สถาบันวิมุตตยาลัย จัดกิจกรรมส่งท้ายด้วยธรรม ต้อนรับด้วยศีล มุ่งเน้นกิจกรรมแห่ง “สติ” เพื่อส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ นำความสดชื่นรื่นเย็นสู่ชีวิตในทุกขณะจิต
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่าน ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย เปิดเผยว่า สถาบันวิมุตตยาลัย กำหนดจัด “งานส่งท้ายด้วยธรรม ต้อนรับด้วยศีล : สู่ความสดชื่นรื่นเย็นแห่งชีวิต ปี ๒๕๕๔” ขึ้น ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส สวนรถไฟ กรุงเทพฯ โดยนำเสนอการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตามวิถีของชาวพุทธ ทั้งนี้ เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของทุกปี เราจะเน้นการเฉลิมฉลอง ซึ่งบรรยากาศของการเฉลิมฉลองเหล่านั้น เต็มไปด้วยอบายมุข มากไปด้วยความประมาท และไม่ได้ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์พัฒนาชีวิตที่ดีขึ้น สมกับการย่างเข้าสู่เทศกาลของปีใหม่ พระอาจารย์จึงอยากนำเสนอวิธีการเฉลิมฉลองปีใหม่ให้ต่างออกไปตามวิถีของชาวพุทธ
ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าวว่า “การเฉลิมฉลองเทศกาลในปีนี้นั้น ขอให้เรามุ่งไปที่
หนึ่ง การทบทวนงบดุลชีวิตของตนเองว่าในรอบปีที่ผ่านมาเราได้กำไรหรือขาดทุน
สอง แทนที่จะเป็นเทศกาลแห่งอบายมุข ขอให้เป็นเทศกาลของการให้ ให้ตนเองได้ปฏิบัติธรรม ให้ตัวเองได้ทำอะไรดี ๆ ให้กับมารดา บิดา ญาติวงศ์พงศากัลยาณมิตร ผู้มีพระคุณ ให้ตัวเองได้ย้อนกลับมาดูแลสุขภาพกายสุขภาพจิต และให้ตัวเองได้มีธรรมะนำทาง
กิจกรรมการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ด้วยธรรม เป็นการเรียนรู้ศิลปะในการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันกัน เช่น การเจริญสติในชีวิตประจำวัน เพื่อที่จะคืนความสดชื่นรื่นเย็นให้ทั้งกายและทั้งใจของเรา ต้อนรับด้วยศีล ขอให้เรารู้จักวางแผนชีวิตให้มีวินัย ไม่ใช่ปล่อยชีวิตในแต่ละปีให้ผ่านไปตามยถากรรม ปีแล้วปีเล่าที่ไม่มีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้น ตั้งใจครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่เคยเกิดผลเป็นรูปธรรม”
ภายในงานได้มีการแนะนำศิลปะในการส่งท้ายด้วยธรรม ต้อนรับด้วยศีล เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานเรียนรู้ถึงการก้าวข้ามสู่ปีใหม่อย่างมีสติ และให้มีชีวิตใหม่อย่างมีความหวัง อันจะทำให้ชีวิตมีแต่ความสดชื่นรื่นเย็น หลักง่าย ๆ ของงานนี้คือ เพื่อให้เราเรียนรู้จากอดีต กำหนดปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคต ให้ถูกต้อง เมื่อเราทำตามนี้ สามารถมั่นใจได้ว่า ปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว และปีหน้าก็จะดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน
กิจกรรมภายในงานแบ่งออกเป็น ๔ กิจกรรมหลัก ดังนี้
กิจกรรมที่หนึ่ง การสวดมนต์ ๙ บท เพื่อความ ๙ (ก้าว) หน้า โดยมุ่งเน้นการสวดมนต์ เพื่อให้ได้สติปัญญา และสามารถใช้เป็นเข็มทิศนำทางการดำเนินชีวิต โดยคัดเลือกเอามนต์ทุกบทที่ล้วนแล้วเป็นแก่นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสวด เช่น บทกาลามสูตร เป็นบทสวดเพื่อให้มีปัญญา บทมงคลสูตร สวดเพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นมงคลแท้ มงคลเทียม ปัพพโตปมสูตร สวดเพื่อให้รู้ว่าเราจะเตรียมรับมือกับความตายได้อย่างไร โพชฌงคสูตร สวดเพื่อให้เรารู้ว่าเราจะดูแลตนเอง เพื่อให้สุขภาพจิตก็สดใส สุขภาพกายก็สมบูรณ์ได้อย่างไร นี่คือศิลปะของการสวดมนต์ เมื่อสวดเป็นก็เห็นธรรม นอกจากนี้ ทุกคนที่มาร่วมงานจะได้รับหนังสือสวดมนต์ ๙ บทเพื่อความ ๙ (ก้าว) หน้าด้วย
กิจกรรมที่สอง การสอนศิลปะของการเจริญสมาธิในชีวิตประจำวัน ศิลปะของการเจริญอานาปานสติ หรือการเจริญสมาธิประจำวันแบบง่าย ๆ เพื่อคืนความสดชื่นรื่นเย็นให้กับชีวิต ตลอดจนเรียนรู้ที่จะมีนิพพานระหว่างวัน เปรียบได้กับการรดน้ำพรวนดินเมล็ดพันธุ์แห่งความสุข เมล็ดพันธุ์แห่งสติ เมล็ดพันธุ์แห่งความสดชื่นรื่นเย็นให้แก่ตัวเองทุกต้นชั่วโมง ท่ามกลางความกดดัน ความเครียด การแก่งแย่งแข่งขันที่สูงยิ่งขึ้นทุกที เวลาที่แบ่งให้กับครอบครัวที่น้อยลง ใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการทำงาน หากคนไทยใช้กลวิธีเช่นนี้ ชีวิตจะเข้าสู่โหมดของความสมดุล ดังที่ว่า “งานก็สัมฤทธิ์ ชีวิตก็รื่นรมย์”
กิจกรรมที่สาม กิจกรรมเสวนาเปิดตัว ส.ค.ส.ชุดจตุรพลัง พลังทั้ง ๔ เพื่อความสวัสดีของสังคมไทย นั่นคือ
๑. พลังแห่งปัญญา ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้ เพราะปกติคนไทยจะเน้นว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
๒. พลังความเพียร พึ่งความเพียรของตน ดีกว่าพึ่งการบนเทวดา ซึ่งจะเน้นไปที่การพึ่งตนสำคัญกว่าการบนบานศาลกล่าวเทวดา คนไทยทุกวันนี้ นับถือเทพกันมาก แต่เราเคยสังเกตกันบ้างหรือไม่ เทพกระจายกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง แต่ทำไมเมืองไทยจึงกลายเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยวิกฤติทั่วทุกวงการ นั่นมิใช่สิ่งที่สะท้อนบอกเราอยู่แล้วในทีหรือว่า คุณเอาแต่พึ่งเทพ บ้านเมืองก็จะยิ่งวิกฤติ แต่หากคุณหันมาพึ่งตนเองมากกว่า เมืองไทยก็จะรอดเมื่อนั้น ตามหลักที่ว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน
๓. พลังความสุจริต ทำมาหากินอย่างสุจริต ดีกว่าหลงผิดคอรัปชั่น
๔. พลังความสามัคคี ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันนำประเทศไทยพ้นวิกฤติ
พลังทั้ง ๔ นี้หยิบมาจากคัมภีร์พระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสว่า พลังทั้งสี่นี้ ถ้าใครมีก็พ้นวิกฤต นอกจากนี้ ยังมีการอภิปรายมุมมองสังคมไทยในรอบปีที่ผ่านมาว่ามีบทเรียนอะไรบ้าง และจะมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวังได้อย่างไร เพื่อให้คนไทยเรียนรู้ที่จะรับมือกับปีหน้าได้อย่างมีความหวังในทุกมุม เช่น การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา ศาสนา สังคม และค่านิยมของสังคมไทย ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ด้วยมุมมองทางธรรม
กิจกรรมที่สี่ กิจกรรมธรรมะคลีนิก ภายใต้ชื่อวา “ถามจากสมอง ตอบจากหัวใจ” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถร่วมสนทนาธรรม ถือเป็นการจ่ายยาธรรมะโอสถให้กับผู้ที่สนใจใฝ่ธรรม สนใจใคร่รู้อยากจะแก้ปัญหาชีวิตด้วยธรรมะ สามารถลงทะเบียนได้ที่ธรรมะคลีนิก
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมงาน สามารถเข้าร่วมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ พร้อมรับ ส.ค.ส.สื่อความสุข ๙,๙๙๙ ชุด เช่น หนังสือธรรมะแห่งปีชุดพิเศษ “๙ เล่มเพื่อความก้าว (๙) หน้า” ซีดีธรรมะชุดพิเศษ “๙ เรื่อง เพื่อความก้าว (๙) ไกล” ปฏิทินปฏิธรรม “๙,๙๙๙ ชุด เพื่อความก้าว (๙) สุข”
ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าวปิดท้ายเชิญชวนประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมงาน “ส่งท้ายด้วยธรรม ต้อนรับด้วยศีล : ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่สไตล์ชาวพุทธ” ร่วมกันมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง มองไปข้างหลังอย่างมีบทเรียน
ผู้ที่สนใจกิจกรรมของสถาบันวิมุตตยาลัย สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.dhammatoday.com หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐๒ ๔๒๒ ๙๑๒๓, ๐๘๑ ๘๘๙ ๐๐๑๐, ๐๘๙ ๘๙๓ ๒๑๓๖, ๐๘๗ ๐๘๐ ๗๗๗๙
***************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น