สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รักครั้งสุดท้ายทายาทตลาดดัง หนิง-ปณิตา พัฒนาหิรัญ “ดี” จน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ “ไม่กล้าเลว” รับมีลูกชาย แต่ไม่เคยแต่งงาน!!





นิตยสาร WhO?

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์

แต่งหน้า : ภัทชา อินสุวรรโณ

รักครั้งสุดท้ายทายาทตลาดดัง

หนิง-ปณิตา พัฒนาหิรัญ “ดี” จน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ “ไม่กล้าเลว”

รับมีลูกชาย แต่ไม่เคยแต่งงาน!!

อดีตเด็กเกเรไร้ซึ่งใบปริญญา วันนี้เขาก้าวเข้ามาบริหารธุรกิจพันล้านเต็มตัว นอกเหนือความน่าสนใจในฐานะทายาทตลาด “ยิ่งเจริญ” จรินทร์ ธรรมวัฒนะ ยังกลายเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของดาราสาว “หนิง-ปณิตา” รักครั้งสุดท้ายของผู้ชายที่เคยพลาด และลูกที่เกิดจากความประมาทโดยไม่เคยมีครอบครัว

หลายสัปดาห์ก่อนฉากโรแมนซ์ คุกเข่าขอแต่งงานบนเรือสำราญกลางลำน้ำเจ้าพระยาระหว่าง จรินทร์ ธรรมวัฒนะ กับนางร้ายในจอ หนิง-ปณิตา พัฒนาหิรัญ เป็นข่าวเซอร์ไพร์สคนทั้งวงการ จากนั้นไม่นานข่าวขยายเกี่ยวกับชีวิตของว่าที่เจ้าบ่าวกลับเซอร์ไพร์สยิ่งกว่า เมื่อเนื้อหาระบุว่า ทายาทตลาดยิ่งเจริญอย่างคุณจิน เคยผ่านการมีครอบครัวและพ่วงด้วยลูกชายวัยกำลังซนอีกหนึ่งคน

ดูเหมือนความรักที่แสนหวานจะเจอกับบททดสอบ เมื่อฝ่ายหญิงบอกเพียงสั้นๆ ว่า รายละเอียดของเรื่องนี้ให้ไปถามคุณจินกันเอาเอง อดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างไรเธอไม่ได้มีส่วนรับรู้ แต่สำหรับปัจจุบันทั้งคู่พยายามคิดและทำให้เด็กคนหนึ่งมีความพร้อมที่สุด

/// ยินดีลูกเรียก “พ่อ”

ในวันที่นักธุรกิจหนุ่มวัย 29 ปี ปฏิเสธข่าวเคยมีครอบครัว แต่ยอมรับว่ามีบุตร คุณจินตอบคำถามด้วยใบหน้าสดใสและยินดีเผยเรื่องราวส่วนตัวเพื่อทุกคนจะได้รู้จักตัวตนของเขาให้มากขึ้น“เรื่องลูกหนิงรู้มานานแล้วครับ รู้มาก่อนที่จะคบเป็นแฟนกันอีก ตอนนี้ก็อายุขวบกว่าๆ ผมก็ส่งเสียค่าเลี้ยงดู อะไรที่ช่วยได้ผมก็ทำให้หมด จริงๆ เราไม่เคยคบเป็นแฟน การมีลูกตรงนี้ เรียกว่าผมประมาทดีกว่า มันเป็นความประมาทที่ไม่ควรเกิดขึ้น ตอนคลอดผมก็ไปเซ็นรับรองเป็นบุตร ซึ่งก็ได้มีการตรวจดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้ว แต่เขาใช้นามสกุล แม่เขา แต่ด้วยความที่เรา ไม่เคยคบกัน ไม่เคยอยู่กินกัน ในเรื่องลูกแม่เขาก็เป็นคน ดูแลไป”

ส่วนอนาคตหากเด็กคนนี้จะเรียกคุณจินว่า “พ่อ” เขาก็ยินดี “จะเรียกพ่อหรือเปล่าผมไม่รู้ แล้วแต่เขา จะเรียกอะไรก็ได้ผมไม่ว่าอยู่แล้ว ความตั้งใจผมก็จะส่งเสียให้เขาได้ดีที่สุด ให้ได้เรียนสูงที่สุด คุณพ่อคุณแม่ก็ช่วยเหลือเรื่องนี้ตลอด”

// ชีวิตติด “ตลาด”

ชี้แจงกรณีเป็นข่าวให้คลายสงสัย ชีวิตของหนุ่มคนนี้ยังมีเรื่องชวนสนใจ ค่าที่เป็นทายาทคนกลางของ ปริญญา และจันทิรา ธรรมวัฒนะ เจ้าของกิจการตลาดยิ่งเจริญ และรั้งตำแหน่งกรรมการ บริหารบริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ดูแลอาณาจักร ยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ ห้างเยส ที่กำลังปรับโฉมใหม่เป็นตลาดยิ่งเจริญบางพลี จ.สมุทรปราการ และตลาดยิ่งเจริญปาร์ค จ.อุบลราชธานี

คุณจินมีพี่ชายและน้องสาว (นครินทร์-นริน) เกิดที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา พออายุประมาณขวบ เศษคุณพ่อคุณแม่จึงพากลับมาอยู่เมืองไทย และกลับไปเรียนไฮสคูลที่สหรัฐอเมริกา

“คุณพ่อคุณแม่ไม่ดุ ครอบครัวผมเลี้ยงดูกันด้วยเหตุผลมากกว่า จริงๆ เป็นนโยบาย ของบ้านเลยว่า ห้ามตีลูก (ยิ้ม) พ่อแม่เลี้ยงผมด้วยตัวเองไม่มีพี่เลี้ยง ทำให้ครอบครัวเราสนิทกันมาก ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เริ่มทำธุรกิจจิวเวอร์รี่ส่งออก สมัยนั้นคุณพ่อจะมี โรงเรียนสอนออกแบบแต่ ตอนนี้ปิดตัวไปแล้ว ซึ่งก็ยังมีธุรกิจโกลด์มาสเตอร์ เรียกว่าชีวิตผมเติบโต มากับการสร้างธุรกิจ ของคุณพ่อ ผมตมากับโรงงานจิวเวรี่เลย” นักธุรกิจหนุ่มย้อนความในวัยเยาว์

เติบโตมาท่ามกลางธุรกิจครอบครัว ทำให้คุณจินคลุกคลีและเรียนรู้การทำงานมาตลอด จนเมื่อคุณพ่อเข้ามาบริหารตลาดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เขาจึงมีโอกาสฝึกงาน และช่วยเหลืองานอย่างจริงจัง

ผมชินกับตลาดมาตั้งแต่ยังเด็ก ยิ่งสมัยนั้นต้องมากินข้าวกับคุณย่า(สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ)เป็นประจำ พอวันนี้ผมมาดูแลตลาดก็ทำให้คุ้นเคยกับพ่อค้าแม่ค้า เกือบทุกวันผมจะต้องลงไปตรวจตลาด กับผู้จัดการเป็นประจำว่าแผงขายของเรียบร้อยหรือไม่ มีใครล้ำแผงกันหรือเปล่า แล้วพื้นตลาด ของแต่ละร้านสกปรกอย่างไร ผมจะดูแลความสะอาดของตลาดเสมอๆ

//เสเพล เกเร เรียนไม่จบ

ก่อนจะมาเป็นผู้บริหารไฟแรงเฉกเช่นปัจจุบัน คุณจิน เล่าถึงวีรกรรมในวัยเรียนที่ไม่ค่อย จะสนใจเรียนนัก หลังถูกย้ายจากสหรัฐอเมริกาให้กลับมาเรียนไฮสคูลที่ โรงเรียนนานาชาติ ไอเอสบีในเมืองไทย แล้วเรียนต่อปริญญาตรีที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ( ABAC ) เรียนอยู่หลายคณะ รวมถึงสาขาดนตรี ด้วยความเป็นคนติดเพื่อน จึงเป็นสาเหตุทำให้เรียนไม่จบปริญญาตรี

“ตอนเด็กๆ ผมเกเรมาก(เน้นเสียง) เกเรจนโดนพักการเรียน 1 เดือนช่วงที่เรียนอยู่ไอเอสบี ตอนที่เรียนอยู่อเมริกาผมก็โดดเรียนประจำ วัยเด็กมันสนุกไง เพราะได้เจอเพื่อน ผมก็รักสนุกอยากเที่ยวด้วย แล้วตอนที่ผมเรียนอยู่ที่ ABAC เรียนมาตั้ง 8-9 ปี ก็ยังไม่จบ ขนาดผมเลือกเรียนทุกคณะเลย” กล่าวพลางหัวเราะให้กับอดีตของตัวเอง

กระทั่งเวลาผ่านไป เขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ชีวิตที่เคยสนุกสนานเกเรจึงถึงจุดอิ่มตัว “ผมก็ไม่รู้ว่าหยุด ได้ยังไง เหมือนคนที่เบื่ออะไรแบบนี้แล้ว ทุกวันนี้ผมจะไปสังสรรค์ กับเพื่อนแต่ละครั้งก็จะไป บ้านเพื่อนแทน แต่จะไม่ไปเที่ยวตามผับตามบาร์แล้ว เพราะเบื่อ เคยไปเหมือนกัน แต่เข้าไปได้เพียง 5 นาทีผมก็เดินออกมา”

เหนือสิ่งอื่นใด คุณพ่อเป็นคนสำคัญที่ดึงให้เขากลับมาอยู่กับความเป็นจริงของชีวิต คำสอนที่ผู้เป็นพ่อ ปลูกฝังอยู่เสมอคือ เมื่ออดีตกลับไปแก้ไขไม่ได้ ก็ขอให้อยู่กับปัจจุบันและทำวันนี้ให้ดีที่สุด “ผมไม่ชอบเรียน ไม่ชอบอ่านด้วย แต่ชอบที่จะลงมือทำ ผมเลยขอคุณพ่อมาทำงานที่ตลาดเอง คุณพ่อคุณแม่บอกว่า อยากจะทำงาน ก็ให้มาทำเลย” เขาจึงเลือกที่จะทิ้งการเรียนด้วยการเข้ามา บริหารตลาดยิ่งเจริญแทนพ่อในวัย 24 ปี

ผู้บริหารหนุ่มหน้าใส ต้องปรับตัวหลายอย่าง คุณจิน ถ่ายทอดความรู้สึกในวันวานด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนั้นก็มีการลองผิดลองถูกเหมือนกัน เวลาช่วยผมได้เยอะ แต่ตอนนี้ก็ถือว่าการบริหารงานของ ผมก็โอเคดีแล้วครับ ผมมีลูกน้องดี ผมมีพ่อค้าแม่ค้าที่ดี แล้วคุณพ่อก็ยังให้การสนับสนุน ในการทำหน้าที่ของผมอย่างดีมากด้วย”

//พ่อค้าแม่ค้า คือ เจ้านาย

กิจวัตรประจำวันของทายาทตลาดดัง คือ การตื่นประมาณ 8 โมงเช้า เดินทางถึงออฟฟิศ 9 โมง จากนั้นเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหาร เสร็จแล้วจึงลงไปตรวจตลาดบนพื้นที่ 30 ไร่ จำนวน 2,000 แผง เรียกว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่บริหารตลาดยิ่งเจริญ เขายังมีหลักการทำงานที่น่าสนใจ

“หลักบริหารตลาดของผมไม่มีอะไรมาก พ่อค้าแม่ค้าเป็นเจ้านาย (หัวเราะ) แม่ค้าคือคน ในครอบครัวของเรา เพราะถ้าไม่มีเขาเราก็อยู่ไม่ได้ เขาไม่มีเราเขาก็อยู่ไม่ได้ เราเลยต้องพึ่งพา อาศัยกัน พ่อจะสอนผมตลอดว่า บริหารตลาดไม่เหมือนที่อื่น มันคือ Management my walking การเดินนั่นแหละคือการบริหารตลาดที่ดี ถ้านั่งบริหารงานอยู่ข้างบนไม่เห็นอะไรหรอก ต้องเดินลง ไปดูข้างล่าง เพราะตลาดของผมเน้นย้ำเสมอว่าต้องสะอาด และอาหารต้องไม่มี สารพิษเจือปน

นอกจากนี้ในแต่ละวันเขาจะขับรถไปดูแลงานที่ตลาดยิ่งเจริญบางพลี ส่วนที่ จ.อุบลฯ จะเดินทาง ไปดูแลเดือนละครั้ง เนื่องจากมีคุณหน่อง(น้องชายเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) เป็นหุ้นส่วน คอยบริหารงานอยู่ที่นั่นด้วย

//แอบรัก...กลายเป็นรักครั้งสุดท้าย

เมื่อธุรกิจหลายพันล้าน ที่เขาทุ่มเทสร้างเพื่ออนาคตกำลังไปได้สวย เหตุนี้กระมังจึงถึงเวลาที่จะหา ใครสักคนมาช่วยดูแล และหญิงสาวผู้โชคดีที่กำลังจะก้าวสู่สะใภ้ตระกูลดังและมั่งคั่ง “ธรรมวัฒนะ” คือดาราสาว หนิง-ปณิตา พัฒนาหิรัญ เพื่อนสนิทของนางเอก นุ่น-วรนุช ภรรยาทายาทสิงห์ ต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี ซึ่งฝ่ายชายต่างก็เป็นเพื่อนซี้ร่วมก๊วนเดียวกัน

“จริงๆ ผมแอบชอบหนิงมานานแล้ว แต่เวลาไม่ตรงกันเท่านั้นเอง เขาเป็นคนดีเป็นคนรักครอบครัว เป็นคนเอาใจใส่ในทุกๆเรื่อง เป็นคนตั้งใจจะทำอะไรแล้วเต็มที่มาก หนิงเป็นคนน่ารักครับ เขาเป็นคนที่อยู่กับเราแล้วเรารู้สึกว่าเราอยากเป็นคนดี(หัวเราะ)” ชื่นชมดาราสาวไม่ขาดปาก

ครั้นถามว่าเป็นรักแรกพบหรือไม่ เจ้าตัวยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย “ใช่ๆ ผมชอบหนิงตั้งแต่เจอเลย แต่คงไม่ถึงขั้นรักตั้งแต่แรกเจอ (ยิ้มเขิน) ก็ผมก็แอบชอบหนิงมานาน พอดีว่าจังหวะนั้น มันยังไม่ตรงกัน ผมว่า ก็ดีแล้วที่ตอนนั้นจังหวะไม่ตรงกัน ไม่อย่างนั้นตอนนี้อาจไปด้วยกันไม่ รอดก็ได้(หัวเราะ) มาเจอ มาคบกันตอนนี้ดีกว่า เพราะมาคบกันตอนที่เราพร้อมแล้ว”

อยู่ในสถานะเพื่อนร่วมก๊วนมานานราว 4 ปี จนถึงเวลาที่คุณจิน อยากเปลี่ยนสถานะเป็นคู่ชีวิต ของฝ่ายหญิงหลังดูใจกันได้สักระยะ เขาจึงใช้วิธีขอแต่งงานด้วยการเซอร์ไพร์สใน บรรยากาศแสนโรแมนติก “ผมเป็นคนที่ค่อยๆ ซึมเข้าไป เขาก็ไม่รู้ตัวหรอก หนิงมารู้ว่าผมแอบชอบ ก็ไม่นาน ประมาณ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ก่อนที่ผมจะให้แหวนขอแต่งงาน ผมก็จะมีของใช้เล็กๆน้อยๆ ซื้อกระเป๋าให้บ้าง ส่วนของอื่นที่ผมให้หนิงผมจำไม่ได้แล้ว (ยิ้ม) แต่ของที่ให้ก็ไม่ใช่ของชิ้นใหญ่อะไร เป็นแค่ของแทนใจเท่านั้น

ทั้งที่เรียนรู้ดูใจกันไม่ถึงปี เช่นนั้นคุณจินหมายมั่นว่ารักครั้งนี้จะยาวนานแค่ไหน ชายหนุ่มตอบ กลับน้ำเสียงจริงจัง “ผมว่าผมพอแล้ว เป็นรักครั้งสุดท้าย(หัวเราะ) ผมพอแล้วจริงๆ ผมจะทำหน้าที่ ให้ดีที่สุด ผมตั้งใจอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เราจะอยู่ด้วย คงไม่เกเรไปไหน เพราะว่าไปขอลูกสาว เขามาแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดี อีกอย่างหนึ่งหนิงเขาเป็นคนดีมาก ดีจนเราไม่กล้าไปทำตัวเลว ส่วนครอบครัวผม แฮปปี้มาก คุณพ่อคุณแม่ผมก็รักหนิงมาก คุณแม่ดีใจมาก บอกว่าแต่งๆไปเถอะ แม่บอกว่าเธอน่าจะแต่งนานแล้ว เธอเจอคนที่ดีก็อย่าปล่อยให้เขาหลุดมือไปไหน” ว่าที่เจ้าบ่าว กล่าวถึงความรักครั้งสุดท้ายด้วยสีหน้าขวยเขิน

/// “จิน” ดีที่เป็นธรรมชาติ

ขณะที่ฝ่ายหญิงบอกผ่านความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อฝ่ายชายเช่นกัน เขาเป็นคนที่คิดดี ทำดีกับทุกคน ตั้งแต่หนิงรู้จักและคบเขาเป็นเพื่อนมา หนิงไม่เคยเห็นเขาว่าใคร หรือนินทาใคร ไม่เคยเห็นเขาจะร้ายใส่ใคร เขาเป็นคนที่ละเอียด เอาเรื่องของคนอื่นมาคิดตลอด แล้วเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมมาก คือเป็นคนที่ใช้ชิวิตแบบธรรมดา แล้วหนิงก็มีความรู้สึกเดียวกัน เพราะถ้าให้มาอยู่ด้วยกันแล้วทำตัวเป็นลูกคุณหนู หรือทำตัวแบบฉันใหญ่ ฉันเจ๋ง มาทำให้คนรอบข้าวของหนิงไม่แฮ้ปปี้ไปด้วย ก็คงไม่น่ารัก

จินเป็นคนดี เป็นคนจิตใจดี แล้วเท่าที่หนิงสัมผัสได้ เขาเป็นคนที่พยายามจะทำแต่เรื่องดีๆ ให้เราตลอด คือตอนเป็นเพื่อนกันเขาเป็นยังไง ตอนคบกันก็เป็นอย่างนั้น คือไม่ได้หมายความว่าเพิ่งจะมาคบกันแล้วเขาเพิ่งจะมาทำดีกับเรา คือผู้ชายบางคนจะทำดีกับผู้หญิงคนนึงเพราะอยากจะจีบผู้หญิงคนนั้น แต่สำหรับจิน คือสิ่งที่เป็นธรรมชาติของตัวเขา คือตัวตนของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เขาพยายามจะทำเพื่อเอาชนะใจใครคนใดคนนึงเท่านั้น

ส่วนเรื่องสินสอดทองหมั้นที่จะสู่ขอดาราสาวนั้น คุณจินรีบแจงทันที “เรื่องนี้ไม่ทราบ จริงๆ อยู่ที่ผู้ใหญ่คุยกันครับ” แต่เรื่องเรือนหอคงสร้างอยู่ติดกับบ้านของครอบครัวซึ่งกำลังเจรจาเรื่องที่ดินอยู่ เมื่อถามว่าไปเที่ยวกับแฟนสาวมีสถานที่ไหนประทับใจกันบ้าง คุณจินตอบแบบหวาน จนน้ำตาลเรียกพี่ “ผมไม่ค่อยไปเที่ยวไหนสองต่อสอง ไปก็จะมีเพื่อนๆ ในกลุ่ม อย่าง นุ่น-วรนุช พี่ต๊อด-ปิติ และ เจี๊ยบ- ชมพูนุช จริงๆ ผมอยู่กับหนิงที่ไหนผมก็ประทับใจ หมดละครับ คงไม่มีสถานที่ไหน ที่ประทับใจเป็น พิเศษ เพราะสถานที่ไหนมีหนิงอยู่ด้วยก็ดีไปทุกที่เลยจริงๆ”

กว่าจะลงเอ่ยด้วยการขอแต่งงาน คงเป็นเรื่องธรรมดาของคู่หนุ่มสาวที่จะมีเรื่องหึงหวงกันบ้าง ซึ่งทั้งคู่เป็นคนขี้หึงไม่แพ้กัน “ผมเป็นคนขี้หึงมาก(หัวเราะ) หนิงก็หึงเหมือนกัน หึงพอกันๆ จริงๆ ตรงนี้การคบกันย่อมต้องมีพื้นฐาน คือ ต้องเชื่อใจกัน ซึ่งตอนนี้ผมก็ลดลง เพราะว่า กำลังจะแต่งงานกัน จะมานั่งหึงอะไรกันอีกไม่รู้ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องหึงแล้ว ยิ่งใกล้แต่ง งานเรื่องหึงก็น้อยลง”

//บวชก่อนเบียดเพื่อ “หนิง”

ก่อนทั้งคู่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์กลางเดือนธันวาคม 2554 นักธุรกิจหนุ่มตั้งใจบวชเป็นครั้งที่สอง ในวันที่ 23 ก.ค.2554 ซึ่งต้องเดินทางไปบวชที่ประเทศอินเดีย โดยเจ้าตัวบอกเหตุผลการบวช ก่อนเบียดครั้งนี้ว่า “ผมเคยบวชมาแล้วตอนอายุ 20 ครั้งหนึ่ง สาเหตุที่เลือกไปบวชที่อินเดียเพราะว่า ผมไปอินเดียมา 3 รอบแล้ว รอบแรกไปกับที่บ้าน ก็ได้เจอท่านเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี เจ้าอาวาสวัดไทย กุสินาราเฉลิมราชย์ สนทนาธรรมถูกคอ ท่านก็บอกมาช่วยสร้างสถานพยาบาล วัดให้หน่อย ผมก็เลยสร้างพระปางประสูติให้เช่า ชื่อว่า รุ่นยิ่งเจริญ เสร็จปุ๊บรอบสองไปถวายเงิน ให้กับท่านเจ้าคุณ

ส่วนรอบสาม ไปเมื่อต้นปีพาหนิง ล้วก็นุ่นกับต๊อดไปด้วยเพราะเขายังไม่เคยไปกัน นอกจากนี้ก็มีคุณแม่พี่ต๊อดไปด้วย (อรุณี ภิรมย์ภักดี) ด้วยความที่ผมสนิทกับท่านมา ตั้งแต่ผมเด็กๆ ผมก็จะ นับถือแม่พี่ต๊อดเหมือนเป็นแม่บุญธรรมผม ตอนที่ไประหว่างที่นั่งคุยๆ กันว่าจะแต่งงาน หนิงบอกว่าถ้าจะแต่งหนิงขออะไรอย่างหนึ่งได้หรือเปล่า เขาก็บอกว่า ต้องบวชอีกรอบหนึ่ง ผมก็บอกว่าเคย บวชไปแล้ว แต่เมื่อหนิงขอ ผมก็บอกไปว่า ‘ได้’ ผมไม่รู้เหตุผลอะไร พอเขาขอผมปั๊บผมรับปากทันที เขางงๆเหมือนกัน ทำไมให้คำตอบง่ายจัง พอ กลับเมืองไทยมาก็บอก คุณพ่อคุณแม่ แล้วท่านเจ้าคุณบอกว่าบวชอินเดียซิได้กุศลแรงดี มาบวชใต้ต้นโพธิ์ ท่านจะบวชให้ ท่านบอกว่ามีวัดไทยอยู่วัด หนึ่งกำลังบูรณะจะได้มาช่วยแบกปูนขนทราย(หัวเราะ) ผมก็คิดว่าจะอยู่จำ พรรษาที่อินเดียเกือบเดือนแล้วค่อยกลับมาสึกที่วัดสระเกศ ชีวิตคงพบแต่ความสุข”

เป็นความสุขที่น่ายินดีกับว่าที่เจ้าบ่าว ที่ทำทุกอย่างเพื่อจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับ ว่าที่เจ้าสาว หนิง-ปณิตา ในอนาคต



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น