วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554
ประวัติ หนุ่ม - สุทธิคุณ กองทอง ... ชีวิตพอเพียงด้วยการกินอย่างพอเพียง กินเจเข้าสู่ปีที่ 10 (2555)
ประวัติ หนุ่ม - สุทธิคุณ กองทอง ...
ชีวิตพอเพียงด้วยการกินอย่างพอเพียง กินเจเข้าสู่ปีที่ 10(2555)
ชำระร่างกายให้สะอาดตลอดช่วงเทศกาล ทำความสะอาดเครื่องครัวและแยกใช้คนละ
ส่วนกับผู้ที่ไม่ได้ถือศีลกินผัก ประพฤติตนดีทั้งกายและใจ ห้ามบริโภคเนื้อสัตว์ ห้ามดื่ม
สุราและของมึนเมา นี่เป็นข้อปฏิบัติของการกินผัก หรือกินเจของผม ชีวิตผมได้เริ่มต้นของการกินเจ
มาจากการเบื่อหน่ายสังคมรอบข้าง ที่มีทั้งอำนาจ แบ่งพรรค แบ่งพวก
รวมถึงความโลภ โกรธ หลง ที่เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ผมก็ไม่รู้ว่า
เขาจะไขว่คว้าไปเพื่ออะไรกัน เพราะวันหนึ่งเราก็ต้องจากโลกนี้ไปด้วย
กันทุกคน ต่างมาจากดินก็กลับสู่ดินเหมือนกัน ยิ่งมองการเมืองแล้วผม
ยิ่งสงสารอย่างมาก อายุก็มากแล้วยังจะต้องการอำนาจกันไปทำไม
อายุ 60-70 กันแล้ว ลองกลับมาใช้ชีวิตให้มีความสุขในบั้นปลายจะดี
กว่านะครับ
ยังไงก็ตาม ผมยังชอบคำพูดของคุณ"ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์" ประธานเจ้า
หน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น ที่บอกเอาไว้ว่า ท่านได้ไปกราบ
ครูบาบุญชุ่มเขตชายแดนไทยพม่า ระหว่างที่ได้เข้าไปกราบได้มีญาติโยม
รอคิวเข้าพบท่านเป็นจำนวนมาก จังหวะนั้นเองมีนักการเมืองท่านหนึ่งมี
ตำแหน่งถึงรองนายกรัฐมนตรี(ถ้าจำไม่ผิด) แล้วขอเข้าพบท่านโดยไม่
ยอมต่อคิว หลวงครูบุญชุ่มก็พูดขึ้นว่า "โยมใหญ่มาจากไหนก็เล็กกว่าโลง
" แหมผมฟังแล้วช่างได้ใจเสียจริงๆ
ความพอเพียงตรงนี้จึงเป็นจุดเริ่มของผมในการกินอาหารมังสวิรัติ ที่หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์
แต่ยังคงกินจำพวกไข่ และนม กินแบบนี้อยู่ประมาณ 1 ปี จึงมีโอกาส หรือจะเรียกความบังเอิญก็ว่าได้
เนื่องจากในวันนั้นมีการนัดทำข่าวของกลุ่มนักแสดงกลุ่มหนึ่งที่ วัดโพธิ์แมนคุณาราม ปรากฎว่า เมื่อไปถึง
วัดแล้วไม่พบบุคคลที่เขานัดให้มาทำข่าวกันเลย
เมื่อมาวัดโพธิ์แมนคุณาราม ไม่ให้เสียเที่ยวจึงได้เข้าไปขอสัมภาษณ์ พระมหาคณาจารย์
จีนธรรมสมาธิวัตร (เจ้าคุณเย็นเต็ก) อายุ ๖๗ ปีอายุในขณะนั้น พรรษา ๔๖
เจ้าคณะใหญ่สงฆ์จีนนิกาย เจ้าอาวาส วัดโพธิ์แมนคุณาราม ครั้งแรกก็กลัวท่านอาจ
จะไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะว่าไม่ได้นัดหมายอะไรเลย แต่ท่านก็ใจดีที่ยอมให้สัมภาษณ์
เรื่องราวของท่านทั้งหมด
จากนั้นท่านก็ชวนกินเจเลย ท่านบอกว่าไหนๆ กินมังสวิรัติแล้วกินเจเชื่ออาตมา
กินแล้วจะดี เพลพอดีท่านก็ให้ลูกศิษย์จัดอาหารเจมาให้กินหนึ่งโต๊ะจีนให้กินกับช่างภาพ
เมื่อผมได้กินก็รู้สึกว่าอาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะนี้มันช่างอร่อยไม่มีความแตกต่างจาก
อาหารที่มีเนื้อสัตว์เลยครับ
มื่อชีวิตผมเริ่มหันมากินเจอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้เพื่อนๆ บางคนมาถามผมว่า กินไปได้ยังไง บ้าหรือเปล่า
ไม่กินเนื้อสัตว์แล้วจะเอาแรงมาจากไหน ผมก็เลยนึกถึงวัว ควาย ช้างที่ต่างก็กินหญ้าทำไมมันถึงตัวใหญ่
แล้วยังแข็งแรง มนุษย์เราก็ใช้แรงงานจากพวกมัน
จากนั้นมา ผมก็ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นั้นมันคืออะไร เพราะเรากินเจ
อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนสัตว์ มันเป็นบุญจริงๆ อีกทั้งการกินอาหารเจ เราก็สามารถกินอาหารได้ครบ
5 หมู่ได้เหมือนกัน โดยอาหารหมู่ที่ 1 ได้แก่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ ถั่ว นม อาหาร
ในหมู่นี้ให้สารอาหารหลายชนิด ได้แก่ โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ และวิตามิน
เราได้โปรตีน
อาหารหมู่ที่ 2 ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน อาหารในหมู่นี้ส่วนใหญ่
ให้สารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรตซึ่งมีมากในข้าวทุกชนิด ข้าวโพด
เผือก มันเทศ มันสำปะหลัง และยังมีน้ำตาลต่างๆ เช่น น้ำตาลทราย
น้ำอ้อย และน้ำตาลมะพร้าว เป็นต้น
อาหารหมู่ที่ 3 ได้แก่ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันวัว น้ำมันปลา
น้ำมันหอย เป็นต้น และไขมันพืช เช่น น้ำมันงา น้ำมันถั่ว น้ำมันมะพร้าว
น้ำมันรำ เป็นต้น
อาหารหมู่ที่ 4 ผักใบสีเขียวและพืชอื่นๆ ผักที่เรารับประเป็นประจำมีทั้ง
ดอก ใบ ผล และลำต้น ซึ่งแต่ละอย่างให้วิตามินและแร่ธาตุ ผักใบสีเขียว
เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ผักกระถิน ผักคะน้า ผักกาด เป็นต้น ผักอื่นๆ เช่น
แตงกวา บวบ มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ฟักทอง เป็นต้น
อาหารหมู่ที่ 5 ได้แก่ผลไม้ต่างๆ ผลไม้ให้คุณค่า ทางอาหารคล้ายกับผัก
คือ มีแร่ธาตุและวิตมิน ต่างๆ แต่มีคาร์โบไฮเดรตสูงกว่าผัก ผลไม้ให้
วิตามินสูง เช่น ส้ม กล้วย มะละกอ มะม่วง ฝรั่ง มะขามป้อม เป็นต้น
ดังนั้น คิดกันง่ายๆ หากเราตายไปใหม่อาจจะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็นสัตว์อีกก็ได้
หลังจากนั้นเป็นต้นมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 6(2552) ปีแล้วที่ได้กินอาหารเจ สุขภาพผมก็รู้สึกว่าดีมากๆ โรคภัยต่างๆ
แทบไม่มีเลย ทุกปีก่อนหน้านี้เคยเป็นหวัดไม่สบายตลอด พอหันมากินเจออกกำลังกายเป็นประจำ สุขภาพดีขึ้น
อย่างไม่น่าเชื่อ อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านข้อมูลนี้ลองกินอาหารเจแบบผมบ้างก็ได้นะครับ
ขณะเดียวกัน คุณแม่ผมก็จะทำอาหารเจให้กินเป็นประจำ หรือบางครั้งผมก็ทำเอง บางครั้งก็มีแฟนช่วย
ทำให้กินเหมือนกันครับ ยิ่งวันนี้นับว่าผมโชคดีเพราะในกรุงเทพฯ มีสถานที่ขายอาหารเจอยู่หลายแห่ง
อาทิ ศูนย์อาหารมาบุญครอง ศูนย์อาหารโรบินสัน รัชดา ร้านอาหารเจ เสาชิงช้า ร้านอาหารสุขภาพ
สวนไผ่ ใกล้ซอยอารีย์ รานอาหารเจ (ใกล้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู)ร้านสวนไผ่
ซีคอนฯ ร้านอาหารเจ หน้า ม.มหิดล ศาลายา และร้านขายอาหารเจ ข้าง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
2 และที่ร้านแยก 35 โบว์ ตรงถ.จรัญฯ (ฝั่งที่จะตรงไปแยกบางขุนนนท์) ส่วนต่างจังหวัดที่เคย
ไปกินอาหารเจมาแล้ว ร้านอาหารเจ พัทยาใต้,อาหารเจ ที่เซ็นทรัล แอร์พอร์ต เชียงใหม่
และอาหารเจ เยาวราช หลัง ม.เชียงใหม่ ร้านอาหารเจ หาดใหญ่ ใกล้กับ ร.ร.โนโวเทล
ร้านอาหารเจ อ.เมือง นครศรีธรรมราช ร้านอาหารเจ ใกล้ ร.ร.นารีวิทยา อ.เมือง
จ.ราชบุรี และร้านอาหารเจ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ หมายเหตุ ใครผ่านโรงเจ ก็สามารถแวะเข้า
ไปรับประทานได้ครับ เพียงแค่หยอดเงินเพื่อ่ร่วมทำบุญครับ)
"ลองกินเจสักหนึ่งวันนะครับ เพราะวันหนึ่งเราตายไปยมฑูตอาจถามว่าเคยรักษาศีล
อะไรบ้าง เราอาจรีบตอบได้ทันทีว่า ผมเคยกินเจมาครับ พอยมฑูตได้ฟังเช่นนั้น
ไม่แน่เราอาจไม่ต้องตกนารกอย่างงัยครับ" ฮ่าๆๆๆๆ ไม่เชื่อก็ลบหลู่นะครับ
วันนี้ผมคิดเสมอว่า แม้คนเราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ผมคิดว่าเราเลือกที่จะเป็นคนดี
ทำความดีเพื่อนำผลบุญนี้ไปใช้ต่อในภพหน้าได้นะครับ (จริงๆ หากเลือกได้คงได้
เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ แล้วให้โบนัสพนักงานเต็มเดือนสักทีเน้อครับ)
มุมมืดในชีวิตของผม
กว่าผมจะคิดมากินเจได้แบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมจะเคยไปเที่ยวตามแหล่งโลกีย์ต่างๆ
ชีวิตผมตั้งแต่อายุ 18 ปี สมัยเรียนผมถูกเพื่อนๆ ทั้งหญิงชายพาไปเที่ยวเธคชื่อ
ดังมากมาย อาทิ นาซ่า แคปปิตอล ฮอทแธค พาราไดซ์ ทัชชิโด หรือที่พัทยาเธค
ชื่อดังผมก็ไป ฯลฯ เชื่อไหมว่า การที่ผมได้เข้าไปเที่ยวแบบนั้นไปจนติด จึงไปเกือบ
ทุกศุกร์ แต่ผมไปไม่ได้กินเหล้าอะไรอะไรครับ กินโค๊กเพียงแก้วเดียวก็เต้นอยู่ได้ทั้งคืน
สมัยนั้นไม่ตีสี่ไม่กลับกัน เพื่อนๆ หลายคนก็ชอบแซวผมว่า ไม่กินเหล้ากินแต่โค๊กทำไม
เหมือนคนเมา จริงๆ เวลาที่ผมไปเที่ยวผมก็พยายามมองออกไปว่าเขามาเที่ยวกันทำไม
มันก็พบสัจธรรมชีวิตว่า คนเราจะเป็นคนดีได้ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย มันอยู่ที่ตัวเรา
คนเราจะเที่ยวอย่างไร หากเที่ยวอย่างมีสติก็คงไม่ต้องเห็นเด็กผู้หญิงต้องท้องอย่าง
ไม่ตั้งใจ บางคนกินเหล้ากันจนเมาไม่เป็นผู้เป็นคน บางคนเมาแล้วแย่งแฟนกัน ตบตีชก
ต่อยกัน นี่แหละโลกมนุษย์จริงๆ
กระทั่งเรียนจบชีวิตการเที่ยวกลางคืนก็เริ่มลดลง และหยุดลงโดยปริยาย มันเหมือน
ว่ามันถึงจุดอิ่มตัวแล้วครับ เมื่อชีวิตได้ศึกษาได้เรียนรู้ชีวิตคนกลางคืน มันก็ทำให้ผม
มองย้อนกลับไปตอนที่ผมเที่ยวแล้วเต้นหมือนน้ำร้อนลวกอะไรประมาณนั้น มองถึง
ภาพนั้นทีไรมันน่าขำมากๆ ว่าผมทำไปได้ยังไง (ผมรู้สึกว่าน่าด้านมากๆ)
ถึงแม้ผมจะไปเที่ยวแบบนี้เพื่อเรียนรู้ก็ตาม แต่ก็ไม่เคยดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ เพราะผมรู้
ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อผมเสียชีวิต ผมจึงคอยเตือนบุคคลรอบข้างเสมอว่า
เหล้าไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขที่แท้จริง เหล้าและบุหรี่จะส่งผลให้เห็นในบั้นปลาย
ชีวิตอย่างแน่นอน
จริงๆ ผมเคยเตือนเพื่อนๆ แต่เพื่อนมักไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ ขนาดเพื่อนผมคนหนึ่งไม่มีเงินลงทะเบียนเรียน มายืมผม ผมไม่ให้ เพราะว่าเพื่อนผมรักเหล้ามากกว่าอนาคตตัวเอง ดังนั้น ผมก็เลยบอกส่งไปเลยว่า กินเหล้าสูบบุหรี่ทั้งสองอย่างนี้มันดีมาก อย่างน้อยมันจะทำให้ตายไว เพราะปัจจุบันมีคนเกิดมามากจนล้นโลกอยู่แล้ว)
วันนี้(2550)นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเทศออสเตเลีย ประกาศห้ามสูบบุหรี่ในเธค
ทำให้สิงห์ควันบุหรี่ไม่พอใจอย่างมาก แต่คนที่สุขใจคือ คนไม่สูบบุหรี่ ประเทศไทยน่า
จะเอากฎหมายนี้มาใช้บ้างนะครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องละวางไปตลอดชีวิตอีกเช่นกัน มันก็คือ การเล่นการพนัน
นั่นเอง คุณผู้อ่านเชื่อไหมครับว่า ผมเคยนั่งเล่นการพนัน(เล่นไพ่)จนก้นกางเกง
ขาดทั้งสองข้าง คือนั่งเล่นตลอดทั้งวันจนข้ามไปอีกวันหนึ่งเลย ไม่หิวอะไรเลยมันรู้
สึกว่าได้เงินมามันอิ่มอย่างบอกไม่ถูก แต่พอเงินหมดเชื่อไหมว่า เห็นอะไรก็หิวไปหมด
จำได้ว่า พอไม่มีเงินคนที่ผมคิดถึงมากที่สุดก็คือ พ่อกับแม่ และนับตั้งแต่บัดนั้น
ผมได้สัญญากับแม่ว่าไม่เล่นการพนันอีกต่อไป เพราะการพนันมันไม่เคยทำให้ใคร
ร่ำรวยได้เลยจริงๆ
ปาฏิหารย์ในชีวิต
เชื่อไหมว่า ก่อนที่ผมจะเข้ามาทำงานหนังสือพิมพ์คม ผมจะทำข่าวสายอาชญากรรม
เสียเป็นส่วนใหญ่ และข่าวการเมืองในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นอะไรที่สนุกสนาน
เจอเลือดเจอศพ ยิ่งเป็นศพเน่ากลิ่นไม่ต้องบอกใครเลยครับ รวมทั้งปัญหาการเมือง
ต่างๆ มากมาย
แต่มาวันหนึ่งได้เข้ามาทำงานเขียนข่าวที่ คมชัดลึก ก็คิดว่าจะทำได้หรือเปล่า เพราะ
ข่าวที่ทำเป็นข่าววิทยุทั้งหมด เป็นการเขียนแบบจับประเด็น ผมเลยคิดว่างานเขียนคง
ยากมากแน่ๆ ผมมาสมัครเขียนข่าวคมชัดลึก ในหน้ารายงานพิเศษ
กระทั่งวันหนึ่ง คุณก่อเขต จันทร์เลิศลักษณ์ ได้เรียกมาคุยว่าอยากจะให้มาเขียนข่าวหน้า
พระเครื่อง เชื่อไหมว่าครั้งแรกที่ผมถูกย้ายหน้า ผมก็โทรไปปรึกษากับเพื่อนๆ นักข่าวด้วยกันว่า ผมคง
ทำไม่ได้ เพราะผมไม่รู้เรื่องพระอะไรเลย ความคิดช่วงนั้นรู้สึกแย่ๆ อยู่เหมือนกัน แต่มารู้ที่หลังว่า
เขาไม่ต้องการได้นักข่าวที่เขียนข่าวพระเครื่องเป็นมาเขียน เพราะกลัวว่าจะมีการเขียนข่าวเชียร์กันเอง
ดูแล้วจะไม่เป็นกลาง
ผมโชคดีที่การเริ่มเขียนมีคนแนะนำอย่างมาก โดยเฉพาะพี่กฤษณะก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้สอน แนะนำการเขียน
ให้อย่างมาก ยิ่งไปตระรอนทัวร์วัดต่างๆ พี่กฤษณะก็สอนเกือบทุกเรื่อง ผมจึงได้เทคนิคการสัมภาษณ์ดีๆ
มาจากพี่กฤษณะ มนุษย์ล้อผู้ใจดีคนนี้ละครับ
ได้ผมยังจำ ว่าหลังจากได้เขียนเรื่องลงคมชัดลึกตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2544 มีความรู้สึก
ภูมิใจมากๆ เพราะเป็นการเขียนเพื่อให้คนพุทธได้อ่าน จากความที่ไม่ชอบเขียนในครั้งแรก ตรงกันข้ามทำให้
ผมเริ่มรู้สึกชอบกับงานเขียนเรื่องพระ เรื่องพระพุทธศาสนาเป็นลำดับ
เป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง วันหนึ่งผมต้องเขียนสกู๊ปเรื่องวันวิสาขบูชา สังเวชนียสถาน4 1.
สถานที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติณ อุทยานลุมพินี2. สถานที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ณ
พุทธคยา 3.สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาพระธรรมจักร ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
เมืองพาราณสี ปัจจุปันเรียกว่า สารนาถ 4.สถานที่พระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพาน ณ
สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา ระหว่างที่เขียนอยู่นั้นก็นึกว่า ชาตินี้ผมจะได้มีโอกาสไปกราบสักการะ
กับเขาบ้างไหมหนอ
เชื่อไหมว่า ปาฏิหาริย์มีจริง ผมเขียนเรื่องพระได้ประมาณ ปีครึ่ง ผมได้มีโอกาสไปกราบ
สังเวชนียสถาน4 ที่อินเดีย และเนปาล โดยการบินไทยเป็นผู้จัดไปในครั้งนั้น ผมมองแล้วว่า
ชีวิตนี้มันเหมือนมีปาฏิหาริย์ และปีที่แล้วผมยังได้มีโอกาสไปกราบ พระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้
ศรีลังกา โดยการนำของ คุณยุวดี บุญครอง
จริงๆ มีพระผู้ใหญ่หลายรูป รวมทั้งผู้ใหญ่อีกหลายคนท่านบอกว่า การเขียนเรื่องพระพุทธศาสนา
ก็เหมือนเป็นการให้บุญ อย่างน้อยเป็นการเตือนสติ หรือสอนให้บุคคลเหล่านั้นเป็นคนดี อยู่ในศีลธรรม
และยิ่งระหว่างที่ผมเขียนเป็นการเขียนด้วยใจ เราก็จะได้บุญตรงนี้
จากนั้น ผมยังมีโอกาสได้เดินทางไปอีกหลายประเทศ ประกอบด้วย ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา
อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง ผมก็ไม่คิดว่าเกิดมาในชาตินี้จะได้มีโอกาสได้เดินทางไปต่าง
ประเทศในหลายประเทศแบบนี้ ผมคิดว่าการที่ผมได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ อย่างน้อยทำให้ผม
ได้เปิดหูเปิดตาว่าโลกนี้เขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และสัจธรรมชีวิตที่ได้ คือการพบเห็นคนอีกหลายล้านคน
ที่ยังยากจนกว่าเรามากๆ
และมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมดีใจมากๆ เมื่อผมได้ไปสัมภาษณ์ อ้อย-อัจฉราวดี
วงศ์สกล เจ้าแม่ “เซ็นต์ โทรเพต์ ไดมอนด์” (St.Tropez
Diamond)ถือเป็นบุคคลไฮโซที่เป็นยอมรับในสังคม ผมได้ไปสัมภาษณ์แล้ว
พี่เค้าตกใจเหมือนกันว่า ผมทำไมถึงกินเจได้ เชื่อไหมว่า มีอยู่วันหนึ่ง เธอเขียน
จดหมายมาขอบคุณว่า พี่ติดตามผลงานการเขียนผมมาตลอดนะ และที่สำคัญ
วันนี้พี่เริ่มกินเจอาทิตย์ละสองครั้งแล้ว ผมอ่านแล้วก็รู้สึกดีมากๆ ครับ
เราทุกคนรู้วันเกิดของตัวเอง แต่ทุกคนไม่รู้วันตายของตัวเอง สิ่งสำคัญทำบุญ ทำดีกันไว้มากๆนะครับ
เพราะวัตถุนิยมไม่สามารถนำคุณไปสู่เส้นทางสวรรค์ได้เลยจริงๆ
โลภก็โลภพอประมาณ ...โลภมากอาจเหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งของประเทศไทยนะครับ...
แน่แหละครับ เขาถึงเรียกว่า กฎแห่งกรรม มีจริงไม่ต้องรอให้เห็นผลในภพหน้า ความดีคิดแล้วต้อง
ทำนะครับ
ส่วนบุญที่ผมต้องทำเป็นประจำ คือ 1.ทดแทนบุญคุณแม่ด้วยการจ่ายเงินเดือน
และกราบเท้าท่านเป็นประจำครับ(ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นวันแม่เท่านั้น) เพราะผมไม่รู้ว่า
ท่านจะอยู่กับผมอีกนานแค่ไหน จำไว้นะครับ ถามท่านด้วยว่าท่านอยากกินอะไร
เพราะอย่ารอไปซื้อให้ท่านแล้วเคาะข้างโลงให้ท่านกินนะ เวลาไม่เคยคอยใคร วันนี้ทำ
อะไรให้แม่หรือพ่อได้ก็อย่ามัวรอเวลาผ่านไปเฉยๆนะครับ
2.ปล่อยปลาไหล 99 ตัว 3.ปล่อยปลาหมอหรือปลาดุก 4.ปล่อยหอยขม
5.บริจาคเลือด(ปัจจุบันบริจาคเลือดไปแล้ว 106 ครั้ง(2554) แล้วครับ)
6.ทำบุญตามวัดต่างๆ และทำทานให้กับคนที่ขอทานตามความเหมาะสมครับ และสิ่งที่
ผมทำมันมีความรู้สึกได้ว่าบุญที่ทำมาคอยเกื้อหนุนทุกครั้งที่มีเรื่องทุกข์ครับ
นอกจากนี้ พระอาจารย์เปลี่ยนเป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่ผมประทับใจในการดำรงชีวิต
ของท่าน ท่ามกลางความสงบในจ.เชียงใหม่ ถึงท่านอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ดูเหมือน
พระสงฆ์เพิ่งอายุประมาณ 50ปีเท่านั้นเองครับ ผิดกับพระสงฆ์บางรูปติดกิเลสยังไม่
หมด บางรูปนั่งสูบบุหรี่ บางรูปก็มัวเมากับวัตถุนิยมมากจนเกินไป (ถ้าผมบวชแล้ว
สามารถจับพระสึกได้ ผมจะสึกให้หมด ขั้นแรกคือพระสงฆ์ที่สูบบุหรี่โดนแน่ๆ เพราะ
เมื่อบวชแล้วต้องเลิกให้หมด ไม่เช่นนั้นอย่าบวชเสียดีกว่า)
ขอบคุณผู้มีพระคุณต่อชีวิตของผม
1.คุณพ่อคุณแม่ นายเส็ง กองทอง,คุณแม่พุก กองทอง (นพคุณ) พี่ต้อย นันทภัค กองทอง น้องไก่ พรทิพย์ กองทอง น้องหมู ศิริวรรณ กองทอง
2.คุณลุง(วิสุทธิ์ สุขเกษม)
และคุณป้า คุณทัศนีย์ รัศมินทราทิพย์ (บ.รีฟริโก อีควิปเม้นท์ จำกัด)
3.ก่อเขต จันทร์เลิศลักษณ์ และ ชัยกร ใบเงิน ที่ให้โอกาสผมได้เข้ามาทำงาน
น.ส.พ.คมชัดลึก
4.คุณแล่ม จันท์พิศาโล และคุณไตรเทพ ไกรงู ที่ช่วยแนะนำงานเขียนของผมมา
โดยตลอด ขอบคุณมากๆครับ
5.พี่กฤษณะ ไชยรัตน์ (กฤษณะ ละไล) ที่ให้โอกาสผมได้เข้าเป็นทีมงานในการทำงานทีวีตลอดเวลา
4 ปีครับ คุ้มค่ากับประสบการณ์มากๆ และที่สำคัญได้ร่วมทำรายการ ส่วนตั๊ว
ส่วนตัว ยามเช้า ทำให้ผมได้รู้จักผู้ใหญ่ในแวดวงสังคมไฮโซตลอดระยะเวลาสองปีเต็ม
ได้เรียนรู้สังคมชั้นสูงนั้นเป็นอย่างไร
6.ขอบคุณพี่จ๊อบ อิสรา สุนทรวัฒน์ ที่ให้โอกาสได้เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์
เปิดคอคนดัง ช่อง 5 และกรุงเทพฯ..เมืองแห่งชีวิต ช่อง 11
7.ขอบคุณ คุุณชุมชัย แก้วแดง และ พี่เปอ- ศักดา ธิวัธยากุล
บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว ไอเอ็นเอ็น
รวมทั้ง พี่นก- จุติวดี จิตร์ประพันธ์ พี่โน้ต- กัมปนาท น้อยเงิน พี่แฟน มัธยัสย์ อินมา
8.ขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เคยร่วมงานกัน พี่ต้น-อานนท์
โขมพัฒน์ นก-กรรณิกา วรรณบูล,อาจารย์ปู่ ,นุ๊ก,หยก,ยุ้ย,แจ้
9.และต้องขอบคุณ บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย จำกัด(มหาชน)ที่ทำให้มี หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก หากไม่มีเนชั่นวันนี้ ก็คงไม่มีคมชัดลึก และคงไม่คนเขียนคอลัมน์ที่ชื่อ สุทธิคุณ กองทอง คนนี้อย่างแน่นอนครับ
10.ขอบคุณพี่ไก่- นงนาถ กมลาศน์ ณ อยุธยา ที่ได้ให้โอกาสเข้ามาทำงานที่
ฮู แมกกาซีน WhO? Magazine และเพื่อนๆ ในกองบรรณาธิการ ฮู อาทิ เจี๊๊ยบ,เปิ้ล,จอย,จัน,บี,แป้,กิ๊บ,เจ็ท,เบน,โอ๋,กุ้ง,บอย,อิน,ลิลลี่,แอน,
แป้ง,แอน อาร์ท,ปอ,ตั้ม,เพชร,โป้ง,ตุ๊ก,ป้าพนอ,หนุ่ม,อ้อม,อ้อ,แจ๊,แหม่ม,ผึ้ง,ฟาง,แพร,นิต,เชษฐ์ ฯลฯ
ความฝันในวัยเด็ก....
"อยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ"
ชีวิตรักในอาชีพนักจัดรายการวิทยุหรือ ดีเจ. ผมเริ่มต้นจากการฟังรายการวิทยุ อัลบั้มโน้ต และลูกโป่งเพลงไทย
ทางคลื่น 101 จัดโดย พี่วิ วิลาสินี จิวานนท์ (ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการเอ็มทีวีไทยแลนด์) ตรงนี้เป็นเหมือน
จุดประกายอยากรู้อยากเห็นว่า คนตัวใหญ่แบบนี้ ทำไมถึงได้เข้าไปอยู่ในวิทยุได้ แล้วคนที่เขาจัดรายการอยู่คลื่นใกล้กัน
เขาก็คงรู้จักกัน มีเหมือนกันที่อยากจะฝากขอเพลงไปยังคลื่นข้างๆ เหมือนกันครับ(ผมนึกถึงความคิดของผมตอนนั้น
โคตรเฉยเลยครับ)
ตอนนั้นรู้สึกมีความคิด มีคำถามมากมาย ที่อยากจะรู้ ยิ่งได้ฟังรายการร่มไม้รายทาง ที่จัดโดย พี่ตู๋ โสรยา
โอสถานนท์ กับพี่นก กรรณิกา วรรณบูล พี่ทั้งสองได้ตอบจดหมายมีน้องๆ ชมไปว่าพี่ตู๋คงน่ารัก พี่นกก็บอกว่า
น้องรู้ไหมพี่ตู๋อายเอาหูปิดมาหน้า(ผมก็นึกว่าหูคงใหญ่มากที่เอามาปิดหน้าได้)
ส่วนพี่ตู๋ก็อ่านว่า น้องก็ชมพี่นกว่าสวยน่ารัก พี่ตู๋ก็บอกว่า น้องๆ รู้ไหมพี่นกอายเลยตวัดลิ้นขึ้นมาปิดหน้า(ผมก็นึก
ภาพลิ้นที่เอามาปิดหน้าคงใหญ่น่าดู) ตรงนี้ผมก็ขำจนพ่อกับแม่มาแอบดู แล้วก็กระซิบกันว่า ลูกเรามันคงบ้าหัวเราะอยู่คนเดียว
จากนั้นก็มีการติดต่อพูดคุยกันทางจดหมาย และได้สมัครเป็นสมัครชิกโน้ตแฟนคลับ ทำให้ได้รู้จักและสนิทกับพี่ชาวโน้ต
มากตามลำดับ ต่อมาได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับกลุ่มดีเจ. ทำให้ยิ่งสนิทกันมากขึ้น จนมีพี่ทีมงานคนหนึ่งของโน้ตได้ชวน
ไปเที่ยวชมสถานนีวิทยุ ทอ.102.5 ได้เข้าไปพูดคุยกับ พี่ย.ยศ เรืองยศ เตชะจงจินตนา พี่เขาก็แนะว่าห้องนี้เป็น
อย่างไร การออกอากาศทำกันอย่างไร แล้วก็ได้หัดจัดรายการวิทยุอยู่ที่บ้าน อัดเสียงจัดรายการเก็บไว้ประมาณ
300 ม้วน(ทุกวันนี้ก็ยังเก็บไว้เป็นที่ระลึกให้กับตัวเอง)ผมมองว่ามันเป็นเรื่องพยายามของคนเรามากกว่าว่าเราจะอดทนเพื่อความฝันได้แค่ไหนมากกว่า
ในเวลาต่อมามีพี่ธวัชชัย ศิริพันธ์วราภรณ์ ได้ออกจากโน้ตมารับจัดรายการอิสระ รายการสีสันบนร่องเสียง เอฟ.เอ็ม.89.5 ราชมงคลเทเวศน์ ผมก็ยังได้ติดต่อพี่เขาว่าจะไปขอดูการจัดรายการวิทยุ แล้วก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปช่วยพี่เขาหยิบแผ่น เช็ดแผ่นบ้างสนุกดี
ระหว่างนั้นก็ฟังรายการวิทยุอีกหลายรายการ อาทิ ฉันมากับเพลง ดนตรีสีชมพู เพลงไทยคุณขอมา ร่มไม้รายทาง สไมล์เรดิโอ แว่วหวาน มีนัดกับเพลง กรี๊ดกร๊าดตามแผ่น ผิดปากตามเพลง ฯลฯ แล้วก็มีการโทรศัพท์เข้าไปพูดคุย
ขอเพลงกับบรรดาเหล่าดีเจ และยังได้ประกวดบทกลอนของรายการกรี๊ดกร๊าดตามแผ่น ติด 10 คนสุดท้าย
นอกจากนี้ยังได้ประกวดบทความของรายการสไมล์เรดิโอ ติด 1 ใน 5 คน รวมทั้งได้เล่นเกม พูดคุยกับดีเจ. โดยเฉพาะพี่เปิ้ล หัทยา วงศ์กระจ่าง เป็นเวลาประมาณ 3 ปี(คุยทุกเช้าที่คลื่น 99.5)
และยังได้คุยกับพี่กุ๊ก นุกูล อนุกูล รวมทั้งพี่อารยา อนันต์ประกิต
ในปี 1994 ทางบริษัท มีเดียพลัส จำกัด(มหาชน) ได้เริ่มจัดประกวดดีเจสมัครเล่น ตรงนี้ก็ได้มีโอกาสที่
ได้เข้าร่วมประกวดด้วย 2 ครั้งแรก ตกรอบหมดเลย(เสียใจเหมือนกันที่ตกรอบแล้วพาให้คิดว่า ชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้เป็นดีเจ.แน่แล้ว) ความไม่ท้อแท้ก็ยังมุ่งมั่น จนมีการประกวดปีที่ 3 เกิดขึ้นก็ส่งได้ประกวดอีกครั้ง และในที่สุดก็ติด 1 ใน 50 คน จากจำนวนผู้ประกวดทั่วประเทศกว่า 600 คน
สำหรับความรู้สึกในช่วงนี้บอกได้เลยว่า มีความสุขมากที่เห็นชื่อได้เข้ารอบ แต่ด้วยความประมาท พอได้เข้าไปทำเวิรค์ช๊อป มีพี่ๆ ดีเจ.มาให้ความรู้อบรมการเป็นดีเจ.ถือว่าได้ประสบการณ์ตรงนั้นมากจริงๆ แต่คิดว่าตัวเองเก่งแล้วก็เลยเลือกที่จัดรายการเป็นทอลก์ ไม่ยอมจัดรายการเพลง ทำให้ตกรอบสอง มีพี่สต๊าฟบางคนมาบอกว่า
ตอนแรกกรรมการเขาขีดเอาไว้แล้วว่าจะให้เข้ารอบ บังเอิญขีดเอาไว้หลายคนเลยตัดให้ตกรอบหมดเลยหลังจากเกือบที่จะจบการศึกษามาคิดว่า ในเวลาอันใกล้นี้คงยังไม่สามารถก้าวไปเป็นดีเจ.ได้ จึงได้ตัดสินใจว่าการวิ่งเข้าไปฝึกงานด้านวิทยุก็น่าจะดี อย่างน้อยก็เป็นวิทยุเหมือนกัน ตรงนี้เองจึงตัดสินใจไปฝึกงานเป็น ผู้สื่อข่าวที่ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น(ไปประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รัฐสภา ทำเนียบ ศาล บชน.กกต.) จนได้ทำงานที่นี่ และประจำข่าวสายอาชญากรรม-การเมือง ด้วยการรายงานข่าวต้นชั่วโมงของสำนักข่าวดังกล่าว
จากนั้นมีทางเลือกให้ก้าวออกมาจากสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น มาอยู่สำนักข่าว ทีไอเอ็นเรดิโอ กระทั่งออกมาสู่สำนักข่าวไทยเรดิโอนิวส์(ข่าวคลื่น 101 และวิทยุ มก.ทั่วประเทศ) ทำข่าวสายเดิม ความสนุกมีมากขึ้นสามารถคิดทำอะไรได้ตามความเหมาะสม และยังได้เป็นผู้ประกาศให้กับทางคลื่นด้วย และแล้วเวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี ชีวิตการเป็นผู้สื่อข่าวต้องยุติลง เพราะทาง คลิ๊ก เรดิโอ ได้เข้ามาประมูลคลื่นไปได้ ทำให้ผมต้องตกงานแบบไม่ได้ตั้งตัว จึงต้องตกงานอยู่ประมาณสองเดือน
ขณะเดียวกันเป็นช่วงที่ไปสอบใบผู้ประกาศได้พอดี ทำให้ผมมีไฟพุ่งกระฉูดอยากจะทำความฝันในการเป็นดีเจ.ขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจที่จะไปสมัครดีเจ.ที่ไหนอีกแล้ว ระหว่างนั้นได้มาทบทวนดูแล้วเราน่าจะไปเช่าชั่วโมงสถานนีวิทยุจัดรายการเองดีกว่า
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ผมก็เลยเบิกเงินออกมาจากธนาคารประมาณสามหมื่นบาทมาเป็นทุนเพื่อจะได้เป็นเจ้าของ
รายการวิทยุของตัวเอง หลังจากได้ชั่วโมงจัดแล้วที่ สพทบ.99.25 เวลา 20.00 น.-21.00น.
เสาร์-อาทิตย์ ชื่อ รายการ เรดิโอ ซอง (ตรงนี้ผมต้องขอบคุณพี่สุรนันท์ เวชชาชีวะ ที่ช่วยเรื่อง
โฆษณาของเอไอเอสมาให้กับทางรายการ)
ความรู้สึกของวันแรกที่เข้าไปนั่งจัดอยู่หลังไมค์ "มันมีความสุขมากๆ บอกกับตัวเองว่าเราทำได้แล้ว ทำได้จริงๆ อย่างน้อยสิ่งที่ฝันมันก็ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝันเหมือนที่คนรอบข้างเคยว่าผมเอาไว้ ขนาดแม่(พุก กองทอง นพคุณ)ของผมยังเห่อลูกชายคนนี้ไม่น้อยเลยครับ คืนแรกที่ผมจัดรายการ แม่ผมคนนี้แหละครับที่เป็นนักประชาสัมพันธ์บอกกับทุกคนที่มาซื้อของที่ร้านบ้านผมครับ บางคนได้ฟังแล้วก็มาถามว่า คนจัดรายการวิทยุเมื่อคืนเป็นอะไรกับแม่ผม แหมคราวนี้ได้ทีนะซิครับ แม่ผมก็ต้องอธิบายชี้แจงอย่างเต็มภาคภูมิว่า ลูกชายของป้าเอง ลูกชายของพี่เอง ผมได้ฟังน้ำเสียงแม่แล้วผมก็รู้สึกดีใจ อย่างน้อยก็เป็นทางเดินของคนมีฝันคนหนึ่งเท่านั้น
ระหว่างที่จัดรายการอยู่นั้นก็ต้องวิ่งหาโฆษณาเอง ผมรู้สึกว่าเหนื่อยมากๆ และแล้วชีวิตการเป็นดีเจ.
ทำอยู่ได้ประมาณ 1 ปีก็ต้องยุติลง เนื่องจากได้ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว ของหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก
ในยุคเริ่มต้น โดยได้เข้าทำงานมาตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม 2544 และคมชัดลึกตีพิมพ์วางแผงในวันที่ 16 ตุลาคม 2544(ผมภูมิใจที่ได้เป็นทีมบุกเบิกคมชัดลึกในยุคแรกครับ แต่ถึงไม่ได้ทำรายการวิทยุผมก็
สุขใจที่ได้ทำความฝันสำเร็จโดยที่เกิดจากตัวเราที่จะเดินเข้าไปหาฝันนั่นเอง)
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เคยทำเดโม้เทปไปให้กับพี่วินิจ เลิศรัตนชัย พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล
หรือจะเป็น ศันสนีย์ นาคพงษ์ รวมทั้ง มีคนบอกว่าถ้าต้องอยากเป็นอะไรให้พับนก 2,000 ตัว
ผมก็พับเกินสองพันตัวด้วย(กลัวไม่ได้เป็น) ในที่สุดสิ่งเหล่านี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของเรามากกว่า เป็นแรง
กระตุ้นให้เรามีความพยายาม และอดทน ทั้งหมดนี้คาดหวังข้อมูลจากประสบการณ์ตรงนี้น่าจะเป็น
ประโยชน์ให้กับใครหลายๆ ที่กำลังท้อแท้กับความฝันในชีวิต สุดท้ายแล้วความฝันจะเป็นจริงได้ต้อง
อดทน และพยายาม
คติประจำใจ
ยืดได้หดได้เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์
คนสร้างงาน งานสร้างคน ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด และไม่มีใครได้อะไรมาโดยไม่ลงมือลงแรง
ประวัติสุทธิคุณ กองทอง
จบการศึกษา โรงเรียนวัดดอนตะโก ,โรงเรียนวัดเขาวัง อ.เมือง จ.ราชบุรี
โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม กรุงเทพฯ
และศิลปศาสตรบัณฑิต (นิเทศศาสตร์)
ศศ.บ. (นิเทศศาสตร์) ชื่อภาษาอังกฤษ Bachelor of Arts (Communication Arts) B.A. (Communication Arts)
มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
หลักสูตร อบรมการเป็นผู้ประกาศข่าว มสธ.
หลักสูตร “Victory Strategic Thinking and Management ”
การจัดการเชิงกลยุทธ์สำหรับนักบริหารรุ่นใหม่ รุ่น 1
พ.ศ.2540 บริษัท รีฟริโก อีควิปเม้นท์ จำกัด
พ.ศ.2541 ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น และ สำนักข่าวทีไอเอ็นเรดิโอ
พ.ศ.2542 ผู้สื่อข่าว/ผู้ประกาศข่าว สำนักข่าวไทยเรดิโอนิวส์(เครือไทยสกาย)
พ.ศ.2543 นักจัดรายการวิทยุ รายการเรดิโอซอง เอฟเอ็ม 99.25 สพทบ.ราชบุรี
พ.ศ.2544 ผู้สื่อข่าว/นักเขียน หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก คอลัมน์หนังสือในใจคน
หนังสือกรุงเทพธุรกิจ(จุดประกายวรรณกรรม วันอาทิตย์)
พ.ศ.2547ผู้สื่อข่าว/ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์/พิธีกรภาคสนาม รายการสีสันจากข่าวสาร เก็บตกจากเนชั่น ไทยทีวีช่อง 1 เนชั่น แชนเนล(Nation Channel) และรายการ ส่วนตั๊ว ส่วนตัว ยามเช้า ช่อง 3
พ.ศ.2550 พิธีกรรายการ เปิดคอคนดัง ช่อง 5
พิธีกรรายการ กรุงเทพฯ เมืองแห่งชีวิต ช่อง 11
พ.ศ.2551 ผลงานเขียนเล่มแรก “ธรรมดาถาม ธรรมะตอบ” สำนักพิมพ์ ดีเอ็มจี
พ.ศ.2552 ผลงานเขียนเล่มที่ 2 “คนเห็นกรรม” สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป
ผลงานเขียนเล่มที่ 3 99 วิธีแก้กรรม ด้วยตนเอง
และฉบับปรับปรุง 99 วิธีแก้กรรม ด้วยตนเอง ฉบับ พ้นทุกข์ พารวย สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป
ผลงานเขียนเล่มที่ 4 พรุ่งนี้รวย สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป
ผลงานเขียนเล่มที่ 5 เดือนเด่น เลขมงคล ดวงดีปี 2553 สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป
ผลงานเขียนเล่มที่ 6 มองทะลุ…ดวงไทย สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป
ผลงานเขียนเล่มที่ 7 ศรัทธา ปาฏิหาริย์ คนดัง สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป
ผลงานเขียนเล่มที่ 8 ผ่าดวงเมือง สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป
ผลงานเขียนเล่มที่ 9 เที่ยว ชิม บุญ (ร้านอาหารเจ-มังสวิรัติ์ ทั่วประเทศ) สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป
ปัจจุบัน นักเขียน / ผู้สื่อข่าว / New Editor WhO? Magazine
บริษัท โซลิด มีเดีย(ประเทศไทย) จำกัด และพิธีกร
สอบถามรายละเอียดเรื่องหนังสือ เที่ยว ชิม บุญ ได้ที่ โทรศัพท์ 086-389-5835