปยังชายหาดหน้าที่พักก็ให้รู้สึกว่าทะเลยามเช้าช่างเงียบสงบอะไรเช่นนี้ มองแล้วทำให้สบายตาสบายใจมากมายทีเดียว บรรยากาศเป็นใจ ผู้คนไม่พลุกพล่านอย่างนี้ ผมเลยขอแอ็กชั่นถ่ายภาพเท่ๆ กับพระอภัยมณีและผีเสื้อสมุทรจำลองเสียหน่อย คิดแล้วถ้าใครพาลูกๆ หลานๆ มาเที่ยวที่นี่ คงช่วยเสริมจินตนาการให้กับเด็กๆ ได้ไม่น้อย เพราะจะได้พบเจอพระอภัยมณีกับผีเสื้อสมุทรที่เป็นรูปเป็นร่าง ไม่ใช่แค่ตัวละครในวรรณคดีเท่านั้น

จากนั้นผมก็ทอดน่องเดินเล่นไปเรื่อย ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวประมง ที่หลายคนกำลังล่องเรือไปหาปลา ขณะที่อีกกลุ่มกำลังร้องเพลงดังลั่นไปทั่ว ผมลองตั้งใจฟังดู น่าแปลกเสียงที่เปร่งออกมานั้นไม่ใช่ภาษาไทยแน่ๆ จึงเข้าไปถามคนหนึ่งซึ่งกำลังร้องเพลงพร้อมกับล้างอวนอย่างขะมักเขม้น เขาบอกว่าเพลงที่กำลังประสานเสียงกันอยู่นี้คือเพลงปลุกใจของคนเขมร แรงงานประมงเหล่านี้เป็นคนเขมร ผมเข้าใจดี เมื่อคนเราอยู่ห่างไกลบ้านเกิดเมืองนอนก็ย่อมคิดถึงและห่วงหาอาทร จึงต้องหาอะไรทำเพื่อเป็นพลังใจในการดำเนินชีวิต แต่สีหน้าแววตาและรอยยิ้มของคนงานเขมรบ่งบอกได้ถึงความสุขกับการทำงานบนแผ่นดินไทย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นักวิชาการต่างแสดงความเห็นกันว่า ชื่อจังหวัดระยอง เป็นจังหวัดชายทะเลมีหอยมาก เขมรเรียกหอยว่าคะยองพูดเร็วๆ อาจกลายเป็นระยองก็เป็นได้

//เที่ยวน้ำตก 41 ชั้น บนเขายายดา

ยามสายๆ แม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาบ้างก็ไม่เป็นปัญหาต่อการเดินทาง หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ผมออกเดินทางไปยังเขายายดา ซึ่งตั้งอยู่ในเขต อ.เมืองระยอง หากขับรถจากเมืองระยองมุ่งหน้าไปทางท่าเรือบ้านเพจะเห็นเขายายดาตั้งตระหง่านอยู่ด้านซ้ายมือ ซึ่งยอดเขาแห่งนี้มีความสูงประมาณ 700 เมตร จากระดับน้ำทะเล

บนเทือกเขาแห่งนี้มีเขาอยู่ 3 ลูก ลูกแรกมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 250 เมตร ถัดมาคือ 700 และ 750 เมตรตามลำดับ แต่ทางที่รถขึ้นไปได้มีแค่ลูกที่ 1 ต่อเนื่องไปถึงยอดของลูกท 2 เท่านั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบใช้จักรยานเป็นพาหนะเพื่อไปสู่ยอดเขายายดา ยอดแรกประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นทางจะดิ่งลงประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อไปไต่ลูกที่ 2 อีก 3.8 กิโลเมตร รวมเป็นระยะไต่เขาโดยประมาณ 5.8 กิโลเมตร ของความยาวถนนทั้งหมด 6.8 กิโลเมตร กับความชันที่คะเนด้วยสายตาแล้วน่าหวาดเสียวไม่น้อยทีเดียว ที่ว่าเสียว เพราะกลัวขี่จักรยานตกเขาน่ะครับ ผมเลยขอเดินเท้าดีกว่า แม้จะเหนื่อยหน่อย แต่ก็คิดว่าได้ออกกำลังกายไปในตัว

บนผืนป่าเขายายดาตลอดเส้นทาง การใช้แรงกายในการเดินผสานกับความชื้นจากแนวป่าสองข้างทาง เรียกเหงื่อจากผู้มาเยือนได้พอสมควร เดินจนเหงื่อซิก ผมจึงขอแวะไปล้างหน้าล้างตาให้หายเหนื่อยที่น้ำตกยายดา น้ำตกซึ่งเป็นที่หวงแหนของชาวจังหวัดระยอง เพราะเป็นน้ำตกที่เกิดจากฝายแม้ว ในโครงการตามแนวพระราชดำริ ที่กลายเป็นน้ำตกสูง 41 ชั้น พร้อมธรรมชาติสวยงาม เรียกว่าเป็นแหล่งกักเก็บน้ำใช้สำหรับภาคเกษตรได้ตลอดทั้งปี

ระหว่างเดินไปคุยไป เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ก็บอกข้อมูลที่ทำให้ตื่นเต้นว่า เขายายดาแห่งนี้บางวันนักท่องเที่ยวดวงดีอาจจะได้เห็นช้าง หมี นางอาย เสือ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีป่าไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดฟังแล้วเรียกพลังในใจได้ไม่น้อย ที่เหนื่อยๆ ก็ฮึดสู้เดินต่อ ไม่แน่วันนี้เราอาจจะดวงดีได้เห็นสัตว์ป่าที่ว่าก็ได้

บริเวณทางขึ้นเขายายดายังมีศาลหลวงเตี่ย ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านในละแวกนั้น ต่างพากันมากราบไหว้ขอพรเป็นประจำ ถัดจากนั้นเป็นวิหารรูปจำลอง หลวงพ่อโสธร หน้าตักกว้าง 1.50 เมตร สูง 2.52 เมตร เพื่อให้ประชาชนได้สักการะขอพรเสริมมงคลชีวิต ถ้ามองอีกมุมก็เหมือนเป็นอุบายให้ขึ้นเขายายดาอย่างมีสตินั่นเอง

//บุฟเฟ่ผลไม้สวนยายดา

เหนื่อยจากการขึ้นเขายายดากันแล้ว ก็เติมความสดชื่นด้วยการแวะชิมผลไม้สดๆ จากต้น และสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านที่อยู่กับธรรมชาติที่สวนยายดา

ที่นี่ไม่ใช่แค่สวน แต่ยังอินเทรนด์ทันกระแส มีโฮมสเตย์ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ใครอยากเรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านจริงๆ ก็ติดต่อขอเข้าพักได้ สนนราคาก็ไม่มากไม่มาย สบายกระเป๋า แต่ได้ความอิ่มกายอิ่มใจกลับไปเต็มๆ

บุญชื่น โพธิ์แก้ว หรือที่เรียกกันติดปากว่าป้าชื่น เจ้าของสวน ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ดูอบอุ่นเหมือนมาเที่ยวบ้านญาติกันเลย ส่วนความเป็นมาของสวนแห่งนี้ป้าชื่นเล่าให้ฟังว่า สวนแห่งนี้มีพื้นที่ 40 ไร่ ปลูกไม้ผลแบบผสมผสานทั่วไป อาทิ มังคุด มะม่วง กล้วย ลองกอง เงาะ และมีผลไม้ที่รสชาติดีหรืออร่อยที่สุดในโลก ซึ่งได้แก่ ทุเรียนและสับปะรด เริ่มทำเป็นสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรมาตั้งแต่ปี 2545 โดยได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไม่นานก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่ในช่วงเริ่มต้นสวนแห่งนี้ยังขาดความพร้อมในหลายๆ ด้าน แม้กระทั่งชื่อก็ยังไม่ได้ตั้ง นักท่องเที่ยวจึงเรียกตามชื่อของชุมชนคือ ชุมชนยายดา จนเป็นชื่อที่คุ้นปากติดหูและกลายมาเป็นชื่อสวนในที่สุด

สวนยายดาเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าชมหลายร้อยคนต่อวัน แถมยังมีอาหารพื้นบ้านอย่างหมูชะมวงรสเด็ดให้ได้ลิ้มลองกันด้วย ก่อนเดินทางกลับอย่าลืมซื้อผลไม้สดๆ จากสวนยายดาติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร เช่น ทุเรียนกวน ทุเรียนทอดกรอบ ก็มีให้เลือกเช่นกัน หากต้องการมาให้ตรงกับช่วงที่มีการท่องเที่ยวเชิงเกษตรควรเดินทางมาในช่วงกลางเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนมิถุนายนของทุกปี เพราะเป็นช่วงฤดูผลไม้

ก่อนกลับบ้านเรายังแวะซื้ออาหารทะเลทั้งสดและแห้งกันที่ตลาดบ้านเพ ตลาดนวลทิพย์ แต่ถ้าอยากได้ผลไม้ขึ้นชื่อ ต้องแวะที่ตลาดผลไม้ตะพง ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ใกล้สี่แยกไฟแดงตะพง ทริปนี้ผมว่าไม่ไกลเกินไปที่จะมาเยือนดินแดนแห่งกวีเอกของไทยกันนะครับ


Don’t Miss

กิจกรรมน่าเที่ยว

-ขบวนแห่รถประดับผลไม้ การประกวดธิดาชาวสวน การจำหน่ายผลไม้และผลิตภัณฑ์อาหารทะเล เทศกาลเที่ยวทะเลหาดบ้านเพ-เกาะเสม็ด
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 ธันวาคมของทุกปี กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การล่องเรือรอบเกาะเสม็ด มหกรรมอาหารทะเล การประกวดธิดาชาวเล

-งานห่มผ้าพระเจดีย์กลางน้ำ
เป็นงานประเพณีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงวันเพ็ญเดือน 12 วัดปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง ในงานมีการห่มผ้าพระเจดีย์กลางน้ำ การแข่งขันเรือยาว การลอยกระทง ฯลฯ

-งานทอดผ้าป่ากลางน้ำ
จัดขึ้นในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปี เป็นงานประเพณีของชาวบ้านปากน้ำประแสร์ .แกลง จ.ระยอง ที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น