สุทธิคุณ กองทอง หนุ่ม

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องเล่า....ชัชเตาปูน ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ


เรียน ชาวบ้านซอยภาณุรังษี
"รู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถาน" สุภาษิตสอนใจของท่านเจ้าคุณนร
ถ้าท่านอดีตนายกฯทักษิณยึดสุภาษิตของเจ้าคุณนรเป็นหลักในการดำรงชีวิต
ป่านนี้ท่านก็คงไม่ต้องระเหเร่ร่อนเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไหนนอนนั่น
และคงไม่ต้องทำให้พี่น้องชาวอีสานถูกจับดำเนินคดีเผาบ้านเผาเมืองหรอกครับ
ที่ผมยกสุภาษิตของเจ้าคุณนรขึ้นมาก็เพราะว่า
ครั้งหนึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณตอนที่ยังจนๆอยู่ เคยพูดกับคุณบารอน เพื่อนรักของผมว่า "พี่ครับ ผมจน ขอผมเกิดเถิดครับ" คุณชาวบ้านซอยภาณุรังษีคงสงสัยว่าทำไมท่านอดีตนายกฯทักษิณถึงพูดอย่างนี้ ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ เรื่องเดิมมีอยู่ว่า ท่านอดีตนายกฯทักษิณท่านเอาเงินไปวางมัดจำค่าที่บริเวณบางบัว ซึ่งเป็นบริเวณที่จอดรถของขสมก.อยู่ขณะนี้ และท่านก็นำที่แปลงนี้ไปให้ ขสมก.เช่าเป็นพื้นที่จอดรถ ทั้งๆที่ยังไม่มีสิทธิขาดในการให้เช่า
แต่ด้วยท่านมีศิลปะในการพูด ทาง ขสมก.จึงจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ท่านไปเลยครั้งเดียวทั้งสิบปี และท่านก็นำค่าเช่าที่ทางขสมก.จ่ายให้ท่านทั้งสิบปีนี้ไปจ่ายค่าที่ส่วนที ่เหลือกับเจ้าของเดิม เห็นไหมครับ ขสมก.กับท่านอดีตนายกฯทักษิณทำถูกต้องหรือเปล่า ที่นำเงินภาษีของประชาชนมาจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าถึงสิบปี ซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำกัน แต่ด้วยความเป็นนักเจรจาที่มีจิตวิทยาชั้นสูงของท่าน
เมื่อท่านมาขอพบคุณบารอนเพื่อนรักของผม และพูดว่า "ผมจน ขอผมเกิดเถอะครับ" เพื่อนรักของผมจึงใจอ่อน และดึงเอกสารทั้งหมดที่กำลังจะไปยื่นให้กับปปป.คืนท่านอดีตนายกฯทักษิณไป หรืออีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นประมาณ 20 ปีที่แล้ว สมัยนั้นท่านอดีตนายกฯทักษิณยังรับราชการตำรวจ และทำอาชีพวิ่งหนัง(ซื้อภาพยนตร์ไปขาย)สายภาคเหนือด้วย
และมีความสนิทสนมกับพี่ประเทือง ตรีเมฆ ผู้อำนวยการสร้างหนังสมัยนั้น วันหนึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณต้องการจะสร้างหนังเอง จึงติดต่อให้พี่ประเทืองเป็นผู้ดำเนินการหาเงินให้ ด้วยความรักพวกพ้อง และโอบอ้อมอารี ก็รับปากไป โดยอดีตนายกฯทักษิณได้นำเช็คที่มีลายเซ็นต์ของอดีตนายกฯทักษิณมายื่นให้พี ่ประเทืองกรอกตัวเลขค่าใช้จ่ายในการทำหนังทั้งหมดลงในเช็คใบดังกล่าว ซึ่งพี่ประเทืองได้เขียนตัวเลขในเช็คไป 8 แสนบาท
พร้อมกับเซ็นสลักหลังเช็คของอดีตนายกฯทักษิณใบนี้ เพื่อให้ธนาคารกรุงเทพออกโอดีเงินจำนวน 8 แสนบาทออกมาใช้ก่อน หลังจากได้เงินมาแล้ว อดีตนายกฯทักษิณได้เอาไป 5 แสนบาท แบ่งมาให้พี่ประเทือง 3 แสนบาทเป็นค่าใช้จ่ายทำหนัง ต่อมาสถานการณ์บ้านเมืองไม่ดี อดีตนายกฯทักษิณมาบอกว่า ไม่สร้างหนังแล้ว ให้พี่ประเทืองนำเงินจำนวน 3 แสนบาทมาคืน ซึ่งพี่ประเทืองตอบกลับไปว่า ไม่มี ไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาให้ เพราะได้นำไปใช้จ่ายในการสร้างหนังหมดแล้ว
ในเวลาเดียวกันขณะนั้นทางธนาคารกรุงเทพก็ได้โทรศัพท์ติดต่อพี่ประเทืองมาว่า เช็คของอดีตนายกฯทักษิณที่พี่ประเทืองเซ็นสลักหลังค้ำประกันไว้นั้นเด้ง พี่ประเทืองก็เลยติดต่อกลับไปหาอดีตนายกฯทักษิณว่าจะทำอย่างไร แต่ก็ได้รับคำตอบแกมขอร้องจากอดีตนายกฯทักษิณว่า "ผมขอให้พี่ประเทืองรับไปก่อน แล้วผมจะนำเงินมาจ่ายให้ทีหลัง
เนื่องจากผมกำลังทำเรื่องขอกู้เงินเพื่อไปซื้อดาวเทียม หากมีคดีความเกิดขึ้น ผมจะไม่สามารถกู้เงินได้ ถ้าจบเรื่องซื้อดาวเทียมแล้ว ก็จะให้ทนายดำเนินการแก้ไขให้" พี่ประเทืองก็เชื่อใจ ตอบรับไป จวบจนผ่านพ้นไป 10 ปี อดีตนายกฯทักษิณก็ไม่ยังยอมนำเงินจำนวนดังกล่าวมาจ่ายให้ ในที่สุดพี่ประเทืองก็ต้องเป็นหนี้ และถูกธนาคารฟ้องร้องเรียกทั้งต้นและดอกเป็นเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งพี่ประเทืองไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาชดใช้ให้
ท้ายที่สุดก็ต้องถูกศาลสั่งล้มละลาย จนไม่สามารถสร้างหนัง หรือประกอบกิจการอะไรได้ ครอบครัวพี่ประเทืองต้องตกระกำลำบาก ลูกทั้ง 4 คนกำลังเรียนอยู่ ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาส่งลูกเรียน จนกระทั่งต่อมาอดีตนายกฯทักษิณได้เป็นรมต.ต่างประเทศ พี่ประเทืองก็ไปติดต่อ ขอเข้าพบเพราะหวังจะได้เงินคืน แต่ก็ไม่ได้เข้าพบ กระทั่งพี่ประเทืองเสียชีวิตลง และก่อนพี่ประเทืองจะเสียชีวิตลงในที่สุด ครอบครัวลำบากมาก ก็ได้มาฝากลูกชายทำงานกับผมที่สยามรัฐ และทำงานอยู่กับผมมาจนบัดนี้
ต่อมาท่านอดีตนายกฯทักษิณได้เป็นนายกฯ ลูกเมียพี่ประเทืองก็ได้ติดต่อขอเข้าพบ แต่ก็ไม่ได้พบเช่นเคย จนต้องเขียนจดหมายจ่าหน้าซองว่า เป็น "จดหมายของคนตาย" อดีตนายกฯทักษิณจึงได้คืนเงินให้จำนวน 8 แสนบาท แต่ไม่เคยถามถึงดอกเบี้ยที่ธนาคารบวกเพิ่มขึ้นมาอีกกว่าล้านบาทแต่อย่างใด เมื่อได้เงินจำนวน 8 แสนบาทมาแล้ว เมียพี่ประเทืองจึงนำเงินจำนวนนี้ไปจ่ายหนี้ให้กับธนาคารกรุงเทพฯ พร้อมทั้งขอร้องกับธนาคารให้ผ่อนปรนให้ ซึ่งในที่สุดธนาคารก็ยอมยกดอกเบี้ยให้ จึงสามารถปลดหนี้จำนวนนี้ลงไปได้
แต่กว่าจะปลดหนี้ก้อนนี้ซึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณเป็นผู้สร้างไว้กับครอบครัวพี่ประเทืองได้ ท่านอดีตนายกฯทักษิณจะรู้ไหมว่า ได้สร้างความทุกข์ให้กับครอบครัวพี่ประเทืองไว้มากมายเท่าไหร่ จากที่พี่ประเทืองมีอนาคตหน้าที่การงานก้าวหน้าอีกไกล และมีเงินสามารถเลี้ยงครอบครัวอย่างสบาย กลับต้องมาเป็นหนี้สิน และล้มละลาย กระทั่งลูกเมียต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก ที่ผมเล่าเสียยืดยาว ก็เพื่อให้คุณชาวบ้านซอยภาณุรังษีได้เห็นภาพว่า ถ้าท่านอดีตนายกฯทักษิณรู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถาน ตามสุภาษิตของท่านเจ้าคุณนรที่ท่านให้สติเอาไว้ ป่านนี้ท่านอดีตนายกฯทักษิณก็คงไม่มีสภาพเช่นนี้หรอกครับ ใช่ไหม และประเทศเราก็คงไม่ต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งออกมาเผาบ้านเผาเมือง> ให้เห็นกันอยู่อย่างนี้ บาปกรรมมีจริงนะครับ นับถือ
ชัช เตาปูน>>>> 27 พ.ค. 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น